“แบรนดอน เวรา” ลั่น ต้องน็อก “ออง ลา เอ็น ซาง” สถานเดียว
“The Truth” แบรนดอน เวรา กำลังประสบกับหลากหลายอารมณ์ เมื่อต้องขึ้นสังเวียนฟาดหมัดกับ “The Burmese Python” ออง ลา เอ็น ซาง ในศึก ONE: CENTURY PART II
แชมป์โลก ONE รุ่นเฮฟวีเวต ลงมาชิงเข็มขัดแชมป์โลกของรุ่นไลต์เฮฟวีเวต ในฐานะคู่เอกของศึกในวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม โดย เวรา ยอมรับว่าเขากังวลไม่น้อยสำหรับความท้าทายครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม นักชกขวัญใจชาวฟิลิปปินส์ เฝ้ารอโอกาสที่จะได้เติมเต็มความฝันตั้งแต่เริ่มเดินบนเส้นทางการต่อสู้อย่างใจจดใจจ่อ
นอกจากนี้ เวรา มีความรู้สึกที่ปะปนกันอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเขามีทางเลือกเดียว คือต้องชนะไฟต์นี้ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นให้ได้ หากเขาทำได้สำเร็จ เขาจะกลายเป็นแชมป์โลกสองรุ่นในทันที
นักสู้วัย 42 ปี ไม่มีอะไรบาดหมางกับคู่แข่งชาวเมียนมา โดย ออง ลา เอ็น ซาง เปรียบเสมือนน้องชายของเขา เพราะทั้งสองใช้โค้ชร่วมกัน คู่ซ้อมเดียวกัน และค่ายเดียวกัน
หากเขาเลือกได้ เวรา ไม่อยากขึ้นสังเวียนเผชิญหน้ากับ “The Burmese Python” บนสังเวียนเพื่อชิงตำแหน่งแชมป์ที่เขาหมายปองไว้มาหลายปี แต่โชคชะตาก็ทำให้ทั้งคู่ต้องมาเจอกันจนได้
“มันเลี่ยงไม่ได้เมื่อนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกของรุ่นไลต์เฮฟวีเวตคือ ออง ลา”
“ผมไม่ได้อยากจะสู้กับเขา แต่เวลานี้เขาคือแชมป์โลก ความรู้สึกของผมจึงทั้งชอบและไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้ ที่ผมต้องทำ”
ยิ่งไปกว่านั้น มันใช่แค่ความสนิทสนมที่ทำให้ เวรา กังวลกับการเผชิญหน้า ออง ลา แต่เขากำลังจะเผชิญกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งและรับมือด้วยยากที่สุด
อ่านเพิ่มเติม:
7 เหตุผลที่ ONE: CENTURY จะเป็นอีเวนต์ศิลปะการต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
ออง ลา เอ็น ซาง คว้าชัยห้านัดรวดแบบไม่ครบยก รวมถึงการก้านคอน็อก “Bebezao” อเล็กซานเดร มาชาโด ด้วยเวลาเพียง 56 วินาที พร้อมกับนั่งแท่นแชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เฮฟวีเวต
นักสู้จากกรุงมะนิลารู้ดีว่า หากต้องเผชิญกับคู่แข่งอันตรายเช่นนี้ เขาไม่สามารถพลาดได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่นี่คือแรงผลักดันที่ทำให้เขามุ่งมั่นและเตรียมตัวให้พร้อมอย่างดีที่สุด
“ในฐานะนักกีฬา ออง ลา เหมือนสัตว์ร้าย เขาน่ากลัวมาก”
“เขาเดินหน้าอย่างเดียว ไม่มีเกียร์ถอย เขาเก่งขึ้นในทุกๆ อีเวนต์ ออง ลา พัฒนาการชกและทักษะของเขาตลอด เขาแกร่งกว่าทุกคนที่ผมเคยเห็นมา และมีหัวจิตหัวใจที่ยิ่งใหญ่มาก รวมถึงแรงสนับสนุนจากชาวเมียนมาทั้งประเทศที่คอยสนับสนุนเขาอยู่เสมอ”
“ทุกอย่างที่ผมบอกไปเกี่ยวกับ ออง ลา คือแรงกระตุ้นที่ทำให้ผมฝึกซ้อมทุกวัน แม้จะบาดเจ็บ หรือเหนื่อย หรือแม้แต่ไม่รู้ว่าควรลุกจากที่นอนเมื่อไหร่”
“เทคนิคการออกอาวุธ และจังหวะเข้าทำ รวมถึงการเคลื่อนไหวของเขา มีการพัฒนาขึ้นมาก จากเมื่อก่อนเขาแค่ออกอาวุธ เพียงเพราะเขามีความแข็งแกร่ง และคือ ออง ลา แต่ตอนนี้สิ เขาไม่กลัวอะไรเลย”
“จริงๆ แล้วตอนนี้เขามองหาช่องว่างในการเดินเกม เขามีเทคนิคและวางแผนในการโจมตีคู่ต่อสู้ ยิ่งทำให้เขาเป็นคู่แข่งที่อันตรายมากขึ้นไปอีก”
แม้ในไฟต์นี้เขาต้องรับมือกับคู่แข่งสุดหินอย่าง ออง ลา แต่นักสู้จากค่าย Alliance Training Center ยังคงตื่นเต้นและเฝ้ารอวันที่จะได้ขึ้นสังเวียน และพยายามหาวิธีจัดการ “The Burmese Python” ให้ได้
เวรา อาจจะมีแผนพิชิต ออง ลา เรียบร้อยแล้ว แต่เขาคงยังไม่อยากเปิดเผยเกมการชกจนกว่าจะถึงวันที่ 13 ตุลาคมนี้
“ผมพอมีสองสามอย่างที่จะใช้บนสังเวียน แต่ผมคงบอกไม่ได้ ผมไม่ได้บอกใครทั้งนั้น”
อย่างไรก็ตาม สิ่งเดียวที่ เวรา บอกกับเราได้ คือเขาไม่ต้องการให้ไฟต์นี้ยืดเยื้อไปจนถึงยกสุดท้าย
แม้ว่า “The Truth” จะไม่สนใจว่าจะต้องรักษาสถิติน็อกเอาต์ได้ 100% ในยกแรก แต่เขายืนยันว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่ดำเนินไปถึง 25 นาทีแน่นอน
“ผมคงทำน็อกเอาต์ไม่ได้ตลอดหรอกนะครับ ผมแค่อยากจะปิดจ็อบก่อนหมดห้ายก”
“ผมไม่ต้องการให้กรรมการมาตัดสินคะแนนว่าผมแพ้หรือชนะ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ไฟต์นี้จะต้องจบด้วยน็อกเอาต์”
ยิ่งไปกว่านั้น เวรา แทบจะรอไม่ไหวในการทำตามเป้าหมายที่ได้ตั้งใจไว้ตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพนี้
ช่วงเริ่มต้น นักสู้ชาวฟิลิปปินส์ต้องการที่จะเป็นแชมป์โลกรุ่นเฮฟวีเวต และลดลงมาชิงเข็มขัดในรุ่นไลต์เฮฟวีเวต ซึ่งโอกาสนั้นอยู่ในมือของเขาแล้ว
ไม่สำคัญว่าเขาจะต้องโค่นใคร หรือใช้วิธีไหน เขาจะต้องคว้าเข็มขัดทั้งสองรุ่นมาให้ได้ และเมื่อการต่อสู้ที่สนามเรียวโงกุ โกกุงิกัง จบลง เขาจะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในตำนานยอดนักสู้
“เข็มขัดแชมป์โลกเส้นที่สองนี้จะทำให้ผมก้าวขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ซึ่งมีนักสู้ไม่กี่คนที่สามารถมาถึงจุดนี้ได้ หรือแม้แต่จะได้รับโอกาสแบบนี้ มันน้อยมาก”
“เมื่อไปถึงจุดนั้น ก็จะสามารถพูดได้ว่าเก่งที่สุดในโลกของทั้งสองรุ่น ผมไม่อาจพูดว่ามันยิ่งใหญ่ขนาดไหน แต่มันเป็นความใฝ่ฝันของผมมาตลอด 15 ปี
“ผมทุ่มเทเวลาเกือบทั้งหมดตลอดการเป็นนักสู้อาชีพ เพื่อที่จะได้ครองแชมป์โลกสองรุ่นนี้ แม้ว่ามันยากมากก็ตาม”