ย้อนฟอร์มสุดพีกของ “พันธ์พยัคฆ์” ที่ส่งให้ได้รับฉายา “ยอดมวย 3 พ.ศ.”
ย้อนเส้นทางความสำเร็จ “พันธ์พยัคฆ์ จิตรเมืองนนท์” ที่ทำให้ได้รับฉายา “ยอดมวย 3 พ.ศ.” ก่อนที่จะขึ้นสังเวียนอีกครั้ง เพื่อชิงเก้าอี้สำรองการแข่งขัน ONE มวยไทย เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นฟลายเวต (61.2 กก.) ในศึก ONE 160: อ็อก vs คริสเตียน ซึ่งจะถ่ายทอดสดในวันศุกร์ที่ 26 สิงหาคมนี้
พันธ์พยัคฆ์ ถือเป็นอีกหนึ่งนักมวยไทยชั้นแนวหน้า ที่ผ่านสังเวียนมาอย่างโชกโชนตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งทั้งหมดเกิดจากความพากเพียรพยายาม และการดูแลอย่างใกล้ชิดของครอบครัว ที่หวังให้ลูกชายแจ้งเกิดบนสังเวียนอย่างที่หวัง
จากการเคี่ยวกรำอย่างหนัก ของคู่พ่อที่เป็นเหมือนครูมวยคนแรก และคุณแม่เป็นลงทุนเป็นคนล่อเป้าให้กับลูกชาย ทำให้ “เจ้าคล้าว” คว้าเข็มขัดมาประดับบารมีอย่างมากมาย จากเวทีมวยมาตรฐานของเมืองไทย
พันธ์พยัคฆ์ สามารถสอยมาประดับบารมีมีอยู่หลายรุ่นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแชมป์จากสนามมวยเวทีราชดำเนิน รุ่น 105, 108 ปอนด์, แชมป์สนามมวยเวทีลุมพินี รุ่น 118, 126 ปอนด์
แต่สิ่งที่ทำให้ พันธ์พยัคฆ์ โดดเด่นไม่เหมือนใคร นั่นคือการเป็นนักมวยคนแรกและคนเดียวของไทย ที่สามารถคว้ารางวัล “นักมวยไทยยอดเยี่ยม” ของสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย 3 ปีซ้อน (พ.ศ.2556-2558) โดยได้รับรางวัลครั้งแรกในวัยเพียง 17 ปีเท่านั้น
โดยรางวัลอันทรงเกียรติดังกล่าว กว่าจะได้มาต้องผ่านการคัดกรองอย่างพิถีพิถัน ต้องมีคุณสมบัติเป็นนักมวยไทยอาชีพที่มีฟอร์มการชกดีเยี่ยมต่อเนื่องตลอดทั้งปี รวมถึงมีความประพฤติดี ไม่เป็นที่เสื่อมเสีย และสามารถเป็นแบบอย่างให้กับบุคคลในสังคมได้
และด้วยสไตล์การชกที่เป็นมวยฝีมือ แถมยังมีอาวุธที่คมกริบ ทำให้ในช่วง 3 ปีที่ได้รางวัล ยอดมวย พันธ์พยัคฆ์ สามารถไล่ปราบคู่ชกระดับแนวหน้าของวงการมาแล้วนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น เสือคิม ศิษย์ สท.แต๋ว, พระจันทร์ฉาย พี.เค.แสนชัย, สามเอ ไก่ย่างห้าดาว รวมถึง ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9
จากความยอดเยี่ยมดังกล่าว ทำให้ “คล้าว” พันธ์พยัคฆ์ ถูกดึงตัวเข้ามาอยู่ในสังกัดของ ONE โดยชกทั้งในกติกามวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง และแพ้ไปเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากการขึ้นสังเวียน 4 ไฟต์ ทำให้รั้งตำแหน่งผู้ท้าชิงอันดับ 3 ของแรงกิงมวยไทย รุ่นฟลายเวต ในปัจจุบัน
และถึงแม้จะหันไปเอาดีกับการเป็นครูมวยที่อีโวล์ฟยิม แต่ “ยอดมวย 3 พ.ศ.” ก็ยังไม่หมดไฟ และพร้อมเปิดรับโอกาสขึ้นโชว์ฝีมือบนสังเวียนอยู่เสมอ กระทั่งได้รับการประกบคู่ให้เจอกับ “โจชัว ครูซ” จากเม็กซิโก ในการชิงเก้าอี้สำรองมวยไทย เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นฟลายเวต เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
แต่น่าเสียดายที่ พันธ์พยัคฆ์ ต้องชวดขึ้นสังเวียนในนาทีสุดท้าย เพราะคู่ชกชาวเม็กซิกัน ต้องขยับไปเป็นมวยแทน “โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี” ที่ถอนตัวเพราะปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ และต้องเลื่อนขึ้นไปเป็นคู่ชกของ “วอลเตอร์ กอนซาลเวส” แทน
อย่างไรก็ตาม ด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่มีถอย “เจ้าคล้าว” ก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง โดยมี “น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว” เป็นคู่พาร์ตเนอร์ช่วยลงนวมซ้อม ระหว่างทำหน้าที่ครูมวยอยู่ที่อีโวล์ฟยิม ประเทศสิงคโปร์ เพื่อเป้าหมายในการหวนคืนสู่เวทีอีกครั้ง
กระทั่งล่าสุด โอกาสที่ พันธ์พยัคฆ์ รอคอยก็มาถึง เมื่อถูกประกบคู่ให้เจอกับ “แชร์ซอด คาบูทอฟ” นักสู้ฝีมือดีจากคีร์กีซสถาน โดยมีเก้าอี้สำรองศึกมวยไทย เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ เป็นเดิมพัน
หลังจากนี้คงต้องติดตามกันว่า “ยอดมวย 3 พ.ศ.” พันธ์พยัคฆ์ จะทำได้ดีแค่ไหน ในการหวนคืนเวทีอีกครั้ง และเขาจะคว้าชัยได้อย่างที่หวังหรือไม่ เพื่อโอกาสที่จะก้าวขึ้นมาสร้างชื่อบนสังเวียนระดับโลกในอนาคตอันใกล้
อ่านเพิ่มเติม: