“เมืองไทย” ชี้จุดเปลี่ยนสำคัญทำพ่าย “แฮร์ริสัน” ขอเวลาตั้งตัวกลับมากู้ชื่อ
“เมืองไทย” เปิดใจหมดเปลือกถึงเบื้องหลังความพ่ายแพ้ต่อจอมเก๋าจากเมืองผู้ดีในไฟต์ล่าสุด พร้อมกลับไปฟิตซ้อมให้หนักเพื่อกู้ชื่อบนเวที ONE อีกครั้ง
จบไปแบบพลิกล็อกช็อกคนดูสำหรับสำหรับการคืนสังเวียนในรอบ 2 ปีของ “ขุนศอกผีดิบ” เมืองไทย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม ที่ดวลเดือดกับ “Hitman” เลียม แฮร์ริสัน นักสู้หมัดหนักวัย 36 ปีจากอังกฤษ ในศึก ONE156: รีเกียน vs อาเรียน เมื่อวันศุกร์ที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา
ไฟต์นี้เรียกได้ว่าทำเอาคนดูปรับอารมณ์ไม่ทัน โดยช่วงแรกนั้น เมืองไทย มาอย่างสวยด้วยการส่งคู่แข่งลงไปกองจนได้ 2 นับ มาตุนในกระเป๋า แต่จากนั้นเกมก็พลิกแบบหัวทิ่มเมื่อ เลียม สวมหัวใจสิงห์ลุกขึ้นมารัวหมัดสาดอาวุธหนักเข้าใส่ เมืองไทย จนโงหัวไม่ขึ้น ร่วงลงไปกองกับพื้น 3 ครั้งติดต่อกันซึ่งตามกติกาถือว่าแพ้ทีเคโอ กรรมการจึงชูมือให้นักมวยจากเมืองผู้ดีในที่สุด
หลังการแข่งขัน ขุนศอกจากบุรีรัมย์ก็ยืดอกรับความพ่ายแพ้อย่างลูกผู้ชาย โดยยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะร้างสังเวียนไปนาน ทำให้สภาพร่างกายยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางและฟื้นตัวช้ากว่าปกติเมื่อโดนอาวุธเข้าจัง ๆ เจ้าตัวจึงยังไม่ค่อยพอใจผลงานของตัวเองเท่าไหร่
ยิ่งไปกว่านั้น เมืองไทย เผยว่าจุดเปลี่ยนที่สำคัญในไฟต์นี้อยู่ที่หมัดอันหนักหน่วงของคู่แข่งซึ่งมีพลังทำลายล้างสูงสมฉายา “Hitman” ที่ทำเอาเขาเบลอจนแทบจำอะไรไม่ได้
“จุดเปลี่ยนในไฟต์นี้คือหมัดครับ น่าจะเป็นจังหวะที่เขาปล่อยหมัดฮุคเข้าขมับเต็ม ๆ ทำให้ผมเริ่มเบลอ จำได้ว่าจังหวะที่โดน ผมพยายามจะเข้าไปฟันศอกแต่วืด แล้วเขาก็สวนกลับมาด้วยหมัดฮุก ทำให้ตอนนั้นผมเหมือนจะวูบไปเลย ไม่รู้สติ แทบจำอะไรหลังจากนั้นไม่ได้เลย”
นอกจากนี้ เมืองไทย ยังได้ตอบข้อสงสัยของแฟนมวยบางส่วนที่ข้องใจว่าเพราะเหตุใดเขาจึงเดินบุ่มบ่ามเข้าไปหาคู่แข่งทันที หลังจากโดนสอยร่วงถึงสองครั้ง แทนที่จะถอยออกมาตั้งหลักให้ร่างกายกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
“ในใจคิดว่าอยากจะปิดเกมให้เร็วที่สุด เพราะตอนนั้นเรามีโอกาสแล้ว ก็เลยอยากชกให้มัน ชกให้สนุกด้วย แต่ด้วยความที่เป็นนวมเล็ก พอโดนหมัดเข้าไปผมก็เบลอไปหมดเลย เหมือนจะมึน ๆ ด้วย ทำให้ผมทิ้งหัวลงหลังจากนั้นและจำอะไรไม่ได้เลยบนเวที”
“ที่เห็นผมเดินเข้าไป ต้องบอกว่ามันเป็นสัญชาตญาณมากกว่าครับ ผมจำได้แค่ว่าผมชูมือพร้อมชกต่อและพยายามจะเดินเข้าไปอีก ผมเริ่มกลับมารู้สึกตัวและมีสติอีกครั้งตอนที่กรรมการสั่งยุติการชกไปแล้วและเห็นพี่เลี้ยงเดินขึ้นมาบนเวที ผมก็รู้สึกเสียดายมากครับ”
ถึงแม้การหวนคืนสังเวียนอีกครั้งในรอบ 2 ปีของ เมืองไทย จะจบลงด้วยความผิดหวัง แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ถอดใจและไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา โดยหวังเก็บเอาความพ่ายแพ้ไปเป็นบทเรียนเพื่อกลับมาผงาดอีกครั้ง
“บทเรียนที่ผมได้จากไฟต์นี้คือความใจร้อน เพราะตอนชกที่ไทยผมจะค่อนข้างรีบร้อนเพราะมีปัจจัยนอกสนามอย่างเรื่องการต่อรองราคาหรือเซียนมวยเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ใน ONE ที่นี่ให้คะแนนโดยตรง เราสามารถทำตามที่เราวางแผนและใช้เวลาทุกวินาทีให้คุ้มค่าที่สุด”
ส่วนความคาดหวังในอนาคต เจ้าของฉายา “ขุนศอกผีดิบ” ยังต้องการที่กลับมาโชว์ฝีมือบนเวทีของ ONE อีกครั้งหากได้รับโอกาส พร้อมประกาศความมั่นใจว่าจะไม่ทำให้แฟน ๆ ต้องผิดหวังอย่างแน่นอน
“ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะชกที่ ONE ต่อไปในไฟต์หน้า และถ้าผมมีโอกาสได้ขึ้นชกอีกครั้งก็จะเตรียมตัวให้มากกว่านี้ จะแก้ไขจุดอ่อนหลาย ๆ อย่าง ซึ่งผมคิดว่าน่าจะทำได้ดีกว่าเดิมแน่นอนครับ”
อ่านเพิ่มเติม:
- “รถถัง – ซุปเปอร์เล็ก” ขึ้นสังเวียน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ มีลุ้นชนนวมรอบชิง!
- งานนี้อาจมีหลับ “เลียม แฮร์ริสัน” ขอวัดพลังหมัด ซัดกลับ “ศอกผีดิบ”
- “เมืองไทย” ไม่หวั่นพลังหมัด “เลียม แฮร์ริสัน” พร้อมประเคนศอกผีดิบสั่งสอน