“อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ” รอนับวันสอย “จาง เฉิงหลง”
“Babyface Killer” อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ ใกล้ถึงช่วงเวลาเติมเต็มความฝันกับการคว้าแชมป์โลกในวันศุกร์ที่ 6 ธันวาคมที่จะถึงนี้
ยอดนักชกจากดาเกสถาน ประเทศรัสเซีย มีคิวเผชิญหน้ากับยอดนักชกชาวจีนอย่าง “Muay Thai Boy” จาง เฉิงหลง โดยผู้ชนะในไฟต์นี้ จะได้จารึกชื่อบนหน้าประวัติศาสตร์ในฐานะแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต คนแรกของรายการ ในศึก ONE: MARK OF GREATNESS กรุงกัวลาลัมปอร์ ประเทศมาเลเซีย
แม้นักกีฬาทั้งสองจะไม่เคยประชันกันมาก่อน แต่พวกเขามีหลายอย่างที่ทำคล้ายๆ กันในช่วงปีที่ผ่านมา ด้วยการเดินสายชกในประเทศไทยมาหลายสังเวียน แต่ก็ไม่เคยได้ขึ้นเวทีร่วมกัน จนกระทั่งครั้งนี้ใน วัน แชมเปียนชิพ ในฐานะรองคู่เอกที่ แอ็กเซียตา อารีน่า
หนุ่มชาวดาเกสถานวัย 25 ปี พินิจพิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ และพูดคุยถึงการเตรียมความพร้อมในไฟต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพของเขา
ONE : คุณผ่านสังเวียนใหญ่ๆ มานับไม่ถ้วน และในตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรกับการแข่งขันใน ONE ซูเปอร์ ซีรีส์ กว่า 1 ปีที่ผ่านมา
อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ: ผมมั่นใจว่า ONE เป็นสังเวียนที่มีการแข่งขันคิกบ็อกซิ่งที่ดีที่สุดในโลกตอนนี้ พวกเขาเดินทางมาได้ไกลมากในช่วงเวลาสั้นๆ
ใน ซูเปอร์ ซีรีส์ มีการแข่งขันกันในระดับสูง ผมคิดว่าผู้ชมทั่วโลกพึงพอใจกับรูปแบบนี้ ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน คิกบ็อกซิ่ง และมวยไทย ในรายการเดียวกัน แนวความคิดนี้จะทำให้ดึงดูดผู้ชมหน้าใหม่ๆ เข้ามาหา ONE มากขึ้น และมันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น
ONE: คุณรู้สึกอย่างไรที่จะได้ชิงเข็มขัดแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต ในฐานะรองคู่เอกของศึก ONE: MARK OF GREATNESS
อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ: ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เป็นคู่รองของรายการ และผมสัมผัสได้ถึงความรับผิดชอบอันหนักอึ้งสำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ ยิ่งเมื่อผมรู้ว่ามีเข็มขัดแชมป์โลกเป็นเดิมพันด้วย ผมยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ ผมพยายามอย่างหนักเพื่อเป้าหมายนี้มาเป็นเวลานาน
หากถามว่าคาดคิดเรื่องนี้ไว้บ้างรึเปล่า ยอมรับครับว่าก็มีอยู่บ้าง ผมได้ยินมาว่าทีมผู้บริหาร ONE ประทับใจใน ไฟต์ล่าสุดที่ผมชกกับ อ็อกเยน ทอปิค ผมได้ยินมาว่ามันเป็นการน็อกเอาต์ที่เร็วที่สุดไฟต์หนึ่งในประวัติศาสตร์ของ ONE ซูเปอร์ ซีรีส์ หลังจากนั้นก็ได้รับการบอกกล่าวจากทางค่ายว่าจะมีไฟต์ชิงแชมป์เกิดขึ้นกับผม
ONE: การชิงแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต มีความสำคัญกับคุณอย่างไร
อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ: มันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตผมตอนนี้ ตั้งแต่ยังเล็ก ผมพยายามมาอย่างหนักเพื่อเป็นนักสู้ที่ดีที่สุดในโลก ผมใฝ่ฝันที่จะเป็นแชมป์โลกมาโดยตลอด และในตอนนี้ ผมมีโอกาสจะทำมันให้สำเร็จแล้ว ในวันที่ 6 ธันวาคมนี้ ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ก้าวลงจากเวทีพร้อมเข็มขัดเส้นนั้นคาดอยู่ที่เอวของผม
ONE: ปู่ พ่อ และพี่ชายของ จาง เฉิงหลง ล้วนเป็นนักสู้มืออาชีพ คุณรู้สึกหวาดกลัวกับนักชกที่มาจากตระกูลนักสู้บ้างหรือเปล่า
อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ: ผมไม่ได้สนใจว่าเขาจะมาจากตระกูลนักสู้ ผมมาจากดาเกสถาน ที่นั่นเรามีตระกูลนักสู้มากมาย ชายชาวดาเกสถานต้องสู้และแข่งขันมากว่าหลายร้อยปี พวกเขาเหล่านั้นคือบรรพบุรุษของผม ผู้ไม่เคยกลัวเกรงการต่อสู้
ONE: คุณติดตามการชกของ จาง เฉิงหลง มากน้อยเพียงใด
อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ: ผมรู้จักเขาตั้งแต่ปี 2017 และเราเคยแข่งขันในรายการเดียวกัน เขาเป็นแชมป์รายการท็อปคิง เขาดุเหมือนสัตว์ร้าย มีศักยภาพอยู่เยอะมาก ผมมั่นใจว่าเส้นทางอาชีพของเขายังไปได้ไกล เขาเดินทางไปแข่งขันในสหรัฐอเมริกา, ไทย, จีน และเปิดตัวได้อย่างสวยงามในสังเวียน ONE ตั้งแต่เขาเข้ามาในสังกัด ONE ผมมองว่า การปะทะกันของเราทั้งสองนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และวันนั้นก็กำลังมาถึง
ONE: คุณคิดว่าสไตล์การต่อสู้ของ จาง เฉิงหลง เป็นอย่างไร และเหตุใดเขาถึงเป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมที่สุดกับคุณ
อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ: สไตล์การต่อสู้ของเขาน่าสนใจมาก แต่ในท้ายที่ท้าย เขาก็เป็นแค่นักชกที่ถนัดซ้าย ซึ่งไม่ยากสำหรับผม เพราะ 3 ใน 5 ของคู่ต่อสู้ที่ผมประลองฝีมือด้วยล้วนถนัดซ้ายทั้งนั้น ผมจึงรู้การเคลื่อนไหวและวิธีการชกของเขา
เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่ดีและคู่ควรสุดๆ สำหรับผม เขาเป็นหนึ่งในนักสู้ชาวจีนที่มีแววเฉิดฉายมากที่สุด เขากวาดชัยชนะมาแล้ว 3 ไฟต์ในสังเวียน ONE เขาจึงสมควรได้รับโอกาสชิงแชมป์ใน ONE ซูเปอร์ ซีรีส์ อย่างแน่นอน
ONE: พอจะพูดถึงการเตรียมตัวของคุณหน่อยได้หรือไม่
อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ: ผมฝึกซ้อมที่ค่ายเวนัม เทรนนิง แคมป์ ในประเทศไทย อย่างที่เคยทำมาในอดีต ตอนนี้ในส่วนของการฝึกซ้อมได้สิ้นสุดลงแล้ว ดังนั้น ผมจึงสามารถผ่อนคลายได้บ้าง ผมพยายามรักษาสุขภาพและความแข็งแรงไว้ ตอนที่อยู่ในค่าย พวกเราให้ความสำคัญกับการฝึกคาร์ดิโอ เทคนิคมวยไทย และการพัฒนาความเร็วของผม
ONE: คำถามสุดท้าย คุณคิดว่าการชิงแชมป์ในครั้งนี้จะจบลงอย่างไร
อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ: การต่อสู้จะต้องเป็นอย่างที่มันควรจะเป็น ผมเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันทั้ง 5 ยกไว้แล้ว แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ระหว่างการแข่งขัน มันอาจจะจบลงด้วยการแข่งขันครบ 5 ยก หรือด้วยการน็อกเอาต์ก็ได้