แชมป์โลกป้ายแดง “เพชรทนง” ไขข้อสงสัย ระดับน้ำในร่างกายสำคัญยังไงต่อนักกีฬา ONE?
แชมป์โลก ONE ป้ายแแดง “เพชรทนง” อาสาแชร์ประสบการณ์ และเคล็ดลับการผ่านด่านชั่งน้ำหนักและวัดระดับน้ำในร่างกายสุดเข้มข้นของ ONE ป้องกันการตกตาชั่งแบบได้ผลจริง
สำหรับนักกีฬาการต่อสู้ การทำน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ตามพิกัดที่กำหนด ถือเป็นหน้าที่หลักและสำคัญไม่แพ้การฝึกซ้อม และการวางแผนการชก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักกีฬาสังกัด ONE ซึ่งเป็นองค์กรยิ่งใหญ่ระดับโลกที่มีระบบและระเบียบการชั่งน้ำหนักแตกต่างจากที่อื่น
ONE ถือเป็นผู้นำในวงการการต่อสู้ที่ไม่อนุญาตให้นักกีฬาลดน้ำหนักด้วยวิธีการตัดน้ำออกจากร่างกาย แต่เลือกใช้ระบบ “น้ำหนักปกติ (walking-weight)” เป็นเกณฑ์ โดยจะมีการชั่งน้ำหนัก และวัดระดับน้ำในร่างกายระหว่างสัปดาห์แข่งขัน
สำหรับระดับน้ำในร่างกายจะตรวจสอบจากความเข้มข้นของปัสสาวะ ภายใต้การกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้นักกีฬาไม่ขาดน้ำ มีความสมบูรณ์แข็งแรง และมีสุขภาพที่ดีตลอดการแข่งขัน
หากค่าความเข้มข้นของปัสสาวะที่วัดได้น้อยกว่าหรือเท่ากับ 1.0250 ถือว่านักกีฬาผ่านการวัดระดับน้ำในร่างกาย จึงจะสามารถทำการชั่งน้ำหนักตัวได้ หากนักกีฬาไม่ผ่านการวัดระดับน้ำในร่างกาย และชั่งน้ำหนักตัวในวันแข่งขัน (ทั้งสองรายการ) จะไม่ได้รับอนุญาตให้ลงแข่งขัน
จะเห็นได้ว่าการวัดระดับน้ำในร่างกายใน ONE นั้นสำคัญกว่าการชั่งน้ำหนักเสียอีก หลายคนจึงอาจสงสัยว่าเหตุใด ONE จึงให้ความสำคัญกับค่าน้ำร่างกายเป็นพิเศษ วันนี้ เราได้ “เพชรทนง เพชรเฟอร์กัส” แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต (145 ป.) ป้ายแดง ผู้มีความรู้ความเข้าใจในการทำน้ำหนักและระดับน้ำเป็นอย่างดีมาช่วยอธิบาย
“เพชรทนง” เผยว่าปัญหาของนักกีฬาชาวไทยร้อยละ 99 ไม่ได้ใส่ใจเรื่องการวางแผนการทำน้ำหนักล่วงหน้าก่อนการแข่งขัน โดยมักไปเร่งลดน้ำหนักในช่วง 2-3 วันก่อนขึ้นตาชั่ง ทั้งยังมีความเชื่อที่ผิดว่า การดื่มน้ำเยอะจะทำให้น้ำหนักเพิ่มและไม่ผ่านตาชั่ง ซึ่งจริง ๆ แล้ว กลับจะส่งผลลบต่อระดับน้ำในร่างกาย
“ช่วงหลัง ๆ เราจะได้ยินข่าวนักกีฬา ONE ตกตาชั่งบ่อย เพราะไม่ผ่านการตรวจวัดค่าน้ำ หรือ Hydration Check เพราะทางรายการค่อนข้างเข้มงวด และเน้นย้ำถึงความปลอดภัยของนักกีฬาเป็นอันดับแรก เนื่องจากการขาดน้ำขณะลดน้ำหนัก หรือขณะแข่งขันจะส่งผลเสียต่อร่างกายนักกีฬา เบาสุดก็เป็นตะคริวบ้าง สมองมึนงง กล้ามเนื้ออ่อนล้าจากการขาดน้ำครับ”
“นักกีฬาไทย 99 เปอร์เซ็นต์ จะคุ้นชินกับการลดน้ำหนักตัวแบบเดิมคือ ยิ่งลดน้ำหนักเยอะ ยิ่งได้เปรียบ โดยใช้สูตรการลดระดับการดื่มน้ำและใส่ชุดลดน้ำหนักวิ่ง เพื่อรีดน้ำหนักให้ได้ตามเกณฑ์ก่อนการชั่งจริง 2-3 วัน ทำให้น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็วเหมือนดีดนิ้ว”
“แต่การตรวจวัดค่าน้ำจะไม่ผ่านตามที่ ONE กำหนดไว้ เพราะน้ำในร่างกายน้อยมาก เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายในระหว่างการแข่งขัน และจะไม่สามารถลงแข่งได้”
ยิ่งไปกว่านั้น “เพชรทนง” ยังชี้ให้เห็นต้นตอของปัญหาที่แท้จริงของการมาตกม้าตายก่อนขึ้นชกเพราะค่าน้ำในร่างกายไม่ผ่าน ซึ่งทำให้นักกีฬาพลาดโอกาสการลงแข่งขันเสียทั้งเวลาและความรู้สึกหลังจากทุ่มเทฝึกซ้อมมาเป็นแรมเดือน
“ผมว่าปัญหามันเกิดมาตั้งแต่การคุมน้ำหนักก่อนชกครับ นักกีฬาคนไทยส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่การฝึกซ้อมและการวางแผนการชกมากกว่า โดยอาจลืมที่จะใส่ใจการคุมน้ำหนักและเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมตั้งแต่ช่วงฝึกซ้อม ทำให้ต้องมาลดน้ำหนักในเวลากระชั้นชิด”
“ส่วนตัวผมเองจะเริ่มคุมน้ำหนัก 1-2 เดือนก่อนวันชกจริง และจะเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อเพิ่มพลังในการฝึกซ้อม โดยจะตัดพวกไขมันออก ที่สำคัญ ต้องดื่มน้ำเยอะ ๆ ครับ”
“ผมอยากแนะนำว่า ถ้านักกีฬาคนไหนมีวินัยในการวางแผนลดน้ำหนักแต่เนิ่น ๆ โดยไม่ลดระดับน้ำในร่างกาย ก็จะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่ถ้าขาดการวางแผนการลดน้ำหนักที่ดี เตรียมตัวตกตาชั่งได้เลย
“อีกอย่าง ร่างกายมนุษย์มีน้ำเป็นส่วนประกอบประมาณร้อยละ 70 แถมไม่มีพลังงาน ดื่มยังไงก็ไม่อ้วนแน่นอน ฉะนั้น อย่ากลัวการดื่มน้ำครับ ยิ่งดื่มเยอะ ยิ่งช่วยลดน้ำหนักได้ง่าย ลืมความเชื่อเดิม ๆ ไปได้เลย ถ้าอยากมาชกรายการ ONE ครับ”
อ่านเพิ่มเติม:
- ทำน้ำหนักแบบนักโภชนาการ “เพชรทนง” เผยเคล็ดลดน้ำหนักก่อนชก แบบไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ
- “ฝีมือ ทัศนคติ วิทยาศาสตร์การกีฬา” 3 สิ่งที่พา “เพชรทนง” เป็นแชมป์โลกคนใหม่ในวัย 37
- 10 คำถามเปลือยใจ “เพชรทนง” ราชันคิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวตคนล่าสุด