ปี 2019 ของ “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” ประวัติศาสตร์ ความท้าทาย และความรัก

ประสบความสำเร็จทั้งการงานและความรักสำหรับ “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” ซึ่งปีนี้เป็นเหมือนปีทองของนักชกสาวผู้สร้างประวัติศาสตร์ให้วงการมวยหญิง

ตั้งแต่สตาร์ตออกตัวช่วงต้นปี ขณะนั้น แสตมป์ ในฐานะแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวต ก็ดับซ่านักวิศวกรการบินสาว ลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน “JT” เจเน็ต ทอดด์ ก่อนคว้าเข็มขัดแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวต อีกเส้น และขึ้นแท่นแชมป์โลกหญิงสองประเภทกีฬาการต่อสู้คนแรกในประวัติศาสตร์ของ ONE เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา 

หลังจากป้องกันเข็มขัดจากผู้ท้าชิง “อัลมา ยูนิคู” นักชกสาวแดนจิงโจ้ ในเดือนมิถุนายนสำเร็จ แสตมป์ ก็หันมาสนใจในศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) และเริ่มภารกิจพิชิตบัลลังก์ที่สาม

นักชกสาวจากค่ายแฟร์เท็กซ์โชว์ฟอร์มอย่างสวยหรูในการต่อสู้ไฟต์แรก ด้วยการซับมิชชันเอาชนะคู่แข่งขันชาวอินเดียอย่าง “Knockout Queen” อาชา โรกา ด้วยท่า rear-naked choke ในยกที่ 3 เมื่อเดือนสิงหาคม ก่อนสยบ “Killer Bee” บิ เหงียน ซูเปอร์สตาร์จากอเมริกา เชื้อสายเวียดนาม ด้วยชัยชนะอย่างเป็นเอกฉันท์ในเดือนพฤศจิกายน

โดยรวมแล้วนับว่า แสตมป์ เป็นนักสู้หญิงที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในองค์กรศิลปะการต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ และเธอตั้งใจที่จะสานต่อความสำเร็จต่อไปในปี 2020

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะกลับคืนสู่สังเวียนอีกครั้งในวันที่ 10 มกราคม 2563 นักชกสาวได้เปิดใจถึงความยอดเยี่ยมในปีที่ผ่านมา รวมถึงเป้าหมายในอนาคต ทั้งบนสังเวียน และความรักกับนักชกหนุ่มหวานใจอย่าง “รถถัง จิตรเมืองนนท์”

ONE: ถือเป็นปีที่น่าทึ่งสำหรับอาชีพค้ากำปั้นของ แสตมป์ โดยเริ่มต้นด้วยการคว้าเข็มขัดแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวตหญิง มาครอง แสตมป์ รู้สึกอย่างไรบ้าง

แสตมป์ แฟร์เท็กซ์: นั่นเป็นครั้งแรกที่ แสตมป์ ได้ขึ้นชกชิงแชมป์โลกในกติกามวยไทย สำหรับ แสตมป์ แล้ว มันเป็นเหมือนก้าวแรกในการขึ้นไปสู่ระดับที่สูงขึ้น แม้จะประสบความสำเร็จ แต่มันก็ยังเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้นค่ะ

ONE: แสตมป์ เอาชนะทั้ง เจเน็ต ทอดด์ และ อัลมา ยูนิคู อย่างสูสี คิดว่าจะโอกาสรีแมตช์กับพวกเขาหรือเปล่า

แสตมป์ แฟร์เท็กซ์: ส่วนตัวไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งทีมงานและ แสตมป์ เอง อ่านเกมการชกของพวกเขาออก เราแค่จะต้องวางแผนใหม่อีกครั้ง โฟกัสที่การพัฒนาตัวเอง และขยันมากขึ้น

ONE: ปีนี้ แสตมป์ ลงแข่งขันในกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสานด้วย และมีคนไทยไม่มากที่ลงแข่งในกีฬาประเภทนี้ แสตมป์ มองเรื่องนี้อย่างไร

แสตมป์ แฟร์เท็กซ์: รู้สึกภูมิใจในตัวเองมากที่ประสบความสำเร็จในศิลปะการต่อสู้แบบอื่นที่ไม่เคยลองมาก่อน

เรากำลังสร้างชื่อให้กับคนไทยในรูปแบบใหม่ของศิลปะการต่อสู้ และตอนนี้ชาวต่างชาติก็ได้เห็นแล้วว่าเราเก่งในทุกด้าน แม้ว่าประเทศไทยจะมีเพียงไม่กี่คนที่ลงแข่งศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน แต่เราทุกคนทุ่มเท 100% แน่นอนค่ะ

ONE: ในเรื่องของความรัก พอจะบอกเราได้หรือเปล่าว่าตอนนี้ความสัมพันธ์กับ “รถถัง จิตรเมืองนนท์” แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต เป็นอย่างไรบ้าง 

แสตมป์ แฟร์เท็กซ์: พี่ถัง กับ แสตมป์ คบหาดูใจกันมาประมาณ 8 เดือนแล้วค่ะ ทุกอย่างกำลังไปได้สวย เขาเข้ากับครอบครัวและที่ค่ายของ แสตมป์ ได้ดี และเข้าใจเวลาการฝึกซ้อมของเรา 

เราเข้ากันได้ทุกเรื่อง และมีส่วนร่วมหลายๆ อย่างในชีวิตด้วยกัน เขาเป็นคนที่เคารพผู้ใหญ่และเชื่อฟังค่ะ

ONE: การที่มีแฟนเป็นแชมป์โลก ONE Super Series มีประโยชน์หรือเป็นอุปสรรค ในด้านไหนบ้าง

แสตมป์ แฟร์เท็กซ์: เราไม่มีปัญหาอะไรเลยเวลาฝึกซ้อม คนมักจะคิดว่า ถ้าเรามีแฟนมันจะส่งผลกระทบต่อการซ้อม ทำให้ไม่มีสมาธิ แต่สำหรับแสตมป์กลับมองว่าการมีแฟนทำให้เราทุ่มเทมากขึ้น เพราะเราต้องการให้ที่ค่ายเห็นว่าเรายังขยันเหมือนเดิม

เราอยู่เคียงข้างกัน และไม่มีปัญหาอะไร พี่ถัง เป็นนักมวยเหมือนกัน ดังนั้น เขารู้ว่าเวลาไหนคือเวลาซ้อม และเราเข้าใจว่ามันยากและเหนื่อยแค่ไหน พี่ถัง ยังสอนเทคนิคใหม่ๆ ให้ด้วย ถ้าเรากำลังคบกับใครสักคน เราก็ต้องพยายามทำทุกอย่างให้มันดีอยู่แล้วค่ะ

https://www.instagram.com/p/B2vPnbrJxOE/

ONE: ในฐานะนักกีฬาสามประเภทกีฬา แสตมป์ มองใครเป็นคู่แข่งขันคนต่อไป

แสตมป์ แฟร์เท็กซ์: คงต้องขึ้นอยู่กับทาง วัน แชมเปียนชิพ เพราะส่วนตัวแล้วไม่ท้าทายใครอยู่แล้ว แต่ถ้ามีใครอยากท้าชิงกับเรา เราก็พร้อมเสมอ

ONE: คิดว่าตัวเองพร้อมที่จะท้าชิงแชมป์โลก ONE รุ่นอะตอมเวตหญิงเมื่อไหร่

แสตมป์ แฟร์เท็กซ์: แสตมป์ คิดว่าคงต้องสู้อีกสัก 4-5 ไฟต์ก่อน จากนั้นถึงจะพร้อมขึ้นชิงเข็มขัด

แสตมป์ ต้องการเวลาเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากขึ้น และมีความมั่นใจในเทคนิค โดยเฉพาะเกมภาคพื้น เพื่อที่จะไม่ต้องกังวลอะไรเวลาท้าชิงแชมป์โลก

ONE: ตอนนี้อยากแข่งขันในกีฬาไหนมากที่สุด

แสตมป์ แฟร์เท็กซ์: แสตมป์ ต้องการโฟกัสที่กีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน เพราะเป็นสิ่งที่อยากทำมากที่สุดในตอนนี้ค่ะ

ถ้าพูดถึงคิกบ็อกซิ่งหรือมวยไทย ตอนนี้ แสตมป์ เป็นแชมป์โลกแล้ว จึงไม่ค่อยกระหายเหมือนตอนที่ยังไม่ได้เข็มขัด แต่หากมีผู้ท้าชิงเข้ามา แสตมป์ เชื่อว่าคงไม่ใช่งานง่ายแน่นอน และจะไม่ประมาทค่ะ

ONE: อะไรคือเป้าหมายในปี 2020 ของ แสตมป์ และปีหน้าจะแตกต่างจากปีที่ผ่านมาอย่างไร

แสตมป์ แฟร์เท็กซ์: แน่นอนว่าเป้าหมายแรกคือการป้องกันเข็มขัดแชมป์โลกทั้งสองเส้นไว้ให้ได้ และอยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานให้มากขึ้น 

ความแตกต่างในปี 2020 คือความตั้งใจที่แน่วแน่และกระหายความสำเร็จ บวกกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งขึ้นในฐานะนักศิลปะการต่อสู้ค่ะ

อ่านเพิ่มเติม: ปี 2019 สุดยิ่งใหญ่ของ “จอร์จิโอ เปโตรเซียน” และแผนต่อไปในปี 2020