“ฝีมือ ทัศนคติ วิทยาศาสตร์การกีฬา” 3 สิ่งที่พา “เพชรทนง” เป็นแชมป์โลกคนใหม่ในวัย 37
“เพชรทนง เพชรเฟอร์กัส” ก้าวสู่จุดสูงสุดของอาชีพอีกครั้ง ด้วยชัยชนะเหนือ “ฮิโรกิ อากิโมโตะ” กระชากแชมป์โลก ONE คิกบอกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวตมาครอง ในศึก ONE 163 : ฮิโรกิ vs เพชรทนง ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อวันเสาร์ที่ 19 พ.ย.65
ภาพที่ปรากฏต่อสายตาผู้ชมตลอด 5 ยก สร้างเซอร์ไพรส์ให้คนดูไม่น้อย เพราะเนื้อตัวของ “เพชรทนง” ยังดูแน่นปึ้ก แถมพละกำลังยังเหลือ ๆ สามารถยืนระยะสู้กับแชมป์เก่าจอมแกร่ง ที่อายุน้อยกว่าตัวเองถึง 7 ปี ได้อย่างไร้ปัญหาตลอด 5 ยก
ไม่เพียงเท่านั้น “เพชรทนง” ยังโชว์สกิลการออกอาวุธ ที่ทั้งสวยงาม เนียนตา แต่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพและความหนักแรง
ในขณะที่เพื่อนร่วมอาชีพรุ่นราวคราวเดียวกันกับ “เพชรทนง” แทบเลิกไปหมดหรือไม่ก็บางคนยังชกอยู่ แต่สภาพร่างกายและฝีมือตกไม่ลง ไม่อาจกลับมายืนอยู่ในการแข่งขันระดับสูงได้
เหตุใด “เพชรทนง” จึงเป็นคนที่แตกต่าง และกลับมาสู่บัลลังก์ “ราชันคิกบอกซิ่งแถวหน้าของโลกอีกหน บนหลักวัยอายุ 37 ปี
#วิทยาศาสตร์การกีฬา
เพชรทนง เป็นหนึ่งในนักชกไทยยุคแรก ๆ ที่ให้ความสนใจอย่างเต็มที่กับ วิทยาศาสตร์การกีฬาสมัยใหม่ โดยจุดเริ่มต้นมาจากตอนที่ เพชรทนง มีโอกาสไปชกต่างแดน
เขาเกิดความสงสัยว่าเหตุใด “นักกีฬาต่างชาติ” ถึงมีความแข็งแกร่งกว่าตนเอง ทั้งที่บางคนชกแค่ไม่กี่ไฟต์ แต่ปะทะกันแล้วสัมผัสได้ว่าคู่ชกร่างกายดีกว่านักมวยคนไทย “เพชรทนง จึงกลับมาทบทวนรูปแบบการซ้อมที่ตัวเองฝึกมาทั้งชีวิต เทียบกับการฝึกของต่างชาติที่ใช้หลักของวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย
หลังจากนั้นเป็นต้นมา เพชรทนง ก็มักหาเวลาศึกษาข้อมูลด้านวิชาการ งานวิจัย รวมถึงเคยบินไปทำงานจริงในฟิตเนสต่างประเทศด้วย จนตนเองมีความรู้ความเข้าใจด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาอย่างถ่องแท้ โดยเขาเอาสิ่งเหล่านี้นำมาใช้กับการฝึกซ้อม การกิน การดูแลตัวเอง จนค่อย ๆ เห็นผลการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
จากในอดีตที่เคยมีจุดอ่อนเรี่ยวแรงไม่ดี “เพชรทนง” ก็ปรับเปลี่ยนวิธีการฝึกซ้อมให้ถูกหลัก และตรงจุดมากขึ้น จนเขามีร่างกายจนแข็งแกร่ง จนสามารถยืนอายุการใช้งาน ยืนระยะรักษาสภาพร่างกายให้ชกในเกมระดับสูงได้อย่างยาวนาน
อย่างไฟต์ล่าสุดก็เป็นตัวอย่างชัดเจนว่า แม้ “เพชรทนง” อายุอานาม 37 ปีแล้ว แถมยังต้องเจอมวยบู๊สายอึดอย่าง “ฮิโรกิ” ในไฟต์ 5 ยก แต่เขาก็สู้ได้เต็มแม็ก ไม่มีหมดแรงหรือออกอาการเหนื่อยล้าให้เห็นเลย
#ฝีมือ
ไม่ใช่แค่สภาพร่างกายเท่านั้นที่ “เพชรทนง” ฟิตเฟิร์มกระชากวัย แต่เรื่องฝีไม้ลายมือสไตล์การออกอาวุธของเจ้าตัวก็พัฒนาสกิลต่าง ๆ จนกลายเป็น ตัวพ่อคิกบอกซิ่งขนานแท้
เพชรทนง มีพื้นฐานเหมือนนักสู้ไทยหลายคน คือ มวยไทย สมัยที่เขายังโลดแล่นในสังเวียนผืนผ้าใบบ้านเรา เพชรทนง เป็นมวยจังหวะฝีมือ ตั้งรับจังหวะอาศัยหลักเหลี่ยมชั้นเชิงมาก่อน ดังนั้น เขาจึงมีพื้นฐานการออกแข้งที่หนักแรงและแม่นยำอยู่แล้ว
เมื่อบวกกับประสบการณ์ที่เจ้าตัวกรำศึกในรูปแบบคิกบอกซิ่งมาอย่างโชกโชน เจอคู่ต่อสู้ต่างชาติมาแล้วจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งหมดจึงหล่อหลอมให้ “เพชรทนง” มีความเชี่ยวชาญในการชกีฬาชนิดนี้เป็นอย่างดี และรู้วิธีว่าควรต้องต่อกรกับคู่ชกแต่ละสไตล์อย่างไร
อย่างในไฟต์ล่าสุด “เพชรทนง” รู้ดีว่า “ฮิโรกิ” ต้องเป็นฝ่ายเปิดเกมรุกใส่เขาแน่นอน “เพชรทนง” จึงเตรียมอาวุธทั้งแข้งและเข่าเอาไว้รอโต้ในจังหวะที่ฝ่ายตรงข้ามปรี่เข้าหา เมื่อ จอมแกร่งชาวญี่ปุ่น โดนอาวุธเข้าเป้าไปหลายชุดสะสม ในช่วงท้ายก็เริ่มออกอาการแผ่วให้เห็น ก่อนจะพ่ายแพ้เสียเข็มขัดให้ “เพชรทนง” ในที่สุด
#ทัศนคติ
ไม่ว่าจะเป็นตอนก่อนชกที่ยังไม่ได้ครองเข็มขัด ไปจนถึงวินาทีที่ก้าวสู่ตำแหน่งแชมป์โลกคนใหม่ สิ่งหนึ่งที่ทุกคนเห็นจากจากการให้สัมภาษณ์ของ “เพชรทนง” คือ รอยยิ้มและคำพูดเชิงบวกจากเจ้าตัวเสมอ
นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนถึง “ทัศนคติ” ในการเป็นนักกีฬาที่ดี เพราะอันที่จริงในวัย 37 ปี “เพชรทนง” ผ่านมาหมดทุกอย่าง ทั้งการเคยเป็นแชมป์หลายเส้น ไปจนถึงจุดที่พบกับความปราชัย ด้วยเวลาแค่ 6 วินาที
บางคนอาจหมดไฟหรือความกระหายที่กลับไปล่าเข็มขัด บางคนยอมแพ้ให้กับสังขารตัวเอง บางคนถอดใจให้กับอุปสรรคมากมายที่พบเจอ แต่ไม่ใช่กับ “เพชรทนง เพชรเฟอร์กัส”
แม้ที่ผ่านมา มันจะไม่ง่าย เพราะหลังจากพ่ายแพ้นัดแรก “เพชรทนง” ต้องอดทนรอรายการและโอกาสที่จะได้กลับไปพิสูจน์อยู่นานพอสมควร แต่เขายังคงใส่พลังบวกให้ตัวเอง ไม่จมปลักกับความเสียใจ ยังคงมีระเบียบวินัยในการฟิตซ้อม ดูแลร่างกาย ไม่เคยปล่อยเนื้อปล่อยตัว หรือลดระดับความตั้งใจเลย
ชัยชนะเหนือ “จาง เฉินหลง” ต่อด้วย “ฮิโรกิ” จึงเป็นผลลัพธ์ ที่ได้จากการทำงานหนักตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา นับตั้งแต่เซ็นสัญญาเข้า ONE ของ “เพชรทนง”
ถึงเขาแม้จะเปิดตัวไม่สวยงาม แต่สุดท้ายก็สามารถมายืนอยู่บนจุดสูงสุดของ รุ่นแบนตัมเวต ในสายคิกบอกซิ่งได้ ด้วยวิธีคิดและการปฏิบัติตัวสมกับคำว่า “ระดับโลก” อย่างแท้จริง
อ่านเพิ่มเติม: