“ดีเจ” ออกจากคอมฟอร์ตโซนมาสู่ประสบการณ์ใหม่ใน วัน แชมเปียนชิพ
เส้นทางในกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) ของ “Mighty Mouse” ดิมิเทรียส จอห์นสัน (ดีเจ) คงไม่อาจหาคำใดมาอธิบายได้นอกจากคำว่า “น่าทึ่ง” และผลงานในปี 2562 ที่ผ่านมา ก็ทำให้เขาตอกย้ำกับคำว่า “สุดยอดตลอดกาล” ได้อีก
นักสู้ดาวดังจากอเมริกาที่ย้ายมาร่วมสังกัด วัน แชมเปียนชิพ ครบหนึ่งปีเต็มเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา หากนับจากไฟต์แรกที่เขาได้ก้าวขึ้นสังเวียนนี้ เขาสามารถเก็บชัยชนะได้ 3 ไฟต์ติดต่อกัน พร้อมกับคว้าแชมป์ ONE เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นฟลายเวต ไปครองได้เป็นคนแรก
นอกจากจะเป็นปีทองแห่งความสำเร็จในฐานะตำนานแห่งวงการต่อสู้ที่ยังมีลมหายใจ ยังถือเป็นปีที่มีเรื่องราวน่าตื่นเต้นในทุกมิติสำหรับเขา
“คงไม่ผิดหากจะพูดว่าปี 2562 คือปีแห่งปรากฎการณ์ความสำเร็จของผม การคว้าชัยชนะแบบไร้พ่าย 3 ไฟต์ต่อเนื่องตั้งแต่มาอยู่กับ ONE และคว้าแชมป์ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นฟลายเวต คือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกปลาบปลื้มมากๆ” นักสู้วัย 33 ปีเผย
“แต่หนึ่งในเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับผมคือ ผมไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ซึ่งมันต่างจากปีก่อนๆ ที่ผมทั้งบาดเจ็บและต้องผ่าตัด ขอบอกว่าผมแฮปปี้มากกับเรื่องนี้”
🐭 ONE FLYWEIGHT WORLD GRAND PRIX CHAMPION 🐭
🐭 ONE FLYWEIGHT WORLD GRAND PRIX CHAMPION 🐭"Mighty Mouse" Johnson claims the inaugural tournament crown with an awesome performance against a game Danny Kingad!📺: Check local listings for global broadcast details📱: Watch on the ONE Super App 👉 http://bit.ly/ONESuperApp🏷: Shop Official Merchandise 👉 http://bit.ly/ONECShop
Posted by ONE Championship on Saturday, October 12, 2019
“ดีเจ” ซ้อมอยู่ที่ค่าย AMC Pankration ในเมืองเคิร์กแลนด์ รัฐวอชิงตัน เริ่มต้นการแข่งขัน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ด้วยชัยชนะจากการซับมิชชัน “ยูยะ วากามัตสึ” ในยกที่ ของรอบก่อนรองชนะเลิศ ในศึก ONE: A NEW ERA ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนมีนาคม 2562 ซึ่งถือเป็นไฟต์เปิดตัวของเขาใน วัน แชมเปียนชิพ
จากนั้นรอบรองชนะเลิศ ในศึก ONE: DAWN OF HEROES ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน คราวนี้เขาเอาชนะ “The Sweeper” ทัตสึมิตสึ วาดะ ด้วยคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์
ก่อนจะปิดท้ายอย่างงดงามด้วยการชนะคะแนน แดนนี คิงกาด อย่างเป็นเอกฉันท์ ในรอบชิงชนะเลิศ ณ ศึกใหญ่ประจำปีอย่าง ONE: CENTURY ที่เจ้าตัวได้กลับไปสู้ในเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง
- ผู้ชนะ ONE Hero Story พบฮีโร่ในดวงใจ “ดิมิเทรียส จอห์นสัน”
- คำสอนของแม่ส่ง “ดิมิเทรียส จอห์นสัน” นั่งบัลลังก์แชมป์โลก
- “ดิมิเทรียส จอห์นสัน” เผย “บิเบียโน เฟอร์นันเดส” คือแรงบันดาลใจ
นอกจากความยินดีกับผลงานของตัวเองตั้งแต่ปีแรกใน “บ้านแห่งศิลปะการต่อสู้” หลังนี้แล้ว การเดินทางไปยังสังเวียนใหม่ๆ ถือเป็นการเปิดโลกของเขาให้กว้างขึ้น
“อีกหนึ่งเรื่องตื่นเต้นเกี่ยวกับการได้เป็นส่วนหนึ่งของ ONE คือการได้ร่วมงานกับผู้คนหลายเชื้อชาติ ที่นี่เต็มไปด้วยความหลากหลายจริงๆ”
“ผมได้มีโอกาสขึ้นสังเวียนในศึกเดียวกันกับยอดนักมวยไทย และนักชกคิกบ็อกซิ่งระดับโลกมากมาย พวกเขามาจากหลากหลายที่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น อิตาลี, ไทย, เวียดนาม, เกาหลีใต้, จีน มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากนะ”
ตลอด 31 ไฟต์ในเส้นทางนักสู้อาชีพที่ผ่านมา “ดีเจ” เคยออกจากคอมฟอร์ตโซนเพื่อขึ้นสังเวียนนอกแผ่นดินอเมริกาบ้านเกิดเพียงไฟต์เดียวเท่านั้น
แต่หลังจากที่เขาจรดปากกาเข้าร่วมงานกับองค์กรศิลปะการต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก วัน แชมเปียนชิพ เมื่อเดือนตุลาคม 2561 เขาก็ได้เดินทางมาแข่งขันในทวีปเอเชียถึง 3 ครั้งแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น นักสู้ชาวอเมริกันยังต้องเจอกับ กฎการชั่งน้ำหนักแบบใหม่ ซึ่ง วัน แชมเปียนชิพ ไม่อนุญาตให้ใช้วิธีลดน้ำหนักด้วยการตัดน้ำออกจากร่างกาย โดยคำนึงถึงสุขภาพของนักกีฬาเป็นสำคัญ เช่นเดียวกับกฎกติกาสากล แต่ไม่มีอะไรที่ยากเกินไปสำหรับเขา
“ผมมองตัวเองเป็นนักกีฬาศิลปะการต่อสู้จริงๆ เพราะนี่คือสิ่งที่ผมรัก และเป็นแรงบันดาลใจ ผมใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอด ซึ่งนี่คงเป็นเหตุผลที่ดีที่สุดที่อธิบายว่า เหตุใดผมถึงยังเหมาะสมกับกีฬานี้”
“น้ำหนักตัวปกติของผมอยู่ที่ราว 140 ปอนด์ (63.5 กิโลกรัม) การลดน้ำหนักลงมาอยู่ที่ 135 ปอนด์ ตามพิกัดรุ่นฟลายเวต (61.2 กิโลกรัม) โดยมีระดับน้ำที่เหมาะสมถึงว่าเป็นเรื่องง่าย ส่วนเรื่องกติกา ไม่มีอะไรที่แตกต่างมากนักกับที่ผมเคยผ่านมา ผมปรับตัวได้เป็นอย่างดี การเปลี่ยนสังเวียนของผมจึงเป็นไปอย่างราบรื่น”
“มาถึงเรื่องโซนเวลาที่ผมให้ความสำคัญอยู่ไม่น้อย ตรงนี้ต้องขอขอบคุณยิมที่ 2 ของผมอย่าง อีโวลฟ์ ที่สิงคโปร์ ซึ่งมีสิ่งต่างๆ ครบครัน ทำให้การปรับตัวให้เข้ากับโซนเวลาที่เปลี่ยนไปกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย”
ความสำเร็จบนสังเวียนได้ตอบทุกอย่างแล้ว กับชัยชนะ 3 ครั้งรวดเหนือคู่แข่งมากฝีมือ รวมถึงเข็มขัดแชมป์ ONE เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นฟลายเวต ที่พาดอยู่บนบ่า
มันคือการการันตีว่า ไฟต์ต่อไปของเขาจะเป็นการท้าชิงเข็มขัดแชมป์โลก ONE รุ่นฟลายเวต จากแชมป์โลกคนปัจจุบัน “Mikinho” อาเดรียโน โมราเอส
“โดยรวมแล้ว ผมคิดว่าตัวเองปรับตัวเข้ากับ วัน แชมเปียนชิพ ได้ดีมากๆ นะ แต่ผมไม่อยากที่จะเปรียบเทียบปีนี้กับปีก่อน หรือปีไหนๆ สิ่งที่ผมอยากสรุปก็คือ ผมรู้สึกขอบคุณที่ยังมีสุขภาพดี และยินดีอย่างที่สุดที่ได้ร่วมงานกับองค์กรชั้นยอดอย่าง วัน แชมเปียนชิพ ครับ”
อ่านเพิ่มเติม: