“พันธ์พยัคฆ์” ไม่คิดชิงเข็มขัด “รถถัง” วางอนาคตในกติกาคิกบ็อกซิ่ง
“ยอดมวย 3 พ.ศ.” พันธ์พยัคฆ์ จิตรเมืองนนท์ ก้าวขึ้นสู่ความท้าทายครั้งใหม่ในกติกาคิกบ็อกซิ่ง ภายใต้ศึก ONE: IMMORTAL TRIUMPH ซึ่งเขาฝากผลงานอย่างยอดเยี่ยม และคว้าชัยชนะไปอย่างเหนือชั้น
เมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา “ยอดมวย 3 พ.ศ.” ชาวไทยที่ยืนหนึ่งในกติกามวยไทยมาอย่างต่อเนื่อง กลายมาเป็นหน้าใหม่ในกติกาคิกบ็อกซิ่งครั้งแรก กับนักชกหมัดหนักจากแดนอาทิตย์อุทัย “Crazy Rabbit” มาซาฮิเดะ คูโด
แม้ คูโด จะเชี่ยวชาญในกติกานี้ และมีเข็มขัดแชมป์รุ่นเฟเธอร์เวตของรายการ RISE เป็นเครื่องการันตี แต่นักชกไทยจากสมุทรปราการกลับยืนเผชิญหน้าต่อกรอย่างมีไหวพริบ ก่อนเป็นฝ่ายได้รับการชูมืออย่างเป็นเอกฉันท์
ลูกเตะซ้ายทรงพลังของ พันธ์พยัคฆ์ นั้นยากเกินกว่าที่นักชกแดนปลาดิบจะต่อกร เช่นเดียวกับนักชกไทยหลายคนที่ศิโรราบให้กับยอดมวยรายนี้ ซึ่งเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถดวลเดี่ยวกับใครก็ได้ในรุ่นฟลายเวต บนสังเวียนระดับโลก
หลังกลับแผ่นดินบ้านเกิด พันธ์พยัคฆ์ เปิดใจถึงฟอร์มการชกในไฟต์ที่ผ่านมา ณ สนามฝูเถาะ อินดอร์ สเตเดียม และการคาดการณ์ในอนาคตกับการชิงแชมป์โลกของรุ่นนี้
ONE: รู้สึกอย่างไรกับการชกคิกบ็อกซิ่งครั้งแรกในชีวิต
พันธ์พยัคฆ์: ผมรู้สึกว่าผมต้องปรับหลายอย่างในการมาชกคิกบ็อกซิ่ง เรื่องการปล้ำและการเคลื่อนไหวมันต่างกันมาก แต่ผมก็มั่นใจว่าผมสามารถทำได้ และจะทำได้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ผมเป็นมวยฝีมือ มีอาวุธหนักคือเตะ ผมเพียงแค่ต้องการฝึกให้เกิดความชำนาญในกติกาคิกบ็อกซิ่งมากขึ้น
ผมคิดว่ากติกาที่แตกต่างมันเป็นความท้าทายมาก เพราะในกติกามวยไทยเราสามารถปล้ำได้ ใช้ศอกได้ ทำให้เราต้องเข้ามาอยู่ในระยะประชิด ซึ่งคิกบ็อกซิ่งทำไม่ได้ จึงจำเป็นต้องรักษาระยะและเคลื่อนไหวตลอดเวลา
ผมชอบเวลาที่มีเสียงกองเชียร์ดังๆ และได้รับกำลังใจจากแฟนคลับทางโซเชียลมีเดีย เขาชอบลูกเตะของผม ทำให้ผมรู้สึกดีครับ
ในภาพรวมแล้ว ผมคิดว่าผมทำได้ดี แต่ก็ต้องซ้อมหนักมาก ลูกเตะซ้ายเป็นอาวุธหลักของผมอยู่แล้ว แต่ผมต้องเพิ่มหมัดและการออกอาวุธเป็นชุดให้มากขึ้น
ONE: คู่ชกเป็นอย่างไรบ้าง
พันธ์พยัคฆ์: ผมดูคลิปที่เขาเคยชกมาก่อน และค่อนข้างมั่นใจในการชกไฟต์นี้ แม้จะเป็นกติกาคิกบ็อกซิ่ง ผมรู้ว่าหากเทียบประสบการณ์แล้ว ผมมีมากกว่าเขาแน่นอน
มันมีความกดดันเล็กน้อย ที่ผู้ชมชื่นชอบรถถัง (เพื่อนร่วมค่ายเดียวกัน) และผมก็อยากทำให้ได้แบบนั้น ผมอยากให้ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นกับการชกของผม
ONE: ในระหว่างการแข่งขัน เราเริ่มปรับตัวมากขึ้นกับคิกบ็อกซิ่งหรือไม่
พันธ์พยัคฆ์: เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น ผมคิดแค่ว่าผมต้องเคลื่อนไหวและออกอาวุธให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
หลังจากยกแรก ผมรู้สึกว่าผมมาถูกทาง และทำไปตามแผนที่เตรียมไว้ ผมมั่นใจว่ามันจะต้องเป็นไปด้วยดีในยกที่สอง ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้น เพราะผมทำได้ดีขึ้น และคุ้นกับกติกาคิกบ็อกซิ่งมากขึ้น
จริงๆ แล้วผมเริ่มรู้สึกล้าบ้างในยกที่สาม เพราะการชก 3 ยกผมต้องออกอาวุธเยอะมาก และเดินเกมเร็วกว่าการชก 5 ยกในกติกามวยไทย
ผมยอมรับเลยว่ามันเหนื่อยกว่าการชก 5 ยก และด้วยสภาพแวดล้อม รวมถึงความตื่นเต้นมันทำให้ผมเหนื่อยกว่าปกติ แต่คู่ชกเขาเล่นงานผมจริงๆ จังๆ ไม่ได้เลย ซึ่งโดยรวมแล้วผมรู้สึกสบายๆ กับการชกไฟต์นี้
ONE: คุณเรียนรู้อะไรจากไฟต์นี้
พันธ์พยัคฆ์: มันเป็นประสบการณ์ที่ดีมากสำหรับผม และเป็นความท้าทายใหม่ที่ผมก็ชอบด้วย
การที่ต้องตื่นตัวตลอดเวลา ผมจำเป็นต้องหาแนวทางการซ้อมใหม่ เพื่อให้เคลื่อนไหวรวดเร็วขึ้น
ONE: มีเป้าหมายอะไรต่อไปใน ONE
พันธ์พยัคฆ์: ผมรู้สึกสบายๆ ในการชกทั้งมวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง ผมดีใจที่ทาง ONE ได้มอบโอกาสนี้ให้ผม ซึ่งผมมองเห็นอนาคตที่ดีกว่าในกติกาคิกบ็อกซิ่ง
รถถังก็เปรียบเสมือนพี่น้อง และเพื่อนร่วมค่าย หากต้องชิงแชมป์โลกกับเขา ผมคงทำไม่ได้ จึงมองอนาคตไว้ที่การชิงแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่ง ซึ่งผมคิดว่าผมทำได้
ในประเทศไทยผมต้องแบกน้ำหนักแทบทุกไฟต์ และแทบหาคู่ชกไม่ได้แล้ว ในกติกาคิกบ็อกซิ่งซึ่งเป็นความท้าทายและเป็นอนาคตใหม่ให้กับผม ผมเชื่อว่าหากสั่งสมประสบการณ์อีกสัก 3 ไฟต์จนมีความมั่นใจและคุ้นเคยกับกติกานี้มากขึ้น ผมสามารถก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดได้อย่างแน่นอน