ส่องพี่น้องนักกีฬาที่จูงมือกันเข้ามาอยู่ชายคา วัน แชมเปียนชิพ
10 เมษายนของทุกปี สากลนับว่าเป็น “วันพี่น้องโลก” หรือ “National Siblings Day” วันที่ย้ำเตือนให้เราเห็นความสำคัญของสายสัมพันธ์ฉันพี่น้อง มีนักกีฬาจำนวนไม่น้อยที่มีพี่น้องร่วมเส้นทางนักสู้เหมือนกัน และหลายครอบครัวที่จูงมือกันเข้ามาอยู่ในชายคา วัน แชมเปียนชิพ อย่างที่เราจะกล่าวถึงต่อไปนี้
ขุนศึกตระกูลลี
แองเจลา – คริสเตียน – วิกตอเรีย
นาทีนี้หากพูดถึงพี่น้องนักกีฬาใน วัน แชมเปียนชิพ โผแรกที่มาแรงแซงทุกคนต้องยกให้ “ขุนศึกตระกูลลี” สองพี่น้องดีกรีแชมป์โลก จากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตอนนี้พ่วงน้องสาวคนเล็กตามรอยพี่ ๆ มาด้วย
หญิงลีคนพี่ “Unstoppable” แองเจลา ลี เจ้าของแชมป์โลก ONE รุ่นอะตอมเวต ที่ครองเข็มขัดมาอย่างยาวนาน ถึงแม้ว่าสถิติไร้พ่ายของเธอจะเคยถูกพรากไปในการแข่งขันข้ามรุ่น แต่หากนับเฉพาะรุ่นอะตอมเวตที่เธอครองบัลลังก์อยู่ นับว่าเธอไม่เคยแพ้ใครนับตั้งแต่วันแรกที่ครองตำแหน่งเมื่อ 6 พ.ค.59 โดยตอนนั้น แองเจลา มีอายุเพียง 19 ปี เธอจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นนักกีฬาการต่อสู้หญิงผู้คว้าแชมป์โลกด้วยอายุที่น้อยที่สุดของโลก
เมื่อมีพี่สาวเป็นแรงบันดาลใจและพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการคว้าแชมป์โลก ONE นั้นไม่ไกลเกินเอื้อม ก็ถึงเวลาที่ยอดชายนายลีคนน้อง “THE WARRIOR” คริสเตียน ลี เจริญรอยตาม แต่เส้นทางของเขานั้นลำบากกว่า เนื่องจากนักสู้ชายมีจำนวนมากและแต่ละคนในรุ่นเดียวกันก็โหดหินทั้งนั้น
เขาต้องล้มลุกคลุกคลานในช่วงแรกอยู่พอสมควร แล้วกาลเวลาก็เพาะบ่มให้ ชายลี ได้ฉายแสงในท้ายที่สุดเมื่อกระชากเข็มขัดจากแชมป์เก่าระดับตำนานชาวญี่ปุ่น “ชินยะ อาโอกิ” ได้แบบเหนือความคาดหมาย เมื่อ 17 พ.ค.62
ตามด้วยการต่อยอดสู่เข็มขัดเส้นที่สองจากการแข่งขัน ONE เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นไลต์เวตในอีก 5 เดือนต่อมา ทั้ง ๆ ที่เขามาในฐานะมวยขัดตาทัพ ทำให้ค่ำคืนนั้น “สองขุนศึกตระกูลลี” เป็นพี่น้องนักสู้หญิง-ชายคู่แรกที่ก้าวขึ้นเป็นแชมป์โลกเคียงข้างกัน
ด้านน้องนุชคนสุดท้อง “วิกตอเรีย ลี” เธอกลายเป็นนักกีฬาหญิงที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ วัน แชมเปียนชิพ ทันทีด้วยวัยเพียง 16 ปี หลังจากเซ็นสัญญาเข้าร่วมสังกัดเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2563
การเปิดตัวของเธอเป็นไปอย่างงดงามหลังเผด็จศึกคู่แข่งคนแรกใน วัน แชมเปียนชิพ ด้วยการซับมิชชัน เมื่อ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากนี้คงต้องติดตามดูผลงานของเธอกันต่อไปยาว ๆ ว่าจะมีพิษสงร้ายกาจถึงขั้นไต่ขึ้นไปสู่การเป็นแชมป์โลก ONE ได้อย่างพี่ ๆ ของเธอหรือไม่
จอร์จิโอ – อาร์เมน เปโตรเซียน
จากผู้ลี้ภัยสู่ยอดฝีมือระดับโลก
เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ยืนยันว่ามวยเปลี่ยนชีวิตได้ ทั้ง “จอร์จิโอ” และ “อาร์เมน” สองพี่น้องตระกูลเปโตรเซียนคู่นี้อยู่ในวัยไล่เลี่ยกันเพียงขวบปี เดิมทีพวกเขาเป็นชาวอาร์เมเนีย แต่ด้วยปัญหาสงครามภายในประเทศ ครอบครัวจึงต้องลี้ภัยไปอยู่ที่อิตาลี ไม่มีบ้าน ไม่มีเงิน โชคดีที่ได้องค์กรการกุศลเข้ามาช่วยเหลือ ทำให้ครอบครัวลงหลักปักฐานและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
เปโตรเซียนคนพี่ เจ้าของฉายา “The Doctor” จอร์จิโอ เปโตรเซียน เขาได้รับฉายานี้จากความเฉียบคมในการออกอาวุธที่แสนแม่นยำระดับมิลลิเมตร ประหนึ่งการลงมีดของหมอผ่าตัด ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งในการกอบโกยคะแนน ทำให้เขาสร้างสถิติอันน่าเหลือเชื่อด้วยชัยชนะติดต่อกัน 42 ไฟต์ ภายในระยะเวลา 6 ปี
จอร์จิโอ ได้เป็นแชมป์ของ วัน แชมเปียนชิพ หลังจากที่สามารถเอาชนะ “เซมี ซานา” นักมวยฝรั่งเศส-แอลจีเรีย ในศึก ONE คิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นเฟเธอร์เวต พร้อมคว้าเงินรางวัลติดปลายนวมกลับบ้านไปถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวกว่า 31 ล้านบาทไทยในตอนนั้น
ด้านคนน้อง “อาร์เมน เปโตรเซียน” การมีพี่ชายที่อายุไล่เลี่ยกัน ทำให้ทั้งคู่เป็นทั้งพี่และเพื่อนสนิท ต้องยอมรับว่าบนสังเวียน วัน แชมเปียนชิพ จอร์จิโอ อาจจะไปได้ไกลกว่า แต่สิ่งหนึ่งที่ อาร์เมน ได้รับไปเต็ม ๆ คือประสบการณ์ ทั้งจากการขึ้นชกโดยตรง และจากเพื่อนร่วมสังเวียนหลากค่ายหลายประเทศ สิ่งเหล่านี้หลอมรวมให้เขานำกลับไปพัฒนายิมของตนเองในเมืองมิลานต่อไป
โคลเบย์ – เซจ นอร์ธคัท
ผู้หวังตามรอยตระกูลลี
ครอบครัวนอร์ธคัท คือครอบครัวนักสู้พิมพ์เดียวกันกับ ขุนศึกตระกูลลี เพียงแต่อยู่กันคนละทวีปโลก ความโชคดีของครอบครัวนี้คือมีพ่อเป็นอดีตนักคาราเต้สายดำที่มีพร้อมทั้งเวลาและเงินทอง จึงสามารถสนับสนุนลูกไม้ใกล้ต้นให้เติบโตบนเส้นทางกีฬาการต่อสู้อย่างยั่งยืน
พี่สาวคนโต “โคลเบย์ นอร์ธคัท” ผลิตผลจากต้นกล้าที่ถึงพร้อมด้วยปุ๋ยดิน เติบโตเป็นแชมป์โลกคาราเต้ 36 สมัย ต่อยอดสู่คิกบ็อกซิ่ง และศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตที่ต่างจากเด็กอเมริกันทั่วไป ไม่ไปงานปาร์ตีสังสรรค์ แม้ว่าเธอจะเสียดายแต่ก็ไม่เคยเสียใจ เธอพิสูจน์แล้วว่ามันคุ้มค่ากับชีวิตที่หายไปในช่วงนั้น
ขณะที่น้องชาย “Super” เซจ นอร์ธคัท เติบโตและไปได้ไกลกว่าพี่สาว เขาเป็นนักกีฬาคาราเต้ที่ประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ ด้วยการคว้าแชมป์โลก 77 ครั้งตั้งแต่ยังเด็ก และถูกบรรจุอยู่ในหอเกียรติยศของนิตยสาร Black Belt ปี 2012 ก่อนที่จะต่อยอดสู่ชัยชนะ 15 ครั้งไม่เคยแพ้ใครในการแข่งขันคิกบ็อกซิ่ง พร้อมกับสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย เท็กซัส A&M สาขาวิศวกรรมปิโตรเลียมได้ด้วย
เมื่อหันมาสู่วงการศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) เซจ สั่งสมชัยชนะได้ 7 ไฟต์รวดในรายการชั้นนำของอเมริกาเหนือ แต่เส้นทางของ ซุปเปอร์เซจ ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
เมื่อย่างเท้าเข้าสู่สังเวียนของ วัน แชมเปียนชิพ โคลเบย์ เปิดตัวสวยงามตั้งแต่นัดแรก ส่วน เซจ นั้นกลับตรงกันข้าม เขาโดน “คอสโม อเล็กซานเดร” น็อกตั้งแต่ยกแรก สร้างความเสียหายรุนแรงถึงขั้นต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วนเพื่อซ่อมแซมกระดูกใบหน้าที่แตกถึง 8 จุด และเขากำลังรอที่จะกลับมาเรียกศรัทธาบนสังเวียนระดับโลกแห่งนี้ให้ได้
เรเน – โรบิน คาตาลัน
ผู้บุกเบิกกีฬาการต่อสู้สู่ตากาล็อก
หากว่ากันตามกระแสกลุ่มนักสู้ทีมฮิตของประเทศฟิลิปปินส์ หลายคนคงพุ่งเป้าไปที่ ทีมลาไคย์ เพราะมีทั้งอดีตและแชมป์โลกของ วัน แชมเปียนชิพ มากหน้าหลายตา แต่ถ้ามองย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นยังมีนักสู้อีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่มาตั้งแต่ยุคแรก เหนียวแน่นด้วยสัมพันธ์ฉันเครือญาติ ส่งไม้ต่อกันมาเรื่อย ๆ สวมบทบาทเป็นทั้งโค้ชและนักสู้ให้กันและกันจวบจนปัจจุบัน นั่นคือ “คาตาลันแฟมิลี”
พี่ชายคนโต “The Challenger” เรเน คาตาลัน หัวหอกแห่งค่าย Catalan Fighting System (CFS) แชมป์โลกวูซูประวัติศาสตร์ชาติฟิลิปปินส์ ก่อนผันตัวมาเอาดีด้านศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA)
เรเน เข้ามาใน วัน แชมเปียนชิพ และเดินทางเข้าใกล้เส้นชัยได้มากที่สุด โดยเปิดศึกสายเลือด ค่ายชนค่ายระหว่าง คาตาลัน และ ลาไคย์ ที่เดิมพันด้วยเข็มขัดรุ่นสตรอว์เวต แม้ว่าเขาจะชิงชัยคู่แข่งหนุ่ม “โจชัว พาซิโอ” ไม่สำเร็จ แต่ก็ส่งผลต่อการขับเคลื่อนแรงบันดาลใจให้กับทีมได้เป็นอย่างดี
ส่วนน้องชาย “Ilonggo” โรบิน คาตาลัน หลังตบเท้าเข้ามาอยู่ใน วัน แชมเปียนชิพ เมื่อปี 2559 สถิติของเขาก็ยังลุ่ม ๆ ดอน ๆ เพราะคู่แข่งในรุ่นนี้มีแต่ตัวแข็ง ๆ เขาเคยพ่ายให้กับสองนักสู้ไทยอย่าง “เดชดำรงค์ ส.อำนวยศิริโชค” และ “พงษ์ศิริ มิตสาธิต” มาแล้ว ถึงตอนนี้เขาก็ยังคงต้องพัฒนาฝีมือต่อไป เพราะความสำเร็จใน วัน แชมเปียนชิพ นั้นยังอีกยาวไกล
วันเดอร์เกิร์ล – ซุปเปอร์เกิร์ล
สองลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้น
สองพี่น้องชาวไทยลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจากฝีมือการปั้นของคุณพ่ออดีตนักมวย “จรูญ จันทาศรี” หรือที่คนในวงการรู้จักกันดีในชื่อ “จรูญศักดิ์ ส.วรพิน”
มวยสาวคนพี่ “วันเดอร์เกิร์ล แฟร์เท็กซ์” สั่งสมประสบการณ์ผืนผ้าใบมาตั้งแต่อายุ 8 ปี ก่อนจะย้ายออกจากอกพ่อไปสู่ชายคาค่ายใหญ่แห่งเมืองพัทยาอย่างแฟร์เท็กซ์ โดยหวังตามรอยไอดอลตัวแม่ประจำค่าย “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” อีกทั้งมองการณ์ไกลในศาสตร์การต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) และต้องการศึกษาเพิ่มเติมเสริมความแกร่งเผื่อทางเดินที่หลากหลายในภายภาคหน้า
วันเดอร์เกิร์ล โชว์ฟอร์มสวยงามใน วัน แชมเปียนชิพ ด้วยการปิดเกมไวคู่ชกสองคนแรก แต่สำหรับไฟต์ล่าสุด เจ้าตัวเครื่องสะดุดโดนสกัดดาวรุ่ง อย่างน่าเสียดาย แต่ล้มแล้วก็ลุกได้ เธอเรียนรู้ข้อผิดพลาดและพร้อมปรับปรุงพัฒนาฝีมือ หวังกลับมาเฉิดฉายอีกครั้งในศึกครั้งถัดไป
ทางด้านคนน้อง “ซุปเปอร์เกิร์ล จรูญศักดิ์มวยไทย” เธอคือนักกีฬา วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ (มวยไทย/คิกบ็อกซิ่ง) ที่มีอายุน้อยที่สุดของ วัน แชมเปียนชิพ ด้วยวัย 17 ปี เธอมีพี่สาวเป็นทั้งภาพจำและไอดอลในการชกมวยตั้งแต่เด็ก และคว้าแชมป์ระดับประเทศตามรอยพี่สาวไปเรียบร้อย
อาจเพราะว่า ซุปเปอร์เกิร์ล ยังคงศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมปลาย จึงทำให้โอกาสในการขึ้นสังเวียนมีไม่บ่อยนัก ที่ผ่านมาเธอมีผลงานใน วัน แชมเปียชิพ ไฟต์เดียวเมื่อ 11 ก.ย.63 แต่แค่เพียงไฟต์นั้นก็ทำให้เธอกลายเป็นดาวเด่นในชั่วข้ามคืน ด้วยฟอร์มการชกที่ร้อนแรงจัดน็อกคู่แข่งได้อย่างเฉียบขาดตั้งแต่ยกแรก
อ่านเพิ่มเติม: