ปีแห่งการพิสูจน์ตัว “แสตมป์” ภูมิใจลบทุกคำปรามาส ก้าวขึ้นเป็นนักสู้หญิง MMA แถวหน้าอย่างไร้กังขา
สาวแกร่งจากระยอง “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” ย้อนมองชีวิตปี 2565 เป็นช่วงเวลาของการพัฒนาตัวอย่างก้าวกะโดดทั้งร่างกายจิตใจ ปีหน้าฟ้าใหม่ขอไปให้ถึงแชมป์โลก ONE สายการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA)
“แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” เจ้าของเข็มขัดเข็ม ONE เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นอะตอมเวตหญิง (115 ป.) เผยความรู้สึกภูมิใจที่เห็นพัฒนาการของตนเองหลังจากตัดสินใจตะลุยเส้นทาง MMA และสามารถลบคำสบประมาท สามารถขึ้นยืนในฐานะนักกีฬาแถวหน้าของ ONE
จากนักมวยไทยที่มีความรู้ในกีฬา MMA เป็นศูนย์ “แสตมป์” ค่อย ๆ เดินทีละก้าวเพื่อพัฒนาตัวเอง โดยหลังจากคว้าชัยชนะแรกบนเวทีค้นหานักกีฬาดาวรุ่งจากระดับรากหญ้า ONE Warrior Series (OWS) “แสตมป์” ก็เริ่มฉายแววโดดเด่น เก็บแต้มชัยได้ตลอด 4 ไฟต์
โดยในแต่ละไฟต์ลงแข่ง “แสตมป์” แสดงให้เห็นว่าเธอพัฒนาทักษะการต่อสู้ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนกระทั่งคว้าแชมป์เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นอะตอมเวตหญิง เมื่อเดือน ธ.ค.65 ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “เบอร์หนึ่ง” ของรุ่นในทัวร์นาเมนต์ครั้งประวัติศาสตร์
ในปี 2565 “แสตมป์” ได้โอกาสครั้งสำคัญในการขึ้นชิงแชมป์โลก ONE รุ่นอะตอมเวตกับ “แองเจลา ลี” ราชินีเจ้าบัลลังก์ของรุ่นนี้ ในศึก ONE X เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา โดย “แสตมป์” ในฐานะผู้ท้าชิงถูกมองว่าเป็นรองในเรื่องทักษะการต่อสู้ภาคพื้นและประสบการณ์ในสาย MMA
อย่างไรก็ตาม “แสตมป์” ก็สร้างความประทบใจแก่แฟนกีฬาทั่วโลกด้วยการยืนหยัดต่อกรกับนักกีฬาบราซิลเลียนยิวยิตสู (BJJ) สายดำอย่าง “แองเจลา” ได้อย่างถึงพริกถึงขิง มิหนำซ้ำยังใช้ทักษะมวยไทยที่เป็นพื้นฐานเล่นงานแชมป์โลกจนเกิดอาการเป๋ได้เหมือนกัน
แม้ “แสตมป์” จะโค่นบัลลังก์ไม่สำเร็จ แต่ก็พิสูจน์ให้แฟนกีฬาทั่วโลกให้รู้ว่าเธอคือหนึ่งในนักสู้ MMA แถวหน้าระดับโลก โดยเธอสามารถตอกย้ำสถานะดังกล่าวได้อีกครั้งด้วยการเอาชนะ “จีฮิน รัดซวน” ผู้ท้าชิงอันดับ 5 ของแรงกิงรุ่นนี้ไปได้อย่างขาดลอยในศึก ONE FIGHT NIGHT 2 เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา
มาถึงจุดนี้ “แสตมป์” ก็มั่นใจว่าตัวเองสามารถพัฒนาทักษะแบบก้าวกระโดด อันมีผลมาจากความมุ่งมั่นตั้งใจและความอดทน ยิ่งไปว่านั้น ยังมีแรงผลักดันจากคำวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ นานาที่ว่า เธอไม่สามารถไปได้ไกลในสาย MMA แต่จากผลงานอันยอดเยี่ยมในปีที่ผ่านมาก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าชัยชนะที่ได้มาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
“ปี 2565 เรียกว่าเป็นปีที่ดีค่ะ เพราะเมื่อต้นปีก็ได้ชิงแชมป์โลกกับ แองเจลา ลี แม้จะแพ้ แต่มันเป็นบทเรียนที่ดีมากสำหรับหนูค่ะ แต่สิ่งที่ภูมิใจที่สุดคือการได้ลบคำปรามาสของหลาย ๆ คน ที่สบประมาทเรื่องทักษะ MMA ของหนูมากพอสมควร ซึ่งหนูก็พิสูจน์ฝีมือให้ได้เห็นแล้วในหลายไฟต์ที่ผ่านมาค่ะ”
จากทั้งฝีมือการต่อสู้น่าประทับใจและบุคลิกส่วนตัวที่น่ารักสดใสเป็นนักเอ็นเตอร์เทนตัวยง ไม่น่าแปลกใจที่ “แสตมป์” จะเข้าไปนั่งในใจของแฟนกีฬาทั้งไทยและเทศ และส่งให้เธอกลายเป็นหนึ่งในนักสู้ระดับซูเปอร์สตาร์ของ ONE ในปัจจุบัน
ในก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ แม้ “แสตมป์” จะรู้สึกตื่นเต้นกับสถานะนี้ แต่มองว่าเธอยังคงต้องเรียนรู้ในเรื่องการวางตัวให้มากกว่านี้ และตั้งใจว่าจะเป็น “แสตมป์” คนเดิมที่ไม่หลงระเริงไปกับชื่อเสียงที่ได้มา
“หนูรู้สึกดีใจนะคะที่มีคนยกให้เป็นซูเปอร์สตาร์ของ ONE จากที่ไม่มีใครรู้จักเลย จนตอนนี้กลายเป็นไอดอลของใครหลาย ๆ คน ก็รู้สึกดีใจและภูมิใจที่ตัวเองสามารถก้าวมายืนตรงจุดนี้ได้ด้วยความทุ่มเทและอดทนตลอดมาค่ะ”
“แต่ก็ยังคิดเสมอว่า แสตมป์ ก็ยังเป็น แสตมป์ คนเดิมอยู่วันยันค่ำ คือจะไม่หยิ่งผยอง ไม่ทะนงตน ยังเป็น แสตมป์ ที่ทุกคนรู้จัก เพื่อนในค่ายก็ยังเล่นหัวกันได้อยู่ค่ะ”
ในศักราชใหม่ 2566 “แสตมป์” จะได้โอกาสสำคัญอีกครั้งกับการลงแข่งขันในกติกาลูกผสมหญิงมวยไทย x MMA ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ONE โดยจะเผชิญหน้ากับกับ “อนิสสา เม็กเซน” ในศึก ONE FIGHT NIGHT 6: ซุปเปอร์บอน VS ชิงกิซ พร้อมถ่ายทอดสดจาก อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี ประเทศไทย ในช่วงไพรม์ไทม์อเมริกา ซึ่งตรงกับช่วงเช้า 08.00 น. ของวันเสาร์ที่ 14 ม.ค.66
โดยจะเป็นโอกาสที่เด็กสาวจากระยองรายนี้จะได้เขียนหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของตนเองอีกครั้ง ซึ่งเธอเชื่อว่าจะเป็นการประเดิมศักราชใหม่ที่ยิ่งใหญ่ของตัวเองแน่นอน
แฟน ๆ กีฬาสามารถติดตามโปรแกรมการแข่งขันเต็มของศึก ONE FIGHT NIGHT 6 ได้ที่นี่ และโซเชียลมีเดียของ ONE ทุกช่องทางทั้งเฟซบุ๊ก ONE Championbship Thailand และอินสตาแกรม ONEChampTh
โดยสามารถจองบัตรเข้าชมที่ อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี วันนี้ในราคาเริ่มต้น 150 บาท รีบจองก่อน ได้ที่นั่งชัดถนัดตาก่อน คลิกที่ลิงก์นี้ bit.ly/OFN6BKK
อ่านเพิ่มเติม: