ปั้นฝันให้เป็นฟาร์ม! “กัปปิตัน” ควงดีกรีแชมป์โลกควบ “เจ้าสัวฟาร์มวัว” ที่บ้านเกิด
ความสำเร็จไม่อยู่กับที่ แม้มีเข็มขัดแชมป์โลกแล้ว “กัปปิตัน” ก็สานต่อความฝันสร้างฟาร์มวัวที่บ้านเกิด เตรียมตัวเป็นเจ้าสัวในอนาคต!
“กัปปิตัน เพชรยินดีอะคาเดมี” ยอดฝีมือจากหนองบัวลำภู วัย 27 ปี หลังเฉิดฉายบนเวทีระดับโลก วัน แชมเปียนชิพ โดยนั่งแท่นบัลลังก์แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต สถาปนาเป็นแชมป์โลก ONE ชาวไทยรายที่ 8 ตบเท้าเข้าสู่ทำเนียบอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
หลังจากได้ชก วัน แชมเปียนชิพ สองไฟต์ทำให้ กัปปิตัน มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ สามารถนำไปต่อยอดลงทุนทำ “ฟาร์มวัว” ที่บ้านเกิด ซึ่งตอนนี้ค่อย ๆ ก่อร่างสร้างตามรอยเก่าที่ครอบครัวเคยสร้างไว้ และคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก
ความทรงจำในวัยเด็กของ กัปปิตัน ในฐานะเด็กเลี้ยงวัวของพ่อ ภารกิจประจำวันคือการต้อนวัวประมาณ 10 กว่าตัวออกไปหาหญ้ากินตามท้องทุ่งแถวบ้าน จนอายุย่างเข้าวัย 10 ขวบ เขาจึงย้ายมาฝึกซ้อมมวยไทยในเมืองหลวง ทำให้พี่สาวรับหน้าที่นี้ไปแทน
“ผมจำได้ว่า พออายุสักประมาณ 14 ปี เงินที่เก็บสะสมมาจากการชกมวย ผมซื้อวัวให้พ่อได้ 2 ตัว แต่หลังจากนั้นอีก 2 ปี พ่อก็ต้องขายวัวทั้งหมดทิ้ง เพราะไม่มีคนช่วยดูแล พี่สาวก็ติดเรียนครับ”
การออกตามล่าฝันในเมืองใหญ่จนได้รับสมญา “ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง” เขายังคงโหยหาชีวิตเรียบง่าย และมองการณ์ไกลถึงชีวิตในบั้นปลายมาตลอด นักมวยทุกคนย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าอาชีพนี้ขึ้นอยู่กับสังขาร ย่อมถึงเวลาอำลาสังเวียนในสักวัน
กัปปิตัน ได้รับโอกาสมาชุบตัวในบ้านหลังใหม่ “ค่ายเพชรยินดีอะคาเดมี” และเริ่มมองเห็นอนาคตอันสดใสกับรายได้ที่เป็นกอบเป็นกำมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่ผ่านการชกใน วัน แชมเปียนชิพ สองไฟต์ก็ทำให้เห็นตัวเลข 7 หลักอยู่รำไร เจ้าตัวจึงตัดสินใจทุบกระปุกนำเงินเก็บมาลงทุนสานต่ออีกหนึ่งความฝันที่ขาดช่วงไป
“ตั้งแต่ปีที่แล้ว ก่อนที่ผมจะมีไฟต์ใน วันฯ ประมาณเดือนเมษายน ผมตัดสินใจทำฟาร์มวัวที่บ้านเกิดอีกครั้ง โดยเริ่มจากการหาซื้อวัวมาประมาณ 8 ตัว จนถึงตอนนี้ผ่านไป 2 ไฟต์ ผมได้เป็นแชมป์โลกแล้ว และมีวัวเพิ่มขึ้นมาทั้งหมด 23 ตัวครับ”
“วัวที่ผมเลี้ยงเป็นวัวเนื้อพันธุ์บราห์มันซึ่งเป็นที่นิยม เพราะเลี้ยงง่ายและเนื้อเยอะ ราคาตกตัวละประมาณ 5 หมื่นบาท ถ้าเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์นำเข้าราคาจะขึ้นไปถึงแสน แต่ถ้าเราจองไว้ตั้งแต่ยังเป็นวัวเด็กอายุประมาณ 6 เดือน ก็จะซื้อได้ในราคาที่ถูกลงครับ”
โชคดีที่ กัปปิตัน มีพื้นที่ฟาร์มเก่าของพ่ออยู่ประมาณ 30 ไร่ เขาจึงลงทุนเพิ่มด้วยการสร้างระบบโรงเรือนในการเลี้ยงวัว ซื้อหาวัสดุอุปกรณ์ปศุสัตว์ต่าง ๆ ที่จำเป็น ซึ่งยังไม่นับรวมกับราคาค่าตัววัว คิดเป็นเงินลงทุนหลักล้านบาททีเดียว
“สมัยเด็ก ๆ ผมต้อนวัวออกไปหาหญ้ากินริมทาง แต่ตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว ผมต้องปลูกหญ้าเองเพื่อให้พวกเขามีกินอย่างเพียงพอ”
“หญ้าที่ผมเพาะจะมีอยู่ 2 สายพันธุ์ พันธุ์แรกคือหญ้าสวีทจัมโบ้ เน้นปลูกง่าย โตเร็ว ทันให้วัวได้กิน แต่ลงแปลงหนึ่งจะกินได้แค่ประมาณ 2 ครั้งก็หมดครับ ส่วนอีกพันธุ์คือหญ้าเนเปียร์ ปลูกเพื่อหวังผลระยะยาว โตช้า แต่มีให้วัวกินได้เรื่อย ๆ ตลอดทั้งปีครับ”
ในระหว่างที่ กัปปิตัน ยังเดินทางสายนักสู้ เขาจึงค่อย ๆ แต่งเติมความฝันในการทำธุรกิจฟาร์มวัวไปเรื่อย ๆ โดยเจ้าตัวมองว่าคงใช้เวลาอีกประมาณ 2 ปีกว่าที่ฟาร์มวัวของเขาจะเสร็จสมบูรณ์และเริ่มมีรายได้กลับคืนเข้ามา
“ทุกวันนี้ก็มีคนติดต่อมาขอซื้อบ้างแล้ว แต่ผมยังไม่พร้อมขาย คิดว่าคงต้องมีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ให้ได้สักประมาณ 50 ตัวก่อนถึงจะเริ่มปล่อยขาย”
“เวลาขาย ผมจะขายลูกวัว และเก็บพ่อแม่พันธุ์อยู่เป็นทุนกับเรา แต่ลูกวัวคือกำไร ซึ่งแม่วัวตัวหนึ่งจะออกลูกแค่หนึ่งครั้งต่อปี ราคาลูกวัวต่อตัวอยู่ที่ประมาณ 4 หมื่นบาท ส่วนน้ำหนักวัวพร้อมขายจะอยู่ที่ราว ๆ 400-500 กิโลฯ ก็จะมีอายุประมาณปีถึงปีครึ่งครับ”
หากจะให้เปรียบเทียบอาชีพ “นักมวย” กับ “ทำฟาร์มวัว” สำหรับ กัปปิตัน เอาจริงๆ เขาแยกไม่ออกเพราะทั้งสองสิ่งต่างก็ผูกพันกับชีวิตของเขามาตั้งแต่เด็กจนหล่อหลอมเป็นเขาในทุกวันนี้ ทั้งสองอาชีพยังสามารถเดินต่อไปได้อีก ในวันนี้เขาเป็นแชมป์โลก ONE สำเร็จแล้ว และอนาคตอันใกล้เขาจะกลายเป็นเจ้าสัวฟาร์มวัวแห่งหนองบัวลำภูที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน
ถ้าสังเวียนชกมวยคือหญ้าสวีทจัมโบ้ ฟาร์มวัวของเขาก็คือหญ้าเนเปียร์นั่นแหละ!
อ่านเพิ่มเติม: