Spotlight Sunday: “โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี” ในมุมที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

Jonathan Haggerty IMGL8775

เชื่อว่าแฟนหมัดมวยหลายท่านคงรู้จักชื่อเสียงของนักมวยหนุ่มจากแดนผู้ดี “โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี” ในฐานะนักมวยต่างชาติคู่ปรับของนักชกขวัญใจชาวไทย “รถถัง จิตรเมืองนนท์” ซึ่งทั้งคู่เคยลงสนามปะทะฝีมือกันมาแล้วถึงสองครั้งสองครา ถึงขั้นที่ รถถัง เอ่ยปากว่า โจนาธาน คือนักมวยต่างชาติที่ฝีมือครบเครื่องที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาในชีวิต

นอกเหนือจากเรื่องบนสังเวียน แฮ็กเกอร์ตี ยังมีเรื่องราวชีวิตที่น่าสนใจ และเชื่อว่าหากคุณได้รู้จักเขามากขึ้น คุณอาจจะเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อตัวเขาไปเลยก็ได้

 

#1 เด็กหนุ่มจากเมืองฟุตบอล

 

 

หลายคนอาจมองว่า โจนาธาน มาจากประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองผู้ดีอย่างกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จนไม่ได้มองให้ลึกว่าย่านที่เขาเติบโตมานั้น จริงๆ มันก็พอๆ กับสลัมบ้านเรา

เขาเติบโตในครอบครัวที่มีพ่อเป็นเจ้าของร้านขายของเล็กๆ และแม่เป็นพนักงานดูแลผู้ป่วย โดยมีพี่ชายหนึ่งคน และน้องสาวอีกสองคน

 

 

“ถ้าให้พูดตรงๆ นะ ผมอาศัยอยู่ในย่านที่เรียกว่า ไอลส์บูรี เอสเตต ซึ่งคนลอนดอนรู้กันดีว่า มันเป็นย่านที่ไม่ค่อยปลอดภัย เกิดเรื่องบ่อยๆ จะถูกรื้อถอนเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นย่านที่คนพยายามหลีกเลี่ยง”

“ผมมีครอบครัวที่อบอุ่น นิสัยผมก็เหมือนเด็กลอนดอนธรรมดาทั่วไป ชอบเล่นฟุตบอลกับเพื่อน มีซนและเกเรบ้าง แต่ผมพยายามไม่ไปสุงสิงกับใคร ซึ่งการโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนั้น ผมต้องดูแลและรู้จักป้องกันตัวเอง”

 

#2 สายเลือดนักกีฬา

(ขวาบน) พ่อของ โจนาธาน

 

พ่อของ โจนาธาน (ซึ่งมีชื่อเดียวกันกับลูกชาย) เป็นอดีตคิกบ็อกเซอร์และนักกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) รุ่นบุกเบิกของสหราชอาณาจักร และเขาเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้อื่นอีกหลายแขนง

“พ่อเคยชวนผมไปดูเขาซ้อมที่ยิม ผมก็นั่งดูอย่างนั้นทั้งวัน แต่พ่อไม่อนุญาตให้ผมไปดูตอนแข่ง พวกเราได้แต่นั่งคอยโทรศัพท์ว่าพ่อชนะหรือเปล่า”

โจนาธาน ได้เรียนวิชาคาราเต้และคิกบ็อกซิ่งเมื่ออายุ 8 ปี แต่พอเมื่อเข้าสู่บทเรียนยากๆ เขาก็เริ่มถอดใจ แต่หลังจากได้ชมการแข่งขันมวยไทยของ “บัวขาว ป.ประมุข” รวมถึงการสนับสนุนจากพ่อก็ทำให้เขาสนใจ “ศาสตร์แห่งอาวุธทั้งแปด”

 

 

“เพื่อนคนหนึ่งของพ่อแนะนำให้ผมรู้จักมวยไทย การฝึกมวยไทยมันหนักเอาเรื่อง แต่พ่อก็คอยให้การสนับสนุน ซึ่งเหตุผลหลักผมคิดว่า พ่อคงอยากให้ผมมีวิชาป้องกันตัวติดตัวไว้ และนี่เองที่ทำให้ผมต้องขอบคุณสำหรับเส้นทางเดินที่พ่อชี้นำให้”

การเรียนมวยไทยของคนลอนดอนในช่วงสิบกว่าปีก่อน ดูเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับประเทศที่คนส่วนใหญ่คลั่งไคล้ฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ และมวยไทยยังไม่แพร่หลายนัก แต่เมื่อพ่อของเขาเห็นพรสวรรค์ของลูกชาย และตัดสินใจให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วยการเปิดยิมของตัวเองในชื่อ Team Underground เพื่อเป็นที่ซ้อมและสร้างสิ่งแวดล้อมให้มีความใกล้ชิดกับมวยไทย จึงต้องนับว่าเป็นการคิดนอกกรอบจากกระแสความนิยมของคนในสังคมอย่างมากทีเดียว

 

#3 รู้ผิดชอบชั่วดี

 

ละแวกที่เขาเติบโตมีผู้คนมากมายหลายเชื้อชาติอยู่ที่นั่น ทุกคนรู้จักกันหมด เด็กชายอย่างเขานอกจากจะออกไปเล่นฟุตบอลตามวิถีชีวิตทั่วไปของเด็กลอนดอนแล้ว เขาก็มักเล่นอะไรซนๆ แผลงๆ และด้วยสังคมพาไป เขาก็เคยผ่านประสบการณ์ร้ายๆ ในชีวิตมาเหมือนกัน

“ที่ๆ ผมมามีเส้นทางให้เลือกทั้งดีและไม่ดี และเราต้องเลือกมัน ผมเห็นหลายคนที่ดิ้นรนไปในทางที่ไม่ดี และผมโชคดีมากที่ไม่ตามพวกเขาไป ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ได้มายืนอยู่อย่างทุกวันนี้”

 

https://www.instagram.com/p/CGidnyXheyV/

 

เพื่อนของเขาหลายคนหันไปเลือกเส้นทางอาชญากร และพบจุดจบที่ไม่สวยนัก โจนาธาน เองเคยเห็นภาพเพื่อนสนิทถูกตำรวจจับกุมต่อหน้าต่อตา

“นับไม่ถ้วนว่ามีกี่คนที่เลือกเส้นทางผิดๆ ผมพยายามเปลี่ยนพวกเขา แต่ผมบังคับใจใครไม่ได้ แต่ คุก ไม่ใช่ที่ของผม  แชมป์โลกต่างหากที่ผมอยากจะเป็น”

 

#4 มีเป้าหมายชัดเจน

 

หลังจากฝึกฝนมวยไทยมาหลายปีโดยมีพ่อเป็นกองหนุน โจนาธาน ก็ลงสนามแข่งขันในวัย 12 ปีก่อนช่วงที่จะก้าวสู่วัยรุ่นหัวเลี้ยวหัวต่อ

“การฝึกมวยไทยทำให้ผมแทบไม่มีเวลาไปทำอะไรอย่างอื่น ซึ่งถ้าไม่มีมวยไทย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะเป็นยังไงตอนนี้”

“จริงๆ มันก็ไม่ได้เคร่งครัดขนาดนั้น ผมยังไปปาร์ตีได้ แต่สิ่งสำคัญคือการทำให้เรารู้จักบริหารเวลา มีวินัย และความรับผิดชอบ”

 

 

ด้วยความมุ่งมั่นและการมีเป้าหมายที่ชัดเจน ทำให้ โจนาธาน เป็นแชมป์ตั้งแต่สมัยชกระดับเยาวชน ทั้งแชมป์สหราชอาณาจักร 3 สมัย, แชมป์อังกฤษ 2 สมัย และแชมป์ยุโรป

จนเมื่อเขาก้าวสู่สังเวียนระดับอาชีพ เขาก็คว้าแชมป์ Roar Combat League, แชมป์ ISKA มาครอง รวมถึงแชมป์โลก WBC อินเตอร์เนชันแนล ด้วยวัยเพียง 17 ปี และครองตำแหน่งนี้ 2 สมัย

ก่อนจะคว้าแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต ในเดือนมกราคม 2562 จากการเอาชนะเจ้าตำนานมวยไทย “สามเอ ไก่ย่างห้าดาว” และต้องเสียเข็มขัดในอีก 4 เดือนต่อมาให้กับ “รถถัง จิตรเมืองนนท์”

 

#5 ต้นแบบของรุ่นน้อง

 

ที่ค่าย Team Underground ของครอบครัวไม่ใช่เพียงสถานที่ฝึกซ้อมของ โจนาธาน เท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์รวมของเด็กๆ ในย่านตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงลอนดอน โดยมี โจนาธาน เป็นทั้งเมนเทอร์ โค้ช และต้นแบบให้เด็กๆ เดินรอยตาม

เด็กก็เปรียบเสมือนผ้าขาว ถ้าเขาได้รับการแต่งแต้มสีอะไร ผลลัพธ์มันก็ออกมาเป็นแบบนั้น

 

 

“สมัยนี้มันน่ากลัวนะ คนเราพยายามจะเป็นในแบบที่ไม่ใช่ตัวเอง ชื่นชมคนที่ไม่สมควรได้รับความชื่นชม เด็กๆ ควรจะได้เล่นกีฬาเหมือนอย่างที่ผมทำ ตั้งเป้าหมายของตัวเอง แทนที่จะทำตามคนอื่น”

“ที่ยิมเปิดตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน จะมีเด็กๆ วนเวียนมาตลอด นั่งเล่นคุยกันบ้าง ซ้อมบ้าง หรือทำอะไรที่พวกเขาอยากทำ ซึ่งมันก็ดีกว่าการออกไปทำอะไรแย่ๆ ข้างนอก”

“เรามีคลาสสำหรับวัยรุ่น บางคนก็เป็นแชมป์แล้วด้วย พวกเขาดูผมเป็นแบบอย่าง เราพยายามพาเขาไปแข่งทุกสองอาทิตย์ และให้เขาใช้เวลาอยู่ในยิมให้มาก สร้างแรงบันดาลใจให้เขาเดินไปสู่เป้าหมาย”

 

 

การที่ โจนาธาน ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สังคมให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการสอนมวยให้เด็กๆ โดยไม่หวังผลตอบแทน นอกจากจะทำให้เขายิ่งเป็นที่รักของเด็กๆ และพ่อแม่แล้ว ตัวเขาเองก็รู้สึกดีไปด้วย

อย่างไรก็ตามแม้ โจนาธาน จะเสียตำแหน่งแชมป์โลก ONE ไปแล้ว แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็ได้ยืนสู้อย่างลูกผู้ชายกับนักชกที่ได้ชื่อว่าเก่งที่สุดของโลกอย่าง รถถัง และเก่งกาจตลอดกาลอย่าง สามเอ

ที่สำคัญด้วยวัยเพียง 23 ปีในวันนี้อนาคตบนสังเวียนของเขาจึงยังอีกยาวไกล และด้วยประสบการณ์เพียง 18 ไฟต์ในระดับอาชีพแต่ฝีมือขนาดนี้ เชื่อเถอะว่าเขาทำให้นักมวยไทยรุ่นฟลายเวตต้องหนาวๆ ร้อนๆ ไปตามๆ กันทีเดียว

 

อ่านเพิ่มเติม:

ดูเพิ่มเติมในหมวด บทความ

06 Rungrawee vs George Jarvis OL85 (2)
06 Parham Gheirati vs George Mouzakitis (32) OL84
OFN13 Marcus Almeida VS Oumar Kane (1)
OL75_03 Shir Cohen VS Francisca Vera (25)
youssef assouik 16 9
Thai champs cover update
OL58 Seksan vs Yutaro Asahi (62)
Jonathan Haggerty vs Felipe Lobo OFN19 (52)
Shadow Mom
Suablack Tor Pran49 vs Craig Coakley OL46 (17)
Saemapetch VS Felipe Lobo60
Dimitri kovtun