“กุหลาบดำ” ลั่นทางเดียวที่จะชนะ “แสงมณี” ได้คือต้องน็อกเท่านั้น!
“ซ้ายอุกกาบาต” กุหลาบดำ ส.จ.เปี๊ยกอุทัย ยอดมวยเมืองสุรินทร์วัย 21 ปี เจ้าของรางวัลนักมวยไทยยอดเยี่ยม ประจำปี 2560 ของสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย หรือที่คนไทยเรียกกันสั้นๆ ว่า “ยอดมวย” กำลังจะได้พบบททดสอบที่แกร่งที่สุดในชีวิต กับการขึ้นสังเวียนเทียบชั้นกับยอดมวยเจ้าของฉายา “ทารกเงินล้าน” แสงมณี คลองสวนพลูรีสอร์ต วัย 23 ปี ในฐานะคู่เอกของศึกใหญ่ระดับโลก วัน แชมเปียนชิพ ONE: NO SURRENDER III ซึ่งจะปรากฏสู่สายตาแฟนๆ ในวันที่ 21 สิงหาคมนี้
เรียกได้ว่าเป็นคู่มวยในฝันที่แฟนๆ รอคอยมานานนับปี แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการสร้างกระแสเรียกร้องอย่างมากมาย แต่ก็ไม่เคยมีทีท่าว่าจะได้ประกบคู่มาเจอกัน
จนกระทั่ง วัน แชมเปียนชิพ สานฝันให้เป็นจริงและยิ่งใหญ่ เพราะผู้ชนะจะผ่านด่านเข้าไปสู่โอกาสการชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต กับ “น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว” ในท้ายที่สุดอีกด้วย
สำหรับ “กุหลาบดำ ส.จ.เปี๊ยกอุทัย” นักมวยผู้โด่งดังจากการน็อกเอาต์คู่ต่อสู้ถึง 8 ใน 10 คนบนสนามมวยเวทีช่อง 7 สี และนักมวยผู้ได้รับเสื้อสามารถ ซึ่งมอบให้กับนักมวยที่ชนะ 7 ไฟต์ต่อเนื่องกัน โดยในระหว่างปี 2559-2560 กุหลาบดำ ประสบความสำเร็จอย่างมากจากสถิติที่ไม่เคยแพ้ใครติดต่อกัน 14 ไฟต์ ทำให้เขาโด่งดังถึงขีดสุด จนสร้างชื่อเป็นที่รู้จักไปทั่วปฐพี
ยอดมวยหมัดหนักจากสุรินทร์ กำสถิติทั้งสิ้น ชนะ 61 แพ้ 10 เสมอ 5 ซึ่งถ้าเทียบกับ แสงมณี ที่มีเที่ยวบินสูงกว่าถึง ชนะ 182 แพ้ 27 เสมอ 5 นับได้ว่าต่างกันถึงราว 3 เท่าตัว ที่สำคัญ แสงมณี ผ่านมวยเกรดเอ แถวหน้าของวงการมานับไม่ถ้วน จึงทำให้บรรดากูรูมวยมองว่าทั้งชื่อชั้นและประสบการณ์ของ กุหลาบดำ นั้นยังห่างกับ แสงมณี อย่างเห็นๆ
กุหลาบดำ vs โบโบ แซกโก
บนสังเวียน วัน แชมเปียนชิพ กุหลาบดำ ผ่านการชกมาเพียงไฟต์เดียว เมื่อ 6 กันยายน 2562 กับนักมวยผิวหมึกจากฝรั่งเศส “โบโบ แซกโก” ซึ่งรายนี้ฝีมือร้ายกาจเอาเรื่อง แถมได้สูงใหญ่ แต่ กุหลาบดำ ก็ผ่านไฟต์นี้มาได้ด้วยชัยชนะอย่างเป็นเอกฉันท์
หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือนถัดมา กุหลาบดำ ก็ไปชกในเวทีมวยสัญจรที่บุรีรัมย์ และพ่ายทีโอเค.ให้กับคู่ปรับเก่าอย่าง “หนึ่งล้านเล็ก จิตรเมืองนนท์” ก่อนที่จะเจอวิกฤติโควิด-19 เข้าถาโถม ทำให้กลายเป็น 10 เดือนที่ร้างสังเวียน
กระทั่งเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา กุหลาบดำ ได้ขึ้นชิงแชมป์มวยสากล WBA รุ่น 140 ปอนด์ที่ว่าง กับ “แสงอาทิตย์ ลูกทรายกองดิน” แม้จะชวดเข็มขัดเส้นนี้ แต่ก็ถือว่าได้วอร์มอัปร่างกาย ก่อนจะมาเจอศึกใหญ่กับ แสงมณี
“การชกมวยไทย กับ มวยสากล มันต่างกันนะครับ การฝึกซ้อมของมวยทั้งสองแบบก็ไม่เหมือนกัน แต่ข้อดีคือผมเหมือนได้ซ้อมช่วงโควิดมากกว่าคนอื่นเป็นสองเท่า ทำให้ผมกลับมาฟิตร่างกายได้อย่างรวดเร็ว”
อย่าลืมว่า กุหลาบดำ เป็นมวยหมัด การชกมวยสากล ก็ยิ่งช่วยทำให้เขาได้ลับคมหมัดขึ้นไปอีก ประกอบกับศึกนี้ใน วัน แชมเปียนชิพ ชกด้วยนวมเปิดนิ้ว 4 ออนซ์ ซึ่งมันทั้งบาง ป้องกันตัวยาก แถมแรงปะทะเยอะ จึงช่วยเสริมหมัดซ้ายอันตรายซึ่งเป็นอาวุธเด็ดเพชฌฆาตของเขาให้เกิดพลานุภาพขั้นสูงสุด และอาจเป็นตัวตัดสินเกมได้
“ความได้เปรียบเดียวที่ผมมี ก็คือหมัดซึ่งเป็นอาวุธหลักของผมนี่แหละครับ ยิ่งได้ซ้อมมวยสากลมาก่อนหน้านี้หนึ่งไฟต์ มันยิ่งทำให้หมัดของผมรุนแรง รวดเร็ว และออกหมัดเป็นชุดได้อีกด้วย”
สำหรับศึกใหญ่ในครั้งนี้ กุหลาบดำ มีเทรนเนอร์คู่ใจอยู่สองคน คนแรกคือ “อาจารย์สมพร แก้วกัณหา” เทรนเนอร์ประจำตัวที่ดูแลเรื่องการใช้หมัด คอยวัดเหลี่ยมดูเชิงให้ ส่วนอีกรายคือ “อาจารย์สิงห์ วิวัฒน์ บุญยัง” หรือชื่อนักมวยคือ “วิชิต บุญยัง” จะเน้นไปที่การเสริมแรงและพละกำลังเป็นหลัก
ถึงที่สุดแล้ว ความมุ่งหวังเดียวกันของเทรนเนอร์ทั้งสองก็คือ กุหลาบดำ ต้องชกให้เกิดประสิทธิผลมากที่สุดนั่นเอง
“ด้วยนวมเล็กเปิดนิ้วที่ใช้ใน วันฯ อาจทำให้ผมมีโอกาสชนะมากขึ้น และไฟต์นี้ผมตั้งใจมาคว้าชัยเต็มที่ และจะพยายามทำให้ดีที่สุด”
“ชื่อชั้นของ แสงมณี ไม่มีใครไม่รู้จักเขา ผมมองว่าเขาไม่มีจุดด้อยเลย กลับกันเขาเป็นมวยซ้ายที่ดีมาก เตะเร็ว ศอกเยอะ บอกตามตรงโอกาสที่ผมชนะคะแนนเขาแทบจะน้อยมาก ทางเดียวที่ผมจะชนะเขาได้ คือต้องน็อกเท่านั้นครับ”
สำหรับศึก ONE: NO SURRENDER III นอกจากจะมีคู่เอกระหว่าง “แสงมณี vs กุหลาบดำ” แล้ว ยังมีคู่อื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ มงคลเพชร vs ซกที, ชนนภัทร vs ฟาบิโอ ปินกา และการเปิดตัวของนักมวยสาว วันเดอร์เกิร์ล แฟร์เท็กซ์
โดยแฟนๆ สามารถรับชมได้หลากหลายช่องทาง ได้แก่ ONE Super App, YouTube ของ ONE Championship และ AIS Play เวลา 19.30 น. ส่วนไทยรัฐทีวี ช่อง 32 รับชมได้เวลา 22.30 น.
อ่านเพิ่มเติม: