เปิดปูมชีวิตสุดต่ำต้อยของ “อูมาร์ คาน” สู่ดาวรุ่งดวงใหม่ที่พร้อมเติบโตบนเวทีโลก
นักสู้หนุ่มจากครอบครัวชาวประมง “อูมาร์ คาน” หรือที่ใคร ๆ รู้จักเขาในชื่อ “Reug Reug (รุง รุง)” ชีวิตปากกัดตีนถีบตั้งแต่วัยเด็ก สอนให้เขาเป็นนักสู้ผู้กล้าแกร่งในชีวิตจริงวันนี้
“Reug Reug” อูมาร์ คาน นักมวยปล้ำชื่อดังจากประเทศเซเนกัล ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งที่ตั้งอยู่ในแอฟริกาตะวันตก หลังจากโชว์ฟอร์มไฟต์แรกอย่างสวยงามใน วัน แชมเปียนชิพ เขากำลังจะกลับมาอีกครั้งในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายนนี้ตามเวลาประเทศไทย เพื่อเปิดศึกกับยอดมวยปล้ำจากอิหร่าน “เมห์ดี บาร์กี” ในกติกาการต่อสู้แบบผสมผสาน เป็นคู่เปิดรายการศึก ONE on TNT I
ก่อนที่เขาจะปรากฎตัวบนสังเวียนท่ามกลางสปอร์ตไลต์ และจะมีการถ่ายทอดสดในช่วงไพรม์ไทม์ของอเมริกา อูมาร์ ได้เล่าเรื่องราวชีวิตอันแสนต่ำต้อยในแอฟริกาว่าเป็นมาอย่างไรเขาถึงได้มีวันนี้บนเวทีระดับโลก
ครอบครัวชาวประมง
อูมาร์ เป็น 1 ในพี่น้อง 6 คน ของครอบครัวชาวประมงซึ่งอาศัยอยู่ใน Thiaroye sur Mer ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ในเขตชานเมืองของ ดาการ์ อันเป็นเมืองหลวงของเซเนกัล พวกเขาอยู่กันอย่างอัตคัดขัดสน ปลาในมหาสมุทรละแวกนั้นลดลงหลายปีต่อเนื่อง ทำให้ชาวประมงต้องล่องเรือไกลออกไปเพื่อจับปลามากินและขายให้เพียงพอต่อการมีชีวิตอยู่รอด
ความยากแค้นปากกัดตีนถีบหล่อหลอมให้ อูมาร์ กลายเป็นนักรบในชีวิตจริงตั้งแต่เด็ก เขาต้องแก้ปัญหาปากท้องซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันก็ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ชาวบ้านหลายคนเสี่ยงชีวิตด้วยการอพยพไปสู่ดินแดนใหม่อย่างยุโรป บางคนล้มหายตายจากในระหว่างเดินทาง แต่ครอบครัวของเขารวมตัวกันเพื่อต่อสู้อยู่ในบ้านเกิด
จากบ้านเกิดเพื่ออนาคต
ชีวิตที่ต้องดิ้นรน ทำให้ อูมาร์ หันไปพึ่งพากีฬาประจำชาติ สมัยที่เขาอายุ 16 ปี อูมาร์ เริ่มฝึกฝน “mbapatte” ซึ่งเป็นมวยปล้ำพื้นบ้านที่สืบทอดกันมาในหมู่ชาวเซเนกัลนับหลายร้อยปี
เดิมทีพวกเขาใช้มวยปล้ำนี้เพื่อทำศึกสงคราม แต่ตอนนี้มันกลายเป็นการแข่งขัน “lutte avec frappe” ซึ่งมีลักษณะเป็นการต่อสู้บนสังเวียนพื้นทราย และอนุญาตให้ต่อสู้ในท่ายืนได้ แม้การต่อสู้ชนิดนี้จะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของแฟน ๆ ผู้รักศิลปะการต่อสู้ทั่วไป แต่ในประเทศแอฟริกาตะวันตกถือเป็นกีฬาประจำชาติที่มีชื่อเสียงมาก
อูมาร์ มีพรสวรรค์ในกีฬานี้อย่างมหาศาล เพียงไม่กี่เดือนหลังการฝึกฝนภายใต้กำลังใจจากครอบครัว อูมาร์ ก็ออกจากบ้านเกิดและเดินทางไปยังหมู่บ้านเซียเรียร์ เพื่อฝึกฝนวิทยายุทธในระดับที่สูงขึ้น
“ผมจากบ้านไปหลายปีเพื่อไปอยู่ที่เซียเรียร์ ที่นั่นมีชื่อเสียงรู้จักกันดีในวงการมวยปล้ำ จึงเป็นเหตุผลที่ผมยอมไกลบ้าน พ่อแม่เชื่อว่าถ้าผมมีความมานะพยายาม ผมสามารถทำได้ทุกอย่าง และพวกเขาก็สนับสนุนผมเสมอ”
สร้างชื่อในดาการ์
อูมาร์ ทั้งฝึกหนักและลงแข่งขันนับร้อยไฟต์ และส่วนใหญ่เขาได้รับชัยชนะลงจากเวที เมื่ออายุ 20 ปี อูมาร์ จึงตัดสินใจเดินทางไปดาการ์ เมืองหลวงของเซเนกัล ซึ่งที่นั่นสร้างชื่อเสียงให้เขาอย่างรวดเร็ว นักสู้ชาวเซเนกัลหนุ่มประลองยุทธ์กับนักสู้มือฉมังซึ่งล้วนแล้วแต่มีดีกรีชั้นนำระดับประเทศ ทั้ง 16 ไฟต์เขาปราบคู่แข่งได้ทุกคน
ไม่มีใครหยุดยั้ง อูมาร์ ได้ แต่สิ่งเดียวที่ทำให้เขาหันหลังให้วงการต่อสู้ในบ้านเกิดคือความเย้ายวนของศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) กีฬาอันเป็นที่รู้จักทั่วโลก ซึ่งมันคือโอกาสที่เขาจะสร้างชื่อเสียงและรายได้เลี้ยงดูครอบครัว อูมาร์ จึงไม่ลังเลที่จะผันตัวมาจับกีฬานี้ ซึ่งสำหรับเขาซึ่งมีดีกรีเป็นถึงแชมป์มวยปล้ำ ไม่ใช่เรื่องยากที่จะปรับเปลี่ยนมาหัดกีฬาใหม่อย่างการต่อสู้แบบผสมผสาน
อูมาร์ เริ่มสวมนวม MMA 4 ออนซ์ ขึ้นสังเวียนครั้งแรกในปี 2562 และโชว์ความแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ด้วยการเอาชนะทีเคโอ. ในยกที่สอง และผลงานครั้งนั้นก็ทำให้เขากลายเป็นที่จับตาของแฟน ๆ การต่อสู้ทั่วโลก รวมถึง วัน แชมเปียนชิพ
กระหายเป็นแชมป์โลก
แม้ว่า อูมาร์ จะยังใหม่ในกีฬานี้ แต่นี่คือความฝันอันยิ่งใหญ่กับการได้ก้าวสู่การแข่งขันในระดับโลก ในฐานะตัวแทนประเทศเซเนกัลและชาวแอฟริกัน
“ผมอยากเป็นแชมป์ชาวแอฟริกันที่โด่งดังที่สุดเท่าที่เคยมีมา ผมเชื่อว่า ONE สามารถทำให้ผมกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกได้ มีองค์กรหลายแห่งยื่นข้อเสนอให้กับผม แต่ดูเหมือน ONE จะเป็นศูนย์รวมของกีฬาต่อสู้ที่ดีที่สุด”
การเปิดตัวใน วัน แชมเปียนชิพ ครั้งแรก เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ด้วยการชนะน็อกนักสู้ระดับตำนาน “The Panther” อเล็น เอ็นกาลานี ทั้งที่เขาไม่เต็มร้อยเนื่องจากบาดเจ็บก่อนลงแข่งขัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผลการแข่งขันเปลี่ยนแปลงไปจากที่เขาตั้งใจไว้ แถมหลังจบไฟต์แรกก็มีผู้ติดตาม อูมาร์ ในไอจีเพิ่มขึ้นกว่า 20,000 คน
“นี่เฉพาะในไอจีนะ ถ้าผมได้เป็นแชมป์โลก มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลกแน่นอน”
อูมาร์ ในวัย 29 ปี เขายังมีความฝันและเส้นทางที่จะต้องไขว่คว้าต่อไป ใน วัน แชมเปียนชิพ มีคู่แข่งชั้นนำมากมายที่รอให้เขาพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งรายต่อไปคือ “เมห์ดี บาร์กี” นักมวยปล้ำมือหนักจากอิหร่านที่เปิดตัวไฟต์แรกไม่สวยงามนัก จึงหวังที่จะกลับมาเรียกศรัทธาคืน แต่ อูมาร์ มองเขาเป็นเพียงบันไดที่จะเหยียบไปสู่อนาคตการเป็นแชมป์โลกรุ่นเฮฟวีเวต
“ผมฝึกกับนักสู้ขั้นเทพหลายคน และเขาก็สอนให้ผมรู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะไปถึงจุดสูงสุด ผมเชื่อว่าผมพร้อมแล้วที่จะเป็นดาว ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่าการเป็นแชมป์โลก และผมเชื่อว่าผมฝึกหนักกว่าใคร และจะทำแบบนี้ต่อไปจนกว่าผมจะได้เป็นแชมป์”
“ดูอย่าง บร็อก เลสเนอร์ แชมป์รุ่นเฮฟวีเวต เขาก็เป็นนักมวยปล้ำมาก่อน และได้เป็นแชมป์หลังจากลงแข่ง 10 ไฟต์ และผมก็จะทำให้ได้แบบนั้นเหมือนกัน”
อ่านเพิ่มเติม: