เจ็บใจมากกว่าเจ็บตัว “มารี” รับศึกดวล “อนิสสา” หนักสุดในชีวิต
จับเข่าคุย “มารี รูเมต” กำปั้นสาวเอสโตเนียหัวใจไทยถึงความพ่ายแพ้ต่อตัวแม่จากแดนน้ำหอม เจ้าตัวเผยเจ็บตัวไม่เท่าไหร่แต่เจ็บใจมากกว่า
การหวนคืนสู่สังเวียนอีกครั้ง “แม่เสือดาวหิมะ” (Snow Leopard) มารี รูเมต นักสู้หน้าตาจิ้มลิ้มวัย 22 ปีจากเอสโตเนีย ถือเป็นงานที่หนักไม่น้อย เมื่อต้องดวลเดือดกับ “อนิสสา เม็กเซน” กำปั้นสาวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักชกหญิงที่เก่งสุดเมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์ ในศึก ONE156: รีเกียน vs อาเรียน เมื่อวันศุกร์ที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา
โดยไฟต์นี้ อนิสสา ที่เหนือกว่าทั้งชื่อชั้นและประสบการณ์ เป็นฝ่ายคุมเกมเอาไว้ได้แบบเบ็ดเสร็จตั้งแต่ยกแรก รัวพายุหมัดเข้าใส่กำปั้นรุ่นน้องจนแทบตั้งตัวไม่ติด แถมยังส่งลงไปกองกับพื้นให้กรรมการนับแปดถึง 2 ครั้ง ก่อนเป็นฝ่ายเอาชนะคะแนนไปอย่างขาดลอย
ล่าสุด มารี ได้ออกมาเปิดใจครั้งแรกถึงความพ่ายแพ้ โดยนักสู้วัย 22 ปียอมรับว่าไฟต์นี้เป็นที่เธอเจ็บตัวหนักสุดเท่าที่เคยเจอมา เพราะตัวแม่อย่าง อนิสสา แข็งแกร่งสมคำร่ำลือ และยิ่งเป็นนวมเล็กด้วยแล้ว คมหมัดของคู่ต่อสู้ก็เล่นเอา มารี สะบักสะบอมไปทั้งตัว
“ไฟต์นี้น่าจะเจ็บที่สุดที่เคยชกมาเลยค่ะ เพราะนวมค่อนข้างเล็กกว่าหลาย ๆ เวทีในเมืองไทย แถมยังแข็งกว่าด้วย ถึงจะโดนหมัดไม่หนักแต่ก็ยังเจ็บอยู่ดี ตอนนี้ที่หน้าและแขนก็ยังมีอาการช้ำอยู่เลยค่ะ”
“อีกอย่าง อนิสสา ค่อนข้างมีความรวดเร็วในการออกอาวุธ ทำให้หนูจับทางเขาไม่ได้ แถมหมัดยังหนักด้วย หนูพยายามจะสวนด้วยศอกอยู่หลายครั้ง แต่พอโดนหมัดก็เซตลอด เลยออกอาวุธไม่ได้อย่างที่ต้องการ”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เจ็บหนักสุดสำหรับ มารี ไม่ใช่เรื่องของร่างกาย แต่กลับเป็นความรู้สึกเจ็บใจที่ไม่สามารถทำผลงานได้อย่างที่หวังทั้งที่ฟิตซ้อมมาเป็นอย่างดี ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเป็นการร้างเวทีใหญ่ไปนานกว่า 1 ปีนั่นเอง
“เจ็บตัวไม่เท่าไหร่แต่หนูเจ็บใจมากกว่าค่ะ เพราะหนูคิดว่าตัวเองน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะไม่ได้ชกเวทีใหญ่ ๆ มานานแล้ว ทำให้ตอนชก หนูรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เหมือนสนิมมันเกาะไปหมด เวลาขึ้นเวทีเลยออกอาวุธได้ไม่เต็มที่ค่ะ”
จากความพ่ายแพ้ดังกล่าว ทำให้ มารี ได้รู้ซึ้งถึงจุดอ่อนของตัวเองว่าควรแก้ไขข้อบกพร่องอย่างไรเพื่อให้ดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการจัดการสภาพจิตใจ และการปรับเปลี่ยนรูปแบบการชกให้เข้ากับสไตล์ของ ONE ที่เน้นความขยันออกหมัดมากกว่าเวทีอื่น ๆ ที่เธอเคยขึ้นชก
“บทเรียนที่ได้จากครั้งนี้ก็คือ การชกมวยไทยใน ONE ค่อนข้างแตกต่างกับเวทีอื่นในเมืองไทย เพราะที่นี่จะเน้นการออกหมัด ทำให้เราต้องพยายามกลับไปซ้อม เพื่อออกหมัดได้ดีกว่าเดิมค่ะ”
“นอกจากนี้ หนูยังต้องฝึกให้จิตใจแข็งแกร่งขึ้น เพื่อที่จะได้ไม่ตื่นเต้นเวลาขึ้นชก และทำได้ดีกว่านี้ใฟต์ต่อไปค่ะ”
แม้จะตกเป็นผู้แพ้ แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้ มารี รู้สึกเข็ดขยาดกับการขึ้นสังเวียนปะทะนักสู้ชั้นแนวหน้าแต่อย่างใด เพราะยังมีคู่แข่งชั้นเซียนอีกหลายรายที่เธออยากเจอเพื่อพัฒนาฝีมือตัวเองขึ้นอีกระดับ
หนึ่งในคู่ต่อสู้ที่ มารี หมายตาไว้คือ “อัลลิเซีย เฮลเลน รอดริเกส” เจ้าของแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวต ชาวบราซิลคนปัจจุบันที่ตอนนี้พักรบเพื่อไปทำหน้าที่คุณแม่อยู่พักใหญ่
“ถ้า อัลลิเซีย กลับมาชกอีกครั้ง หนูก็อยากเจอกับเขาเหมือนกันค่ะ แต่ตอนนี้หนูอยากจะชกทำฟอร์มที่ไทยก่อน อาจจะใช้เวลาสัก 3-4 เดือนแล้วค่อยกลับมาชกที่ ONE อีกครั้งค่ะ”
อ่านเพิ่มเติม: