เทคนิคปรับตัวเอง 10 ประการ ช่วยเสริมการฝึกศิลปะการต่อสู้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ยิ่งอุทิศเวลาให้กับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งเห็นผลชัดเจนมากเท่านั้น เทคนิคในการฝึกศิลปะการต่อสู้ให้เกิดประสิทธิภาพไม่ได้มีเฉพาะในโรงยิม การปรับเปลี่ยนนิสัยเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำตัวควบคู่กันไป ดังเทคนิค 10 ประการที่เราได้รวบรวมมาจากนักกีฬาของ วัน แชมเปียนชิพ จะช่วยทำให้คุณบรรลุความสำเร็จในการฝึกฝนได้ง่ายขึ้น
#1 รักษาสมดุลน้ำในร่างกาย
อย่าให้ร่างกายขาดน้ำ การดื่มน้ำก่อนเข้ายิมหนึ่งแก้วนั้นไม่เพียงพอ จริงอยู่ที่คุณควรดื่มน้ำอย่างน้อยแปดแก้วต่อวัน แต่คุณต้องดื่มให้มากขึ้นในวันที่คุณออกกำลังกาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราอยู่ในประเทศไทยที่มีภูมิอากาศแบบร้อนชื้น เพราะในระหว่างการฝึกหรือออกกำลังจะทำให้คุณเสียน้ำอย่างมาก และน้ำจะเป็นสิ่งเติมเต็มที่ทำให้ร่างกายฟื้นตัวและรู้สึกเหนื่อยล้าน้อยลงนั่นเอง
#2 ทานอาหารก่อนหน้า 3 ชั่วโมง
เติมพลังก่อนเข้ายิม ด้วยการรับประทานอาหารที่เหมาะสมล่วงหน้า 3 ชั่วโมง และจะดีมากหากคุณสามารถทำอาหารทานเองได้
แม้นี่จะเป็นวิธีการที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ แต่ในความเป็นจริงมันอาจเป็นไปได้ยากสำหรับหลายๆ คนที่มีเวลารัดตัว แค่ทานของว่างที่มีประโยชน์อย่างโปรตีนบาร์ และให้เวลาอาหารย่อยหมดก่อน หากคุณไม่ทานอาหาร คุณจะไม่มีพลังงานมากพอ และการฝึกก็จะไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
#3 พักผ่อนให้เพียงพอ
ไม่ว่าคุณจะยุ่งแค่ไหนก็ตาม พยายามนอนให้ได้อย่างน้อยเจ็ดชั่วโมงต่อคืน การทำเช่นนี้ได้คุณต้องจำกัดปริมาณคาเฟอีน, น้ำตาล และเวลาหมกมุ่นอยู่กับหน้าจอมือถือ
การนอนหลับมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันเป็นเวลาที่ร่างกายจะได้ฟื้นฟูและซ่อมแซมตัวเอง และยังทำให้คุณพร้อมที่จะฝึกหนักในวันต่อไปได้อีกด้วย
#4 เครื่องดื่มเกลือแร่
เครื่องดื่มเกลือแร่เป็นแหล่งโพแทสเซียมที่สำคัญ ยอดนักมวยไทยหลายคนจะดื่มในระหว่างการฝึก อย่าง “ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9” ได้อธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
“การดื่มเกลือแร่จะช่วยให้ร่างกายคลายความเหนื่อยล้า และรู้สึกสดชื่นกระชุ่มกระชวย และมันยังช่วยให้ร่างกายกลับสู่สภาวะปกติได้อย่างรวดเร็วครับ”
มีหลายคนที่ได้รับโพแทสเซียมไม่เพียงพอในมื้ออาหาร และมันก็ส่งผลให้เห็นเวลาออกกำลังกาย แค่ผงเครื่องดื่มเกลือแร่หนึ่งซองต่อวันก็เพียงพอสำหรับคุณแล้ว แถมมันยังพกพาได้ง่าย จะเก็บไว้ในรถ หรือในกระเป๋าสตางค์ก็ยังได้
#5 อุ่นเครื่องอย่างเหมาะสม
คุณควรจะเผื่อเวลาล่วงหน้า 15 นาทีก่อนฝึกเพื่อวอร์มอัป ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญกับอวัยวะบางส่วนที่ต้องการใส่ใจและดูแลเป็นพิเศษ โดย “น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว” ได้อธิบายว่า
“การวอร์มอัปมันช่วยยืดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ในร่างกาย และป้องกันการบาดเจ็บเวลาฝึกซ้อม การอุ่นเครื่องด้วยตัวเอง ใช้เวลาไม่นานแค่ 15 นาที แต่มันช่วยสร้างความแตกต่างในการฝึกได้อย่างหน้ามือเป็นหลังมือครับ”
#6 ทำคาร์ดิโอนอกคลาสเรียน
นักกีฬาการต่อสู้ทุกคนต้องวิ่ง บางคนถึงกับวิ่งสองครั้งต่อวัน หกวันต่อสัปดาห์ และเพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการฝึกของคุณ ก็ควรวิ่งเช่นกันอย่างน้อยให้ได้ครั้งละ 30 นาที สัปดาห์ละสามครั้ง
การวิ่งช่วยเพิ่มความอดทน ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้สุขภาพหัวใจและหลอดเลือดโดยรวมดีขึ้น และช่วยเพิ่มความอึดมากขึ้นเรื่อยๆ
#7 ชมรายการแข่งขันใน ONE Super APP
ไม่มีวิธีใดที่จะดีไปกว่าการดื่มด่ำในการรับชมศิลปะการต่อสู้ ไม่เชื่อถาม “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” ดู
“การชมการแข่งขันจริงๆ ทำให้เราเรียนรู้เทคนิคที่แตกต่างจากนักกีฬาคนอื่น เราจะได้เห็นว่าอะไรทำให้พวกเขาเป็นนักสู้ที่เก่งกาจ และสามารถประยุกต์ใช้เทคนิคเหล่านั้นในการฝึกฝนได้ค่ะ”
การได้เห็นนักกีฬาของ ONE ออกแอ็กชันบนสังเวียนจะช่วยให้คุณเห็นภาพได้อย่างชัดเจนว่า คุณสามารถนำเทคนิคต่างๆ ที่ร่ำเรียนมา ไปใช้ในการต่อสู้จริงได้อย่างไร
#8 รับประทานอาหารอย่างสมดุล
การรับประทานอาหารที่สมดุลเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาสุขภาพโดยรวม และมีผลกระทบโดยตรงต่อการฝึกฝน มันอาจดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่การได้รับสารอาหารที่เหมาะสมเป็นเรื่องที่ท้าทาย อาหารที่แตกต่างกันให้ประโยชน์ที่แตกต่างกัน โภชนาการที่เหมาะสมนอกจากจะช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บแล้ว สำหรับนักกีฬามันจะช่วยเสริมสร้างทั้งกล้ามเนื้อไปจนถึงกระดูกทีเดียว
#9 พักสัปดาห์ละหนึ่งวัน
มันไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นนักกีฬามืออาชีพ ขาประจำโรงยิม หรือออกกำลังกายแบบขำๆ เราทุกคนต้องการวันหยุด การหยุดออกกำลังกายหนึ่งวันไม่เพียงช่วยฟื้นฟูร่างกาย แต่ยังช่วยฟื้นฟูสุขภาพจิตด้วย
คุณจะหมกมุ่นแต่การฝึกฝนอย่างหักโหม จนลืมผู้คนและสังคมรอบข้างไม่ได้ ให้กล้ามเนื้อได้พัก คลายความปวดเมื่อยร่างกาย และใช้วันหยุดกับคนหรือสัตว์เลี้ยงที่คุณรัก
#10 วางโทรศัพท์ลง
ทุกวันนี้พวกเราส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับสมาร์ทโฟนมากเกินไปจนกลายเป็นดาบสองคม
ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดจากการพกมือถือเข้ายิมก็คือ ใช้ทดสอบการวิ่ง, ฟังเพลงระหว่างซ้อม, จับเวลาออกกำลัง และแน่นอนใช้ถ่ายรูปและคลิปวีดีโอไปอวดชาวโลก
แต่เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการซ้อมและออกกำลังกาย คุณจำเป็นต้องทิ้งโทรศัพท์และมีสมาธิจดจ่อกับการฝึก อย่าลืมปรับโหมดมือถือเป็นแบบไร้เสียงเพื่อจะได้ไม่รบกวนคุณหรือเพื่อนๆ ในระหว่างการฝึกด้วย
อ่านเพิ่มเติม:
- วัน แชมเปียนชิพ เผย “อันดับนักกีฬา” อย่างเป็นทางการครั้งแรก
- นักมวยนายแบบ “ลีโอ” ใช้ลานจอดรถคอนโดฯ เป็นที่เสริมฟิต ชนิดไม่ง้อยิม!
- Throwback Thursday: จำจนตายไฟต์นี้ที่ทำให้ “แสงมณี” ดั้งหัก!
- “อิตซูกิ ฮิราตะ” เปิดตัว “หนุ่มข้างกาย” ผู้เป็นกองหนุนให้เธอเป็นยอดหญิงจอมแกร่ง
- WFH Wednesday: “เสมาเพชร” รับเหมาก่อสร้าง เป็นรายได้เสริมช่วงงานมวยหด