เปิดประวัติกำปั้นจอมดีเดือด “ไทฟุน ออสแคน” จากเด็กด้อยโอกาสสู่คิกบ็อกเซอร์ตัวท็อป
ทำความรู้จักนักชกจอมบู๊ “ไทฟุน ออสแคน” เด็กด้อยโอกาสที่ค้นพบพรสวรรค์จนได้เป็นคิกบ็อกเซอร์ตัวท็อปของโลก ก่อนจะลงดวลหมัดกับ “ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน”
เปิดเรื่องราวชีวิตของกำปั้นนักบู๊ “ไทฟุน ออสแคน” อีกหนึ่งคิกบ็อกเซอร์ตัวท็อปของโลก คู่ปรับคนล่าสุดที่จะมาสะกัดเส้นทางกลับคืนสู่บัลลังก์ของ “ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน” ในกติกาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต (145 – 155 ป.) ในศึก ONE Fight Night 11: รีเกียน vs ดีมิทรี ที่จะถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในช่วงเวลาไพรม์ไทม์อเมริกา ซึ่งตรงกับเวลา 07.00 น. ของวันเสาร์ที่ 10 มิ.ย.66
แต่ก่อนที่เราจะได้เห็นการดวลกำปั้นของสองนักชกคิกบ็อกซิ่งตัวท็อปของรุ่น เราขอพาย้อนเรื่องราวชีวิตของ “ไทฟุน” กว่าจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นคิกบ็อกเซอร์ตัวท็อปของโลก
#1 ตามหาเป้าหมาย
“ไทฟุน” เกิดจากพ่อแม่ชาวตุรกีในเมืองทิลเบิร์ก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เขาเป็นลูกคนรองสุดท้ายจากพี่น้องทั้งหมด 7 คน แต่ด้วยครอบครัวที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ชีวิตของเขาจึงลำบากยากแค้น และยังต้องเผชิญกับพ่อที่ติดเหล้าจนทำให้ครอบครัวของเขาต้องแตกแยก
เมื่อครอบครัวขาดผู้นำ การดูแลของแม่ที่ต้องเลี้ยงลูก 7 คนเพียงลำพัง ทำให้เธออาจเอาใจใส่ลูก ๆ ของเธอไม่ทั่วถึงจนทำให้ “ไทฟุน” มีความคิดที่จะออกนอกลู่นอกทาง แต่ด้วยความรักดีเป็นพื้นฐานและกลัวแม่จะผิดหวัง “ไทฟุน” จึงออกตามหาเป้าหมายในชีวิตเพื่อทำให้แม่ภูมิใจ
“ผมเองก็เป็นคนที่เข้าใจยากเหมือนกัน ผมไม่ได้รับความสนใจอย่างที่ผมต้องการตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่ครั้งหนึ่งแม่เคยพูดตอนที่ผมถูกไล่ออกจากโรงเรียนว่า ไทฟุน แม่หวังว่าลูกจะสร้างบางอย่างในชีวิตของลูก ไม่อย่างนั้นทุกสิ่งที่แม่ทำเพื่อพวกลูกก็ไร้ประโยชน์คำ พูดนั้นกระตุ้นให้ฉันต้องทำอะไรสักอย่างกับชีวิต”
#2 ค้นพบพรสวรรค์
เป็นเรื่องโชคดีที่ในช่วงวัยรุ่นของ “ไทฟุน” ได้รู้จักกับกลุ่มชุมชนท้องถิ่นเปิดโอกาสให้เยาวชนที่ด้อยโอกาสได้ฝึกกีฬาต่าง ๆ จนทำให้เขาได้พบกับกีฬาต่อสู้ที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
ถึงแม้ “ไทฟุน” จะค้นพบสิ่งที่ตัวเองหลงใหล แต่ปัญหาการเงินก็ก่อตัวขึ้นมา ด้วยความจริงที่ว่าเขาไม่มีเงินมากพอที่เรียนศิลปะการต่อสู้เพื่อพัฒนาตัวเอง แต่สุดท้ายพรสวรรค์อันน่าทึ่งในตัวเองก็นำพาเขาไปสู่โอกาสใหม่
“ผมเริ่มฝึกได้ 3 เดือน แต่ผมไม่สามารถจ่ายค่าฝึกได้ พวกเขาเขี้ยวกับผมมากเพราะผมไม่สามารถจ่ายเงินได้ แต่มีเพื่อนชวนผมไปฝึกที่ยิมของเขาจากนั้นโค้ชชาวตุรกีเห็นผมฝึกซ้อมกับเพื่อน เขาถามผมว่าฝึกมานานแค่ไหนแล้ว? เขาไม่อยากจะเชื่อที่ผมฝึกมาเเค่ 4 เดือน หลังจากนั้นเขาพูดกับผมว่า ‘ถ้านายต้องการอยู่ที่โรงยิมของฉัน นายไม่ต้องจ่ายค่าเรียน นายจะได้ทุกอย่าง แค่มาฝึกที่โรงยิมของฉัน”
#3 ความภูมิใจของแม่
เมื่ออายุได้ 14 ปี “ไทฟุน” เริ่มแข่งขันในระดับมือสมัครเล่น และเปิดตัวในระดับอาชีพในวัย 18 ปี ชื่อเสียงของเขาค่อย ๆ เป็นที่รู้จักมากขึ้น มาถึงตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือทำให้แม่มีความสุข เพื่อตอบแทนแม่ที่ต้องเสียสละตัวเองให้ลูก ๆ ตลอดมา
“แม่บอกผมว่า ตอนนี้เธอมีความสุขมากเราได้ทำอะไรหลายอย่างด้วยกัน และเธอภูมิใจมาก ทุกครั้งที่ผมพูดกับแม่ แม่จะบอกว่า ‘แม่ภูมิใจในตัวลูกมาก”
#4 มุ่งสู่จุดสูงสุด
จากการครองแชมป์หลายรายการทำให้ “ไทฟุน” ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในโลกคิกบ็อกซิ่ง จนพาเขาก้าวเข้าสังกัด ONE และปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะนักกีฬาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต (155-175 ป.) ซึ่งเป็นโอกาสที่เขาจะแสดงความสามารถด้านการต่อสู้ ด้วยการแข่งขันบนเวทีระดับโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
“ผมคิดว่ารุ่นเฟเธอร์เวตเป็นรุ่นคิกบ็อกซิ่งที่ใหญ่ที่สุดและดีที่สุดที่เคยมีมา นี่คือแชมป์ลีก และผมภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ เป้าหมายของผมคือการชนะ และเป็นแชมป์โลก ONE”
#5 เส้นทางระดับโลก
ก้าวแรกในเวทีระดับโลก ONE ของ “ไทฟุน” ต้องประจันหน้ากับนักชกคิกบ็อกซิ่งแถวหน้าของเมืองไทย “สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง” แต่ก็เป็นการเปิดตัวที่ไม่สวยนัก โดยถูกนักชกชาวไทยเบียดชนะคะแนนไปอย่างน่าเสียดาย ไฟต์ต่อมา “ไทฟุน” เรียกความมั่นใจกลับมาด้วยการเอาชนะ “เอ็นริโก เคห์ล” ไปอย่างขาดรอย ก่อนที่จะมาสะดุดพ่ายคะแนนให้กับ “มารัต กริกอเรียน” ปัจจุบัน “ไทฟุน” รั้งอันดับ 5 ของแรงกิง ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต
โดยในศึก ONE FIGHT NIGHT 11 “ไทฟุน” จะได้แก้มืออีกครั้งกับนักชกซุปตาร์ชาวไทย “ซุปเปอร์บอน” อดีตราชันคิกบ็อกซิ่งของรุ่นที่กำลังหาทางกลับไปทวงคืนบัลลังก์คืน ซึ่งหากเขาปราบอดีตแชมป์โลกและผู้รั้งอันดับหนึ่งของแรงกิงได้ ก็เท่ากับว่าได้ขยับเข้าใกล้บัลลังก์อีกก้าว
แฟน ๆ สามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง THAI TICKET MAJOR และติดตามข่าวสารและความคืบหน้าของศึกนี้ได้ที่นี่และโซเชียลมีเดียของ ONE ทุกช่องทาง ได้แก่ เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand เว็บไซต์ www.onefc.com และอินสตาแกรม ONEChampTh