“ซุปเปอร์เล็ก” โล่งได้รีแมตช์ “เอ็นนาฮาชิ” ไฟต์หน้าพร้อมจัดหนักให้แชมป์กระเด็น
เปิดใจ “ซุปเปอร์เล็ก” หลังได้รีแมตช์ “เอ็นนาฮาชิ” เจ้าตัวยันไฟต์หน้าจะจัดอาวุธที่หลากหลาย และโหมดที่โหดกว่าเดิมเพื่อโค่นแชมป์ให้ได้ พร้อมบทวิเคราะห์เจ้าตัวมองผลงานตัวเองดีแค่ไหน?
“ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9” ยอมจำนนต่อคำตัดสินของกรรมการ หลังพ่ายคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์ในศึกชิงบัลลังก์ ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต กับแชมป์โลกคนปัจจุบัน “อิเลียส เอ็นนาฮาชิ” เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดดรามาค้านสายตาแฟน ๆ จำนวนมาก ด้านเจ้าตัวจมอยู่กับคำถามคาใจนานข้ามคืน ก่อนที่ฟ้าจะกลับสดใสเมื่อ วัน แชมเปียนชิพ ประกาศให้รีแมตช์เพื่อความเป็นธรรม
เอ็นนาฮาชิ vs ซุปเปอร์เล็ก
“ตอนที่ประกาศผล ผมเหวอมาก ขาอ่อนเลย ผมว่าผมออกอาวุธเข้าเป้ามากกว่า กลางยก 4 ดูแชมป์จะเป็นฝ่ายที่ยอม ๆ ไปแล้วด้วยซ้ำ ตอนนั้นเสียความรู้สึกและเสียใจมากครับ น้ำตาผมไหลเลย”
ซุปเปอร์เล็ก ฝึกซ้อมเพื่อไฟต์สำคัญครั้งนี้มาเป็นอย่างดี โดยระดมทีมคนเก่งจากค่ายเกียรติหมู่ 9 ขัดเกลาวิชาคิกบ็อกซิ่งจนเจ้าตัวพกความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม บินข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงแดนสิงโต โดยหวังกระชากเข็มขัด นั่งบัลลังก์แชมป์โลก ONE ชาวไทย รายที่ 9
“ช่วงยกแรกที่ผมลื่น ไม่ใช่เพราะโดนอาวุธเขา แต่เป็นเพราะยังมีคราบเหงื่อเก่าที่พื้นเวที ซึ่งหลังจากที่ผมหยั่งเชิงเขาในยก 1-2 แล้ว ยกที่ 3 ผมก็ค่อย ๆ เร่งเครื่องขึ้นมา แอบเสียดายในจังหวะที่เตะเจาะยางแล้วเขามีอาการ แต่ผมดันไม่ซ้ำตรงจุดเดิม ตอนนั้นคิดว่าอยากจะเอาเขาลงให้ได้ด้วยการเตะก้านคอมากกว่า”
“ผมมั่นใจว่าชกได้ตามฟอร์มที่เตรียมมา จะมีก็แค่การออกอาวุธที่ยังน้อยไปและไม่หลากหลาย ไม่มีลูกชุดที่ต่อเนื่องตามแบบฉบับคิกบ็อกซิ่ง ส่วนแชมป์เขามีความเร็ว แต่อาวุธไม่มีน้ำหนัก ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว อาวุธของเขาแทบจะไม่โดนตัวผมเลย”
ผลการตัดสินที่ค้านสายตา ทำให้ “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” บิ๊กบอสของ วัน แชมเปียนชิพ ประกาศอย่างเป็นทางการให้คู่นี้มีการล้างตาขึ้น ซุปเปอร์เล็ก ซึ่งเหมือนฝันร้าย เมื่อได้รับข่าวดีนี้ เจ้าตัวก็กลับมีเรี่ยวแรงและกำลังใจ พร้อมที่จะเดินหน้าพิสูจน์ฝีมืออีกครั้ง หลังจากกลับประเทศไทยในวันที่ 1 มีนาคมนี้ และต้องกักตัวต่อในประเทศอีก 14 วัน โดยเจ้าตัวบอกว่าพร้อมลุยต่อทันที เพราะไฟต์นี้แทบไม่มีอะไรบอบช้ำ แถมรู้ทางแชมป์แล้ว เจอกันรอบสองจะติดโหมดโหดกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ผลการตัดสินที่ค้านสายตาจนมีดรามา ย่อมไม่ใช่เหตุจงใจสำหรับองค์กรใหญ่ที่ได้รับความเชื่อถือในระดับโลก และเชื่อเถอะว่าการทำงานใด ๆ ย่อมเกิดความผิดพลาดได้ทั้งนั้น แต่สำคัญตรงที่ว่าเมื่อเกิดความผิดพลาดแล้วจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรเพื่อแก้ไขให้โปร่งใสและยุติธรรม อีกทั้งระมัดระวังไม่ให้เหตุการณ์เยี่ยงนี้เกิดขึ้นอีก
สำหรับตัวนักกีฬาหลังจากผ่านไฟต์นี้ก็น่าจะไม่มีข้ออ้างในเรื่องการร้างเวที ต่างฝ่ายรู้มือกัน และได้เริ่มต้นนับหนึ่งตั้งหลักกันใหม่ เพื่อจะได้พิสูจน์ตัวเองอย่างไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ
ที่สำคัญชกรอบสองก็มีรายได้เข้ากระเป๋าอีกรอบ เรียกว่าทั้งคู่ได้คิวชกเร็วกว่าที่คาดหมาย โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19 แบบนี้ ส่วนคนดูก็ได้ลุ้นกันใหม่และเชื่อว่าจะมันขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
อ่านเพิ่มเติม: