เปิดประวัติกำปั้นหน้าหล่อ “วิกเตอร์ ปินโต” นักสู้สายฝอหัวใจไทย
“วิกเตอร์ ปินโต” หรือที่แฟนมวยไทยรู้จักมักคุ้นกันในชื่อ “ลีโอ” เป็นนักสู้ชาวฝรั่งเศสหัวใจไทยที่เรียกเสียงกรี๊ดดังสนั่นจากบรรดาแฟนกีฬาสาวน้อยสาวใหญ่ได้เสมอด้วยรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเทียบเท่านายแบบ แต่ถ้าพูดถึงฝีมือมวยไทยเขาก็มีดีไม่แพ้หน้าตา โดยถือว่าเขาคือชาวต่างชาติเพียงไม่กี่คนในเมืองไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในฐานะมวยไทยอาชีพ
เหตุใดฝรั่งตาน้ำข้าวอย่าง วิกเตอร์ จึงเลือกชกมวยไทยเป็นอาชีพและเขาต้องผ่านอะไรมาบ้างก่อนจะได้เป็นหนึ่งในนักมวยระดับโลกแห่ง วัน แชมเปียนชิพ เราจะพาไปย้อนชีวิตของเขาเพื่อค้นหาคำตอบ
#เลือดฝรั่งเศส หัวใจไทย
วิกเตอร์ มีเชื้อสายฝรั่งเศส เกิดที่เมืองตูลูส ปัจจุบันอายุ 28 ปี เขาย้ายมาอยู่เมืองไทยตามคุณพ่อ “เซิร์จ ปินโต” ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ โดยครอบครัวตั้งรกรากเปิดค่ายมวยชื่อ เซ็งบ็อกซิ่ง อยู่ที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เขาจึงได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนบางสะพานวิทยา และคลุกคลีอยู่กับสังเวียนผืนผ้าใบตั้งแต่เด็ก เช่นเดียวกับพี่ชาย “อองตวน ปินโต” ที่อายุห่างกัน 2 ปี
ปัจจุบัน นอกจากจะเป็นนักมวยแล้ว วิกเตอร์ และพี่ชายได้ร่วมกันเปิดฟิตเนสรวมทั้งทำธุรกิจด้านเอนเตอร์เทนเมนต์หลายอย่าง ล่าสุด นักชกสองพี่น้องยังเข้าไปมีบทบาทในวงการ Esport อีกด้วย
#ขึ้นสังเวียนครั้งแรกอายุ 11 ปี
หลังจากซ้อมมวยได้ 2-3 ปี วิกเตอร์ ก็ได้โอกาสขึ้นสังเวียนมวยครั้งแรกในชีวิตที่หัวหิน และด้วยฝีมือและการออกอาวุธที่เหนือชั้นทำให้เขาคว้าชัยชนะแรกด้วยการน็อกเอาต์คู่ต่อสู้และได้ค่าตัวครั้งแรกเป็นเงิน 300 บาท
#สร้างชื่อบนเวทีมวยไทย
เมื่อ วิกเตอร์ อายุ 14 ปี เขามีโอกาสได้ลงศึกบนเวทีมวยลุมพินีในรุ่นน้ำหนัก 36 กิโลกรัม โดยเป็นนักมวยต่างชาติที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงแข่งบนเวทีมวยประวัติศาสตร์ของชาติไทย ซึ่งเขาทำลายสถิติของพี่ชาย “อองตวน ปินโต” ที่เคยได้ลงแข่งบนเวทีนี้ตอนอายุ 15 ปี
ต่อมาในปี 2553 ด้วยผลงานอันโดดเด่นทำให้ วิกเตอร์ คว้ารางวัลนักมวยไทยยอดเยี่ยมสนามมวยเวทีลุมพินีมาครองในวัยเพียง 17 ปี ในสมัยที่เขายังชกอยู่ใต้สังกัดศึกเพชรยินดี ก่อนจะเปลี่ยนไปชกกับรายการอื่นทั้งในและต่างประเทศในเวลาต่อมา
#เบนเข็มชกคิกบ็อกซิ่ง
หลังจากประสบความสำเร็จจากเวทีมวยไทยทั้งในและต่างประเทศ วิกเตอร์ ก็มีโอกาสลองข้ามสายไปชกคิกบ็อกซิ่งในรายการ Glory ในพิกัดน้ำหนักรุ่นเฟเธอร์เวตระหว่างปี 2560-2561 โดยได้ประมือกับนักชกชั้นนำระดับโลกมากหน้าหลายตา แม้จะไม่ใช่กีฬาที่ตนถนัดแต่ก็ยังคว้าชัยชนะมาได้ 3 ครั้งจากทั้งหมด 7 นัดที่ลงแข่งขัน
#ใต้ชายคา ONE
ด้วยประสบการณ์การชกมวยไทยและคิกบ็อกซิ่งกว่า 100 ไฟต์ โดยมีสถิติการน็อกคู่ต่อสู้เกือบ 1 ใน 3 ของการแข่งขันทั้งหมด เขาจึงได้รับโอกาสเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ วัน แชมเปียนชิพ ในฐานะนักกีฬาชุด วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ (มวยไทย/คิกบ็อกซิ่ง)
วิกเตอร์ เปิดตัวครั้งแรกกับ ONE เมื่อเดือนมกราคม 2563 ในกติกาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต (61.3-65.8 กก.) แต่น่าเสียดายที่เขาพ่ายให้แก่ชกชาวฝรั่งเศส-แอลจีเรีย “อดัม นอย” ไฟต์ต่อมาเขาก็ต้องอกหักซ้ำสองเมื่อแพ้ให้แก่จอมเก๋า “เมห์ดี ซาทูต” ในกติกาคิกบ็อกซิ่งเช่นเคย
แม้จะยังไม่สามารถคว้าชัยได้บนเวที ONE วิกเตอร์ ยังมุ่งมั่นที่จะโชว์ศักยภาพที่มีบนเวทียิ่งใหญ่ระดับโลกให้ได้ และโอกาสที่เขารอคอยก็มาถึงเมื่อเขาจะได้คืนสังเวียนอีกครั้งในศึก ONE: NEXTGEN II ในวันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายนนี้
นอกจากจะเป็นการคืนสังเวียนในรอบ 1 ปีเศษแล้ว ยังเป็นการหวนคืนสู่กติกามวยไทยที่ วิกเตอร์ ถนัดมากที่สุดด้วยซึ่งเขาหวังว่าครั้งนี้เขาจะสามารถตีไข่แตกได้ซะที โดยจะลงฟาดปากกับอริเก่า “หาน ซือ หาว” ที่เขาเคยเอาชนะมาแล้วก่อนหน้าที่จะเข้ามาอยู่กับ ONE
แฟน ๆ กีฬาต้องรอลุ้นกันว่านักสู้หน้าหล่ออย่าง วิกเตอร์ จะสามารถคว้าชัยแรกบนเวที ONE เมื่อคืนสู่เกมถนัดได้หรือไม่ ติดตามการรีแมตช์ระหว่าง “วิกเตอร์ vs หาน” ได้ในศึก ONE: NEXTGEN II ออกอากาศเทปการแข่งขัน วันศุกร์ที่ 12 พ.ย.64 เวลา 19.30 น. รับชมทาง
- แอปมือถือ ONE Super App
- ยูทูบ ONE Championship
- AIS Play (เฉพาะลูกค้า AIS)
- ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เวลา 22.40 น.
อ่านเพิ่มเติม: