การรอคอยที่คุ้มค่า “เพชรทนง” มองย้อนช่วงเวลาร้อนหนาวก่อนก้าวสู่บัลลังก์แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง
“เพชรทนง เพชรเฟอร์กัส” ยอมรับเคยท้อจนอยากเลิกชกมวย แต่เลือกที่จะรอโอกาสจนได้ก้าวขึ้นเป็นแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต ยันในปี 2566 จะรักษาเข็มขัดเส้นนี้ต่อไปให้นานที่สุด
หลังจากที่ “เพชรทนง เพชรเฟอร์กัส” โค่นแชมป์เก่าอย่าง “ฮิโรกิ อากิโมโตะ” ขึ้นครองบัลลังก์แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต (145 ป.) คนใหม่ เมื่อเดือนพ.ย.ที่ผานมา เจ้าตัวก็ออกมายอมรับว่าเป็นการรอคอยที่แสนคุ้มค่า แม้ว่าจะนานจนเคยคิดล้มเลิกกลางทาง
ก่อนที่จะมีเข็มขัดพาดบ่าอย่างที่ทุกคนเห็นกันในตอนนี้ “เพชรทนง” ต้องฝ่าฟันช่วงเวลาที่ยากลำบากมาอย่างยาวนาน จนมีหลาย ๆ ความคิดตีกันอยู่ในหัวว่าควรไปต่อหรือพอแค่นี้
ย้อนไปถึงไฟต์ก่อนที่ “เพชรทนง” จะขึ้นชิงแชมป์โลกกับ “ฮิโรกิ” คือเมื่อเดือน ก.ย.64 เขากลับคืนสังเวียนครั้งแรกหลังจากที่แพ้น็อกแบบหมดรูปให้แก่ “กัปปิตัน เพชรยินดีอะคาเดมี”
โดยเขาสามารถปลดล็อกปมในใจที่มีมานานด้วยการเอาชนะ “จาง เฉิงหลง” จากนั้นเจ้าตัวก็ตั้งหน้าตั้งตาซ้อม และเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรอโอกาสที่จะขึ้นชกในไฟต์ต่อไป โดยหวังใจว่าจะได้ขึ้นชิงเข็มขัด ONE สักครั้งอย่างที่ตั้งใจ
แม้จะรู้ดีว่าอายุอานามในวัยปลายสามสิบ เวลาของเขาบนสังเวียนเหลือน้อยเต็มที แต่เขายังคงรักษาร่างกายเป็นอย่างดีโดยพึ่งหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา และรอคอยโอกาสที่จะมาถึงในสักวัน
“หลังจากชนะ จาง เฉิงหลง ได้ ผมก็เฝ้ารอโอกาสที่จะขึ้นชกอยู่ทุกวัน ด้วยการฝึกฝน หาความรู้เพิ่มทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น เรื่องเวทเทรนนิง โภชนาการ หรือคนที่มีความรู้เฉพาะทางนั้น ๆ ผมก็จะไปขอคำปรึกษาจากเขา มาปรับตารางซ้อม รวมถึงการอ่านวิจัยด้วยครับ แต่ละวันที่รอก็ซ้อมอยู่ทุกวันครับไม่มีวันหยุดเลย”
แต่แล้วชีวิตก็มาถึงทางแยกสำคัญ เมื่อรอแล้วรอเล่าโอกาสที่จะได้ขึ้นสังเวียนก็มาไม่ถึงสักที และด้วยอายุก็มากขึ้นทุกวัน “เพชรทนง” จึงเริ่มคิดถึงเส้นทางในการประกอบอาชีพอื่น ๆ เผื่อเอาไว้ แต่ก็ยังไม่ทิ้งไฟฝันในใจ และยอมรอต่อไป
“ผมเต็มที่กับการซ้อมในทุก ๆ วัน แต่มันก็มีท้อครับ ผมซ้อมไปทุกวันแต่ทำไมมันเงียบอย่างนี้ จนได้แต่ถามตัวเองว่าเมื่อไหร่เราจะได้ชก หลาย ๆ ครั้งก็คิดถึงขั้นยอมแพ้ แล้วถามตัวเองว่าไปหางานอื่นทำดีกว่าไหม บวกกับผมทีอายุก็ 37 แล้ว แต่ด้วยสถานการณ์โควิดผมก็เข้าใจในส่วนนั้น และทำใจยอมรับได้ จึงเลือกที่จะรอโอกาสต่อไป เพราะผมเชื่อว่าตัวเองยังมีฝีมือและศักยภาพครับ”
และแล้วการรอคอยที่แสนยาวนานก็สิ้นสุดลง เมื่อทาง ONE จัดคิวให้ “เพชรทนง” ขึ้นชกในแมตช์ชิงแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต กับแชมป์โลกแดนซามูไร “ฮิโรกิ” ในเดือนพ.ย. ที่ผ่านมาในฐานะคู่เอกของรายการ ONE 163 ซึ่งเจ้าตัวก็รีบคว้าโอกาสที่รอคอยมานานทันที โดยไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ
“ตอนที่ได้รู้ว่าจะได้ชิงแชมป์กับ ฮิโรกิ ผมดีใจมากในที่สุดสิ่งที่เรารอคอยก็มาถึงสักที ทุกอย่างที่ผมทำมาทั้งปีทั้งเรื่องฟิตเนส การกินแต่อาหารดี ๆ ของผม รวมถึงทักษะการต่อสู้ต่าง ๆ ที่ผมฝึกฝนมามันไม่เสียเปล่าแล้ว ผมพร้อมที่จะขึ้นชกวันนี้พรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ”
เมื่อถึงเวลาขึ้นสังเวียน “เพชรทนง” ก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ที่รอเชียร์ต้องผิดหวังตลอด 5 ยก “เพชรทนง” ใช้ความเก๋าเกมดักแทงเข่าสยบความแกร่งของ “ฮิโรกิ” จนสีข้างเป็นรอยช้ำแดงเถือก กระชากเข็มขัดมาครองได้สำเร็จขึ้นแท่นแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่งรุ่นแบนตัมเวต และแชมป์โลก ONE ชาวไทยคนที่ 12
“ผมคิดว่าบางอย่างมันมีช่วงเวลาของมันครับ และสิ่งที่ผมรอมาทั้งปีมันคุ้มมากเลยครับ สมกับที่ผมอดทนฝึกซ้อมทุกวัน กินแต่อาหารที่มีประโยชน์ แม้มันจะไม่อร่อยก็ตาม แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือมันทำให้ร่างกายผมดีขึ้น ความเเข็งแรง ความเร็ว สกิลต่าง ๆ ก็เพิ่มมากขึ้นไปด้วย พอชนะมาชีวิตผมก็ดีขึ้นครับ เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นด้วย ทุก ๆ คนรอบข้างก็ยินดีกับผม จนมันทำให้ลืมไปหมดเลยว่าที่ผ่านมาลำบากแค่ไหน นับว่าเป็นที่ดีสำหรับผมเลยครับ”
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าปี 2565 เป็นปีแห่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของ “เพชรทนง” แต่เมื่อบิ๊กบอส “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” ประกาศเพิ่มค่าตัวให้กับนักกีฬาระดับแชมป์โลก จึงทำให้ “เพชรทนง” มีเป้าหมายในปี 2566 ชัดเจนยิ่งขึ้น นั่นคือการป้องกันเข็มขัดเส้นนี้เอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ และขอดูแลร่างกายให้ดี เพื่อเตรียมรับมือกับผู้ท้าชิงในอนาคต
“ผมยังไม่เลิกชกง่าย ๆ แน่ครับ ยิ่งทางวันประกาศขึ้นค่าตัวเป็น 4 – 6 ล้านบาท และในอนาคตจะเพิ่มถึง 10 ล้าน ผมคิดว่าถ้าผมไม่ชกตอนนี้ผมจะไปชกตอนไหน ผมจะทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป พัฒนาศักยภาพตัวเองให้เพิ่มขึ้นไปอีก เพื่อต้อนรับผู้ท้าชิงของผม แต่ไม่ว่ายังไงเข็มขัดก็จะอยู่ที่ผมต่อไปเรื่อย ๆ เพราะผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่อยากได้ค่าตัว 10 ล้านบาทครับ”
แฟน ๆ กีฬาคงต้องคอยติดตามกันว่าใครจะเป็นผู้ท้าชิงรายแรกของ “เพชรทนง” โดยสามารถติดตามอัปเดตโปรแกรมการแข่งขันได้ที่นี่ และโซเชียลมีเดียของ ONE ทุกช่องทาง ได้แก่ เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand, อินสตาแกรม ONEChampTh
อ่านเพิ่มเติม:
