“ซุปเปอร์เล็ก” ชนะแต่ดีใจไม่สุด หวังงัดฟอร์มเจ๋งฉะ “วอลเตอร์” รอบตัดเชือก เวิลด์ กรังด์ปรีซ์
“ซุปเปอร์เล็ก” เผยแม้จะดีใจที่สามารถเช็กบิลคู่ปรับจากแดนปลาดิบได้ แต่ฟอร์มโดยรวมยังไม่ดีเท่าที่ควร ประกาศขอแก้ตัวใหม่ให้ดีกว่าเดิม ในรอบตัดเชือกศึก ONE มวยไทย เวิลด์ กรังด์ปรีซ์
เปิดฉากกันไปอย่างดุเดือดสมการรอคอย สำหรับศึกชิงเข็มขัดเงินอันทรงเกียรติของ 8 สุดยอดขุนพลตัวท็อป ในการแข่งขัน ONE มวยไทย เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นฟลายเวต รอบก่อนรองชนะเลิศ ศึก ONE 157: เพชรมรกต vs จิมมี เมื่อวันศุกร์ที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา
โดยหนึ่งในไฮไลต์ของสาย บี อยู่ที่การดวลฝีมือกันระหว่าง “The Kicking Machine” ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9 จอมเตะไฟแลบจากบุรีรัมย์ ที่โคจรมาพบกับ “Silent Sniper” ทาอิกิ นาอิโตะ นักมวยไทยจอมอึดจากญี่ปุ่น ที่หวังสร้างชื่อเป็นนักสู้จากแดนปลาดิบคนแรก ที่สามารถหยิบเข็มขัดแชมป์มวยไทยของ ONE มาครองให้ได้
ส่วนผลการแข่งขันในไฟต์นี้ ถึงแม้ยกแรกจะเกร็งกันทั้งสองฝ่าย แต่หลังจากยกที่ 2 เป็นต้นไป ซุปเปอร์เล็ก ก็โชว์ฟอร์มสมราคาตัวเต็ง สับศอกซ้ายเข้าเต็มหน้าของ ทาอิกิ จนเลือดอาบ ก่อนจะคุมจังหวะออกอาวุธอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเป็นฝ่ายเอาชนะคะแนนไปอย่างเป็นเอกฉันท์ ลอยลำเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ
ซุปเปอร์เล็ก ยอมรับว่าแม้จะดีใจกับชัยชนะแต่ยังไม่ค่อยพอใจกับฟอร์มของตัวเองมากนัก เพราะความตื่นเต้นที่ได้คัมแบ็กสังเวียนระดับโลกอีกครั้ง ทำให้จังหวะการออกอาวุธอาจยังไม่เข้าที่เข้าทาง
นอกจากนี้ ยอดมวยวัย 26 ปี ยังได้ให้เครดิตคู่ต่อสู้ชาวญี่ปุ่นที่พยายามทำการบ้าน และแก้ทางมวยมาได้ค่อนข้างดี ทำให้เขาต้องพบกับงานที่ยากขึ้นกว่าเดิมเมื่ออยู่บนสังเวียน
“ฟอร์มในไฟต์นี้ถือว่าพอใจในระดับหนึ่งครับ แต่ก็ยังไม่พอใจมากเท่าไหร่ เพราะผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้กลับมาชกใน ONE อีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน อีกอย่างนี่ก็เป็นรายการใหญ่อย่างเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ด้วย ก็เลยตื่นเต้นมากจริง ๆ ซึ่งในยกหนึ่งรู้สึกเกร็ง ๆ จนทำอะไรไม่ถูกครับ แต่พอเริ่มจับทางคู่ต่อสู้ได้ในยกที่ 2-3 ก็เน้นการออกอาวุธให้หนักขึ้นกว่าเดิมครับ”
“ที่จริงแล้วถือว่า ทาอิกิ เป็นนักมวยที่ชกด้วยยากอีกคนหนึ่งครับ เพราะไฟต์นี้ผมเตรียมอาวุธมาเยอะเหมือนกัน แต่พอพยายามทำแล้วก็ทำไม่ได้ ต้องชมกว่าเขาเก่งมากที่แก้ทางมวยผมมาดี”
ส่วนในรอบต่อไป ซุปเปอร์เล็ก จะต้องพบกับ “วอลเตอร์ กอนซาลเวส” กำปั้นจอมทรหดจากบราซิล ที่ไล่ต้อนเอาชนะ “โจชัว ครูซ” มวยแทนของ “โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี” มาอย่างง่ายดาย ด้วยการเอาชนะน็อกภายใน 35 วินาทีของยกแรกเท่านั้น
โดยก่อนที่จะพบกับในรอบตัดเชือก จอมเตะจากบุรีรัมย์ชี้ว่าฝีมือของคู่ปรับจากแดนแซมบ้าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว โดยเฉพาะในเรื่องของความปราดเปรียวที่ไม่เป็นสองรองใคร ซึ่งนี่ถือเป็นการบ้านข้อใหญ่ที่เขาและทีมงาน ต้องพยายามกลับแก้ทางมวยเอาไว้รอรับมือบนสังเวียน
“สำหรับ วอลเตอร์ ผมเคยเห็นเขาชกในไฟต์ที่เจอกับ รถถัง (จิตรเมืองนนท์) แล้วเห็นได้ชัดเจนเลยว่าจังหวะการออกอาวุธ จังหวะถอยหนีทำได้ค่อนข้างเร็ว ซึ่งถือเป็นการบ้านของผมและทีมงาน ที่ต้องกลับมาซ้อมให้ดีขึ้นกว่าเดิม และพยายามแก้ทางมวยของเขาให้ได้”
นอกจากนี้ ซุปเปอร์เล็ก ยังเผยอีกว่า ถึงแม้หนึ่งในกระดูกชิ้นโตอย่าง แฮ็กเกอร์ตี จะถอนตัวออกไปแล้วเพราะปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ แต่เส้นทางในการล่าแชมป์เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ก็ไม่ได้ง่ายขึ้นอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะคู่ต่อสู้ที่เหลือก็ล้วนแต่เป็นสุดยอดฝีมือของรุ่นฟลายเวต ทำให้ตอนนี้ยังไม่ได้มองข้ามช็อตไปไกล และขอโฟกัสทีละไฟต์เท่านั้น
“ถึง แฮ็กเกอร์ตี จะถอนตัวไปแล้วแต่ก็ไม่ง่ายนะครับ จริง ๆ แล้วก็รู้สึกเสียดายแทนเขาด้วยเหมือนกัน เพราะเขาเป็นนักมวยอีกคนที่เก่งในลำดับต้น ๆ ของทั้ง 8 คนในรายการนี้ แต่ถึงแม้จะไม่มีเขาอยู่ ผมก็ไม่คิดว่าเส้นทางของผมมันจะง่ายขึ้นกว่าเดิมนะครับ เพราะโดยส่วนตัวผมพยายามจะโฟกัสไปที่การชกที่ละไฟต์เท่านั้น”
แฟนกีฬาสามารถติดตามความคืบหน้าของการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ ศึกมวยไทย เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นฟลายเวตได้ที่นี่และโซเชียลมีเดียของ ONE ทุกช่องทาง
อ่านเพิ่มเติม:
