Spotlight Sunday: 3 เรื่องน่าทึ่งของนักสู้หญิงเก่งและแกร่ง “เจเน็ต ท็อดด์”
“JT” เจเน็ต ท็อดด์ ก้าวขึ้นมาเป็นนักสู้แถวหน้าในชุด วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ ของ วัน แชมเปียนชิพ อย่างรวดเร็ว จากการสร้างผลงานอันโดดเด่น บุคลิกที่เป็นสาวมั่น มีความเป็นตัวเอง และหัวจิตหัวใจที่รักในศิลปะการต่อสู้ ถึงขั้นที่ทิ้งอนาคตวิศวกรรมการบิน เพื่อเดินหน้าล่าฝันอันยิ่งใหญ่
วันนี้ เจเน็ต อยู่ในฐานะแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวต ที่เพิ่งกระชากเข็มขัดไปต่อหน้าต่อตาอดีตเจ้าของบัลลังก์อย่าง “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พาชัยชนะฝ่าวิกฤติโควิด-19 นำเข็มขัดอันทรงเกียรติกลับประเทศอเมริกาอย่างภาคภูมิใจ
Spotlight Sunday สัปดาห์นี้ จึงขอนำเรื่องราวของนักชกหญิงลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่นรายนี้มาสรุปเป็น 3 ประเด็นสำคัญที่อาจทำให้คุณต้องทึ่งกับชีวิตของเธอ
เธอคือแชมป์โลก
เจเน็ต กล่าวขอบคุณทุกกำลังใจที่ทำให้เธอคว้าเข็มขัดแชมป์โลกเส้นนี้มาได้
เจ้าของฉายา “JT” ที่ย่อมาจากชื่อ “เจเน็ต ท็อดด์” เริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้ครั้งแรก สมัยที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย โดยเธอฝึกคาร์ดิโอคิกบ็อกซิ่งเพื่อรักษารูปร่างตามประสาหญิงสาวรักสวยรักงาม
หลังจากที่ “ดัสติน” แฟนหนุ่มของเธอที่ตอนนี้คือสามีผู้อยู่เคียงข้างเธอมาตลอด แนะนำให้รู้จักกับมวยไทย เธอก็ติดใจในวิชาอันว่าด้วยเรื่อง “ศาสตร์แห่งอาวุธทั้งแปด” จนถอนตัวไม่ขึ้น
เจเน็ต และ ดัสติน
เธอมีทักษะทางกีฬาจากยิมนาสติก และเชียร์ลีดเดอร์เป็นต้นทุนอยู่ก่อนแล้ว จึงแทบไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวกับกีฬาใหม่มากนัก ในไม่ช้าสาวลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกันก็ก้าวขึ้นสู่สังเวียนการต่อสู้ และประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม
เจเน็ต คว้าเหรียญทองจากการแข่งขัน IFMA Pan-American Championships และ เหรียญทองแดง IFMA World Championships ก่อนที่จะพาตัวเองก้าวสู่เวทีระดับโลกในฐานะนักกีฬา วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ ของ วัน แชมเปียนชิพ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562
แม้ว่าเธอจะพ่ายให้กับ แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ ในนัดเปิดตัวครั้งแรกเพื่อชิงตำแหน่งแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวต แต่เธอก็กู้หน้าตัวเองด้วยชัยชนะสามครั้งติดต่อกันหลังจากนั้น และคว้าตั๋วเข้ามารีแมตช์กับ แสตมป์ จนได้
นักชกหญิงวัย 34 ปีจากแคลิฟอร์เนีย เดินทางมาขึ้นสังเวียนที่สิงคโปร์ด้วยความหวัง เพื่อเผชิญหน้ากับคู่ปรับเก่า (แสตมป์) ในกติกาใหม่อย่าง คิกบ็อกซิ่ง และกลับไปพร้อมเข็มขัดแชมป์โลกอันทรงเกียรติ ด้วยชัยชนะอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ ซึ่งบัลลังก์ระดับโลกแห่งนี้ ถือเป็นเกียรติประวัติอันสูงสุดในฐานะนักกีฬาที่เธอเคยครองมาในชีวิต
วิศวกรการบิน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า “เจเน็ต ท็อดด์” คือหนึ่งในนักชกหญิงที่เก่งกาจที่สุดของ วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ และไม่เพียงเท่านั้นเธอยังมีดีกรีที่น่าทึ่งในวงการวิศวกรรมอีกด้วย
เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท หลักสูตร 5 ปีที่จากมหาวิทยาลัย แคลิฟอร์เนีย โพลีเทคนิค สเตต ใน ซานหลุยส์โอบิสโป แคลิฟอร์เนีย จากนั้นเธอก็ตั้งใจจะเอาดีในฐานะวิศวกรการบิน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการออกแบบ, ก่อสร้าง, และการบำรุงรักษาอากาศยานและยานอวกาศ ซึ่งต้องใช้ความเฉลียวฉลาดและความมุ่งมั่นสูง
เชื่อเถอะว่าเธอนำไอคิวอันล้นเหลือนี้มาปรับใช้ในสังเวียนการต่อสู้ด้วยแน่นอน
ลูกครึ่งสองวัฒนธรรม
เจเน็ต และแม่ของเธอ
แม้เธอจะเกิดในประเทศมหาอำนาจที่มีความอิสระเสรีอย่างอเมริกา แต่แม่ชาวญี่ปุ่นก็เลี้ยงดูเธอแบบสไตล์คนญี่ปุ่น ทำให้เธอซึมซับวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาอย่างมากมาย และพูดภาษาญี่ปุ่นได้เป็นภาษาแรกตั้งแต่ก่อนเข้าโรงเรียน
เธอยอมรับว่า เคยมีความกังวลเรื่องชาติกำเนิดในสมัยเด็กๆ จากการที่ต้องพกข้าวกล่องเบนโตะแบบญี่ปุ่นที่มีพวกข้าวปั้นต่างๆ ไปโรงเรียน ในขณะที่เพื่อนๆ มีแซนด์วิชแบบฝรั่ง กว่าเธอจะยอมรับความแตกต่างนี้ได้ก็สมัยที่เธอโตเป็นวัยรุ่นตอนปลายแล้ว
อย่างไรก็ตามถึงตอนนี้ เจเน็ต กลับรู้สึกภูมิใจที่เธอมีสองเชื้อชาติซึ่งอยู่ต่างฟากของมหาสมุทรอันเป็นชาติกำเนิดของบรรพบุรุษของตัวเอง
อ่านเพิ่มเติม:
- 10 นักสู้หญิงมาแรงที่สุดในชุด วัน ซูเปอร์ ซีรีส์
- “เจเน็ต ท็อดด์” ทิ้งชีวิตวิศวกรการบิน สู่เส้นทางนักสู้บนสังเวียนเดือด
- สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า “รัก” ช่วยผลักดัน “เจเน็ต” สู่เส้นทางนักสู้ที่เธอปรารถนา
- “เจเน็ต ทอดด์” อยากย้อนเวลาภูมิใจกับความเป็นลูกครึ่งต่างวัฒนธรรมของตัวเอง
- 5 คู่แข่งเคี้ยวยากที่สุดของ “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์”