กว่าจะถึงวันนี้ “ชิงกิซ อัลลาซอฟ” เปิดตัวด้วยความพ่ายแพ้ สู่เจ้าบัลลังก์คิกบ็อกซิ่ง
ย้อนเส้นทางสู่บัลลังก์ “ชิงกิซ อัลลาซอฟ” ที่หากไม่ได้เจอความผิดหวังคงไม่รู้จักความสำเร็จ ก่อนบุกแดนสยามเพื่อป้องกันบัลลังก์ครั้งแรกกับ “มารัต กริกอเรียน”
“Chinga” ชิงกิซ อัลลาซอฟ แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) ชาวเบลารุสมีคิวขึ้นป้องกันตำแหน่งครั้งแรกกับ “มารัต กริกอเรียน” ยอดฝีมือจากอาร์เมเนีย ดีกรีผู้ท้าชิงแรงกิ้งอันดับ 2 ในศึก ONE FIGHT NIGHT 13: ชิงกิซ vs มารัต ณ สังเวียนลุมพินี ในช่วงเวลาไพรม์ไทม์อเมริกา ซึ่งตรงกับเวลา 07.00 น. ของวันเสาร์ที่ 5 ส.ค.66
ชื่อของ “ชิงกิซ” เป็นที่จดจำของแฟนกีฬาชาวไทยเป็นอย่างดีจากการยัดเยียดความปราชัยให้กับ “ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน” ถึงถิ่น จนเถลิงบัลลังก์แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต ได้สำเร็จในเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ก่อนที่ “ชิงกิซ” จะมาถึงจุดนี้ได้ แน่นอนว่าเส้นทางของเขาต้องล้มลุกคลุกคลานไม่น้อย ที่สำคัญยังต้องเผชิญกับความผิดหวังตั้งแต่ไฟต์แรกที่เปิดตัวบนสมรภูมิ ONE
#บทเรียนจากความพ่าย
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2564 “ชิงกิซ” ได้โอกาสเปิดตัวครั้งแรกในศึก ONE on TNT I เขาต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือจากเยอรมนี “The Hurricane” เอ็นริโก เคห์ล แม้ไฟต์นั้นผลการชกจะไม่เป็นใจ โดย “ชิงกิซ” เป็นฝ่ายพ่ายคะแนนไปแบบไม่เป็นเอกฉันท์ แต่ด้วยลีลาการออกหมัดสาดแข้งที่รวดเร็วน่าเกรงขาม กลับกลายเป็นที่โจษจันและการันตีว่าเขาพอที่จะเทียบชั้นกับเหล่าบรรดาตัวท็อปของวงการได้อย่างไม่เป็นสองรองใคร
#กลับมาครั้งใหม่ไฉไลกว่าเดิม
จากความพ่ายแพ้ในวันนั้นทำให้ “ชิงกิซ” รู้ดีว่าชัยชนะบนสมรภูมิ ONE ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคู่ต่อสู้ทุกรายล้วนเป็นมือฉมังของวงการ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ “ชิงกิซ” ต้องมุ่งมานะฝึกฝนมากกว่าทุกครั้ง กระทั่งได้รับโอกาสตบเท้าเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรายการ ONE คิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ซึ่งด่านแรกที่เขาต้องเผชิญหน้าก็คือ “AK-47” เซมี ซานา หนุ่มก้านยาวชาวฝรั่งเศสในศึก ONE: First Strike เมื่อเดือนตุลาคม 2564
บทเรียนราคาแพงจากครั้งที่แล้วทำให้ครั้งนี้ “ชิงกิซ” เดินหน้าไล่กระหน่ำอาวุธตั้งแต่เสียงระฆังดังในยกแรก ก่อนจะใช้เวลาเพียง 39 วินาที ปิดบัญชียอดฝีมือจากแดนน้ำหอมชนิดเหนือความคาดหมาย ผ่านเข้ารอบพร้อมกับแจ้งเกิดบนสังเวียน ONE ได้อย่างงดงาม
#ปราบคู่แค้น ครองแชมป์เวิลด์ กรังด์ปรีซ์
“ชิงกิซ” ทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของการแข่งขันเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ โดยต้องโคจรมาพบกับ “สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง” ผู้เคยยัดเยียดความปราชัยให้กับเขาเมื่อปี 2557 แต่ทว่าครั้งนี้ไม่เหมือนหนังม้วนเดิม “ชิงกิซ” เวอร์ชันร่างทองชกได้อย่างสุขุมและมีอาวุธหมัดคอยเล่นงานจนนักสู้ชาวไทยทำอะไรไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน ก่อนจะเอาชนะคะแนนไปแบบไร้ข้อกังขา สะสางแค้นที่ฝังลึกมาตลอด 9 ปี คว้าเข็มขัดเส้นแรกมาคาดเอวได้อย่างภาคภมูิใจ และนั่นคือบันไดก้าวแรกที่ส่งให้เขาได้ท้าชิงบัลลังก์แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต
#ชัยชนะที่ทำให้โลกรู้จัก “ชิงกิซ อัลลาซอฟ”
และแล้วโอกาสครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตก็มาถึง ในศึก ONE FIGHT NIGHT 6 ครั้งนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับราชันผู้ที่ถูกขนานนามว่าเป็นเบอร์หนึ่งของรุ่น ณ เวลานั้นอย่าง “ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน” เจ้าของแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต
แม้จะตกเป็นรองอยู่หลายขุมทั้งสถานที่และเสียงเชียร์ แต่ทว่า “ชิงกิซ” ก็ทำในสิ่งที่แฟนมวยทั้ง อิมแพค อารีนา ในวันนั้นต้องช็อก เมื่อเขาไล่อัด “ซุปเปอร์บอน” จนสิ้นลายพ่ายน็อกไปในยกที่ 2 เถลิงบังลังก์แชมป์โลกแบบช็อกโลก
แม้จะก้าวขึ้นสู่บัลลังก์แชมป์ได้สำเร็จแต่ภารกิจของ “ชิงกิซ” ยังไม่จบอยู่แค่นี้ เพราะเขาต้องทำในสิ่งที่ยากกว่านั่นคือการรักษาตำแหน่งให้อยู่กับเขาไว้ได้นานที่สุดเท่าที่ยอดนักสู้เคราเข้มมาดขรึมรายนี้จะทำได้ และปราการด่านแรกที่เขาต้องเผชิญหน้าก็คือ “มารัต กริกอเรียน” ยอดฝีมือจากอาร์เมเนีย ผู้ที่เคยยัดเยียดความปราชัยให้เขาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
งานนี้สุภาษิตที่ว่า “ลูกผู้ชาย 10 ปี ล้างแค้นยังไม่สาย” จะใช้ได้กับ “ชิงกิซ” หรือไม่ “มารัต” จะเป็นผู้ให้คำตอบในศึก ONE FIGHT NIGHT 13: ชิงกิซ vs มารัต ที่จะคัมแบ็กกลับมาจัด ณ สนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) อีกครั้ง
แฟน ๆ สามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง THAI TICKET MAJOR และติดตามข่าวสารและความคืบหน้าของศึกนี้ได้ที่นี่และโซเชียลมีเดียของ ONE ทุกช่องทาง ได้แก่ เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand และอินสตาแกรม ONEChampTh