ได้ดีเพราะมีครูรู้ใจ ทำความรู้จักเทรนเนอร์เคมีเข้ากัน “ตะวันฉาย-เทรนเนอร์หวัง”
การที่นักมวยสักคนประสบความสำเร็จบนสังเวียนอาชีพ นอกจากมันสมองและสองมือ รวมถึงชั้นเชิงด้านมวยไทยแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือการมีเทรนเนอร์ที่ดี ซึ่งเปรียบเสมือนลมใต้ปีก ที่คอยช่วยยกระดับฝีมือให้พัฒนาอยู่เสมอ
เช่นเดียวกับ “ตะวันฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม” ที่กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มฮ็อตแบบสุด ๆ นับตั้งแต่ประเดิมชัยชนะในพิกัดใหม่ ด้วยการเอาชนะ “นิคลาส ลาร์เซน” ไปแบบไม่ครบยก กระทั่งได้สิทธิ์ขึ้นชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวตกับ “เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี” ในเร็ว ๆ นี้
อีกหนึ่งเบื้องหลังคนสำคัญของ ตะวันฉาย ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ “เทรนเนอร์หวัง” สมหวัง มาทอง เทรนเนอร์สายโหดประจำค่าย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม ที่คอยถ่ายทอดวิชาให้นักชกหน้าหยกวัย 23 ปีรายนี้ มีฟอร์มที่ยอดเยี่ยมอยู่ในปัจจุบัน
สำหรับ “เทรนเนอร์หวัง” หรือชื่อที่ใช้สมัยเป็นนักมวยว่า “เมฆดำ ส.อุดมสร” คือหนึ่งในบุคลากรรุ่นบุกเบิกของค่ายดังแห่งย่านพระราม 3 ที่เคยสร้างชื่อให้กับทั้ง ปกรณ์ พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม โด่งดังในวงการมาแล้ว รวมถึงปัจจุบันยังเป็นเทรนเนอร์ให้กับ พระจันทร์ฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม และ เมืองไทย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิมอยู่ด้วยเช่นกัน
โดย ตะวันฉาย เผยว่า แม้ พี่หวัง จะไม่ใช่เทรนเนอร์คนแรกที่ได้ร่วมงาน นับตั้งแต่เข้ามาอยู่ในสังกัดของ พี.เค.แสนชัยฯ แต่หลังจากที่ได้มาจับคู่กัน เทรนเนอร์ขาโหดรายนี้ก็ช่วยให้เขาพัฒนาตัวเองในหลาย ๆ เรื่อง
“ที่จริงพี่หวังไม่ใช่เทรนเนอร์คนแรกของผมตั้งแต่มาอยู่ที่ค่ายนะครับ ผมเพิ่งจะมาเริ่มซ้อมกับพี่แกแบบจริงจังตอนอายุ 19 ตอนนี้ก็ประมาณ 4-5 ปีแล้วครับ ซึ่งหน้าที่ของพี่หวังก็คือการจับเป้าให้ผม รวมถึงเวลาที่ผมดูเทปการชกของคู่ต่อสู้เสร็จ ก็จะมาจับลองสถานการณ์แก้ทางมวยระหว่างที่ซ้อมกับแกครับ”
“สิ่งที่ผมได้จากพี่หวังก็คือเรื่องของพละกำลังครับ เพราะเรื่องไอคิวเชิงมวยเรามีแล้ว พี่หวังก็เข้ามาช่วยเสริมในเรื่องของความแข็งแรงให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะแกเป็นคนที่ตัวใหญ่ ทำให้ผมมีแรงปะทะเวลาที่เจอกับคู่แข่งบนเวทีครับ นี่คือจุดเด่นที่ชัดเจนเลย ที่ผมได้นับตั้งแต่มาซ้อมกับพี่หวัง”
แต่นอกจากจุดเด่นในเรื่องความแข็งแกร่งแล้ว ตะวันฉาย ยังเผยอีกว่า สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างของเทรนเนอร์หวังก็คือ คำพูดที่คอยกระตุ้นนักมวยอยู่ตลอดเวลาในการซ้อม ถึงเปรียบเสมือนกับจิตวิยาชั้นดี ที่ช่วยให้สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองด้วยเช่นกัน
“พี่หวัง ไม่มีโอ๋นักมวย ใส่เต็มที่ ไม่มีหมด แล้วอีกอย่าง เขาจะคอยกระตุ้นนักมวยในระหว่างการซ้อม แกก็จะใช้คำพูดกระตุ้นผมอยู่ตลอดเวลา ทั้งคำพูดกระตุ้นแบบแรง ๆ หรือพูดในเชิงให้กำลังใจเวลาที่ผมหมดแรง ซึ่งผมก็เข้าใจนะว่าที่แกทำแบบนั้นเพราะอยากให้เราได้ดี”
“ที่จริงนอกเวลาซ้อม พี่หวัง เป็นคนตลกเฮฮานะครับ แต่เวลาจริงจังแกก็จะเต็มที่ตลอดเวลา ไม่มีผ่อน ซึ่งก็จะทำให้เราไม่หลุดโฟกัสเวลาซ้อม และช่วยให้เราซ้อมได้อย่างเต็มที่ด้วย”
ขณะที่ เทรนเนอร์หวัง ได้กล่าวยกย่องลูกศิษย์รายนี้ว่า มีพัฒนาดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา นับตั้งแต่วันแรกที่ได้ร่วมงานกันเมื่อราว 4-5 ปีก่อน แต่ก็ยังมีอีกบางจุดที่ต้องเร่งแก้ไข โดยเฉพาะในเรื่องของพละกำลัง ซึ่งต้องยกระดับให้พร้อมสำหรับการปะทะกับคู่ต่อสู้ในพิกัดใหม่ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ เทรนเนอร์ขาโหดแห่งค่าย พี.เค.แสนชัยฯ ยังเผยอีกว่า ถึงแม้จะสนิทกับ ตะวันฉาย แค่ไหน แต่เมื่อถึงเวลาฝึกซ้อมก็ยังเต็มที่เหมือนเดิม ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อผลดีของตัวนักมวยเอง
“ที่จริงผมรู้จัก ตะวันฉาย ตั้งแต่เขายังเด็กแล้วครับ แต่ตอนนั้นเขายังตัวเล็ก ซ้อมกับเราไม่ได้ จนเขาโต เราก็เริ่มมาจับเป้าให้ตั้งแต่ประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว ตั้งแต่วันแรกที่เขาซ้อมกับผมจนถึงวันนี้ ต้องยอมรับว่าเขาพัฒนาตัวเองได้เร็วมากครับ เพราะเขามีความตั้งใจ รวมถึงลูกหนัก หลักเหลี่ยม มันสมองก็มีครบหมด”
“พอนอกเวลาซ้อมเราก็จะสนิทกันเหมือนพี่น้องครับ ถ้าให้วัดความสนิทก็น่าจะ 10 เต็ม 10 เพราะอยู่ด้วยกันมานานหลายปีแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาซ้อมผมจะจริงจังเลย ไม่มีคำว่าพี่น้อง พักทุกอย่างเอาไว้ข้างนอก แล้วใส่กับแบบจริงจังตลอดเวลา เพื่อให้เขาได้ประโยชน์จากการซ้อมอย่างเต็มที่ ซึ่งมันจะเป็นผลดีกับเขาเวลาที่อยู่บนเวที”
สุดท้าย เทรนเนอร์หวัง ก็แสดงความมั่นใจแบบสุด ๆ ว่า ด้วยอายุและฟอร์มการชก รวมถึงฝีมือที่พัฒนาแบบก้าวกระโดดจะทำให้ ตะวันฉาย สามารถก้าวไปถึงแชมป์แน่นอน ไม่ช้าก็เร็วหลังจากนี้
“ผมว่าเขาต้องมีแชมป์ติดมือสัก 1-2 เส้นเป็นอย่างน้อยครับ เพราะเขายังอายุเพิ่งจะ 23 เอง ยังไปได้ไกลและมีเวลาในการประสบความสำเร็จอีกนาน
นอกจากนี้ ความเป็นมวยไอคิวสูงของ ตะวันฉาย ก็ยอดเยี่ยมมากครับ ลูกหนักลูกมันสมองมีครบ พร้อมหมดแล้วครับ อยู่ที่ว่าหลังจากนี้ เขาจะไปได้ไหนแค่ไหนเท่านั้นเอง”
อ่านเพิ่มเติม: