ย้อนเส้นทางฝัน “ริคาร์โด บราโว” ผู้พิชิตสัญญา ONE คนแรก ประจำปี 2567
เรื่องราวชีวิตเปี่ยมความฝันของ “ริคาร์โด บราโว” นักชกจอมน็อกจากเวที ONE ลุมพินี ที่คว้าสัญญานักกีฬา ONE มาครอง ได้เป็นคนแรกของปีนี้
สร้างชื่อกลายเป็นอีกหนึ่งนักสู้ตัวอันตรายที่แฟนมวยทั่วโลกให้การจับตามองไปแล้ว สำหรับ “ริคาร์โด บราโว” นักชกหนุ่มหน้าคมจากอาร์เจนตินา วัย 24 ปี ที่ระเบิดฟอร์มกดหมัดปิดเกมน็อกคู่ต่อสู้มา 3 ไฟต์ติดต่อกัน จนสามารถพิชิตใจบิ๊กบอส “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” กลายเป็นนักกีฬาจาก ONE ลุมพินีคนที่ 11 และคนแรกของปีนี้ ที่สามารถพิชิตสัญญานักกีฬา ONE มูลค่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.5 ล้านบาท) มาครองได้สำเร็จ ในศึก ONE ลุมพินี 50 เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา
เพื่อให้รู้จัก “ริคาร์โด” มากขึ้นในทุกมิติ วันนี้เราจะขอพาทุกคนย้อนกลับไปดูเส้นทางชีวิตของเขาตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการเริ่มชกมวยไทย จนไปถึงการไล่ล่าความฝันในดินแดนอาทิตย์อุทัย ก่อนจะประสบความสำเร็จในรายการ ONE ลุมพินี และสร้างชื่อกลายเป็นนักกีฬาระดับโลกได้ในทุกวันนี้
#เริ่มฝึกมวยไทยเพื่อลดความอ้วน
“ริคาร์โด” เกิดและเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง ในกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โดยชีวิตในวัยเด็กของ “ริคาร์โด” ไม่ใช่คนที่ชอบการออกกำลังกายเท่าไหร่นัก จนทำให้น้ำหนักตัวของเขาค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นจนถึง 90 กก. ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจเริ่มฝึกซ้อมมวยไทย เพื่อลดน้ำหนักเมื่ออายุ 15 ปี
โดยตั้งแต่วันแรกที่ “ริคาร์โด” ได้เข้ามาเรียนรู้วิชามวยไทย เจ้าตัวก็รู้สึกตกหลุมรักในกีฬาการต่อสู้ชนิดนี้ทันที และเริ่มฝึกซ้อมอย่างหนักจนกระทั่งพัฒนาฝีมือเป็นนักมวยไทยระดับอาชีพ ก่อนจะประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์มวยไทยระดับประเทศในอีก 2 ปีต่อมา
#ล่าฝันในดินแดนอาทิตย์อุทัย
ด้วยผลงานความสำเร็จอย่างรวดเร็วในระดับประเทศ ทำให้ “ริคาร์โด” ได้รับการแนะนำจากโค้ชคนสนิท ให้กล้าที่จะออกจากคอมฟอร์ตโซน โดยเจ้าตัวตัดสินใจย้ายไปฝึกซ้อมอย่างจริงจังที่ค่ายมวยวีระศักดิ์เล็ก แฟร์เท็กซ์ ยิม ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นค่ายมวยที่โค้ชของเขารู้จักกับทีมงานมืออาชีพหลายคนที่นั่น โดยมุ่งหวังให้ “ริคาโด” พัฒนาฝีมือขึ้นไปอีกระดับและก้าวขึ้นสู่การเป็นนักมวยอาชีพอย่างเป็นทางการ
ข้อเสนอดังกล่าว ทำให้ “ริคาร์โด” ต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ว่าเขาควรจะเลือกอยู่ที่บ้านเกิด เรียนต่อให้จบ แล้วออกไปหางานทำเหมือนคนทั่ว ๆ ไป หรือจะลองเสี่ยงดวง ออกเดินทางตามล่าความฝันในต่างแดน ซึ่งท้ายที่สุด “ริคาร์โด” ในวัย 17 ปี ตัดสินใจหยุดพักการเรียน เพื่อย้ายข้ามทวีปไปเริ่มต้นเส้นทางสู่การเป็นนักมวยอาชีพที่ประเทศญี่ปุ่น
#สู้สุดชีวิตจนประสบความสำเร็จ
การย้ายมาใช้ชีวิตเพียงลำพังในประเทศญี่ปุ่น ทำให้ “ริคาร์โด” ต้องเผชิญกับความเหงาและความท้อแท้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำตามความฝันให้สำเร็จ จึงทำให้เขาผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านั้นมาได้
“ช่วงแรกที่ไปใช้ชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่น ไม่ง่ายเลยครับ ผมรู้สึกท้อแท้มาก มันมีทั้งอารมณ์เศร้า และเหงา เพราะอยู่ไกลบ้าน ความรู้สึกมันแย่ไปหมด บางวันผมไม่มีข้าวกินด้วยซ้ำ แต่ก็ได้คนญี่ปุ่นคอยช่วยเหลือดูแลอยู่ตลอด ซึ่งผมก็ฮึดสู้สุดใจ ฝึกซ้อมอย่างหนักทุกวัน เพราะผมรู้ว่าการเป็นนักมวยอาชีพ จะสร้างอนาคตที่ดีให้กับผมได้ครับ”
ในที่สุดผลของความทุ่มเทก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อ “ริคาร์โด” สามารถพุ่งชนความสำเร็จ คว้าแชมป์คิกบ็อกซิ่ง ได้หลายรายการในประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับพกสถิติสุดโหด เก็บชัยชนะไปได้ถึง 26 ครั้งจาก 28 ไฟต์ที่ลงแข่งขัน ซึ่งในชัยชนะ 26 ไฟต์นั้นแบ่งเป็นการชนะน็อกถึง 21 ครั้งด้วยกัน และด้วยผลงานอันเอกอุดังกล่าว จึงทำให้เขาได้รับโอกาสเข้ามาพิสูจน์ฝีมือตัวเองในศึก ONE ลุมพินี เมื่อปีที่ผ่านมา
#คว้าสัญญา ONE คนแรกของปี 2567
“ริคาร์โด” เปิดตัวในศึก ONE ลุมพินี 30 เมื่อวันที่ 25 ส.ค.66 ได้อย่างสวยงาม ด้วยการเอาชนะน็อก “เด่นพนม พราน 26” ในยกที่สอง ตามด้วยการพลิกสถานการณ์จากการโดนเรียกนับไปก่อนถึง 2 ครั้ง กลับมาเป็นฝ่ายชนะน็อก “โอลิเวอร์ ฮันเซน” แบบสุดมันในยกสุดท้าย ก่อนไฟต์ล่าสุดจะปิดเกมไวน็อก “เคนัน เบย์รามอฟ” ด้วยเวลาเพียง 30 วินาที ของยกแรก ในศึก ONE ลุมพินี 50 เมื่อ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา
ผลจากการคว้าชัยแบบไม่ครบยก 3 ไฟต์ติด ทำให้ “ริคาร์โด” กลายเป็นนักมวยจากเวที ONE ลุมพินี คนแรกของปีนี้ และคนที่ 11 ของรายการ ที่ได้รับสัญญานักกีฬา ONE มาครอง
#แชมป์โลก ONE คือเป้าหมายต่อไป
โดยภารกิจของ “ริคาร์โด” ในฐานะนักกีฬา ONE นับจากนี้ จะต้องเข้าไปวัดฝีมือกับนักมวยไทยระดับโลก ซึ่งจากพิกัดน้ำหนัก 161-165 ป. ที่เขาลงแข่งขันในปัจจุบัน อาจมีความเป็นไปได้ว่า “ริคาร์โด” สามารถขึ้นไปสู้ได้ทั้งในรุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) และรุ่นไลต์เวต (155-170 ป.) ซึ่งไม่ว่าสุดท้ายเขาจะสู้ในรุ่นใด แต่เป้าหมายอันสูงสุดของจอมบู๊หมัดหนักรายนี้ก็คือการคว้าแชมป์โลก ONE มาครองให้ได้สถานเดียว
“ผมจะต้องเข้าไปสู้กับนักกีฬา ONE เหมือนกัน ซึ่งมีนักชกเก่ง ๆ หลายคนมากที่ผมต้องการเจอ ผมจะกลับไปเตรียมความพร้อมให้หนักขึ้นกว่าเดิม ผมไม่เคยดูถูกคู่ต่อสู้คนไหน ผมให้ความเคารพทุกคนเสมอ และผมจะยังสู้ด้วยสไตล์เดิม นั่นคือการบุกเข้าไปและปิดเกมน็อกให้ได้ ผมจะสู้เพื่อคว้าเข็มขัดแชมป์โลกมาเป็นของผมให้ได้”
ติดตามข่าวสารและความคืบหน้าได้ที่นี่และโซเชียลมีเดียของ ONE ทุกช่องทาง ได้แก่ เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand และอินสตาแกรม ONEChampTh