“มาร์ติน เหงียน” เล็งรีแมตช์ไตรภาค หลังน็อกเอาต์ไฟต์ล่าสุด
“The Situ-Asian” มาร์ติน เหงียน ยังต้องรอคู่ต่อสู้รายต่อไป แต่อาจใช้เวลาไม่นานนัก หลังจากปิดบัญชีคู่แข่งในศึก ONE: DAWN OF HEROES
ยอดนักสู้ชาวเวียดนาม-ออสเตรเลีย ป้องกันแชมป์โลกไว้ได้อย่างสวยงาม และถือเป็นไฟต์โดดเด่นที่สุดอีกไฟต์หนึ่งในรุ่นเฟเธอร์เวต หลังเอาชนะน็อก “Moushigo” โคโยมิ มัตสึชิมา ได้สำเร็จ ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ผู้ท้าชิงชาวญี่ปุ่นทำได้ดีเมื่อเป็นฝ่ายโจมตีใส่เจ้าของเข็มขัดแชมป์โลก ONE รุ่นเฟเธอร์เวต ในยกแรก แต่ “มาร์ติน เหงียน” ก็สามารถเผด็จและสามารถป้องกันเข็มขัดแชมป์เอาไว้ได้ในช่วงปลายยกที่ 2 ไฟต์ดังกล่าวถือเป็นบททดสอบที่ยากที่สุดของเขา แต่เขาก็ผ่านไปได้อย่างสวยงามและถึงตอนนี้เขาก็กำลังมองไปถึงไฟต์ต่อไปในอนาคต
นักสู้วัย 30 ปีจากซิดนีย์ ให้สัมภาษณ์ถึงวิธีการต่อสู้ของเขาในไฟต์ป้องกันแชมป์โลกที่ประเทศฟิลิปปินส์ รวมไปถึงคู่ต่อสู้รายต่อไปของเขาด้วย
ONE: นี่เป็นการป้องกันแชมป์โลกที่ยากที่สุดของคุณ คุณรู้สึกพอใจมากแค่ไหนที่ไฟต์ดังกล่าวจบอย่างรวดเร็ว
มาร์ติน เหงียน : ผมดีใจมากกับผลการแข่งขัน แต่ผมยังรู้สึกว่ายังมีอีกหลายอย่างที่ผมจะต้องปรับปรุง ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ผมตกอยู่ในอันตราย
ผมมาถึงที่ผมตกหลุมรักกีฬาชนิดอีกครั้ง ผมเริ่มต้นใหม่ และเมื่อมันเกิดขึ้นในจุดที่เรามีทักษะสูงๆ แล้ว เราจะเก่งขึ้นในทุกๆ ครั้งที่ฝึก
การมีโค้ชระดับโลกที่คอยสอนผม คอยชี้แนวทางที่ถูกต้อง พวกเขารู้จักตัวผมดี เราทำงานร่วมกันเป็นทีม ซึ่งมันทำให้ผมเป็นนักกีฬาที่ดีกว่าที่เคยเป็น
ONE: คุณคิดมาก่อนหรือไม่ว่า มัตสึชิมา จะเทคดาวน์คุณได้ตั้งแต่ยกแรก
มาร์ติน เหงียน : ผมรู้ดีว่าเขาเป็นนักมวยปล้ำระดับสูง ซึ่งในไฟต์ล่าสุดของเขาที่พบกับ “PRETTY BOY” ควอน วอน อิล เขาดูเหนือกว่าแบบเทียบกันไม่ได้
เรารู้ว่าเขามีดีอะไร และก็รู้ดีว่าการโจมตีและทักษะมวยปล้ำคือจุดแข็งของเขา ผมได้พยายามป้องกัน และเคยผ่านการแข่งขันกับแชมป์ยิวยิตสู แชมป์มวยปล้ำชาวรัสเซีย และนักชกเก่งๆ มาหลายคน ซึ่งประสบการณที่ผ่านมาทำให้ผมนิ่งและสามารถใช้ประโยชน์จากแรงกดดันที่มี เพื่อทำให้ผมเป็นฝ่ายชนะในไฟต์นี้
ผมยอมรับและเคารพในตัว โคโยมิ เขาแข็งแกร่งมาก เขาคือคู่ต่อสู้ที่ยากที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ผมเคยเจอมา เขาทำให้ผมยกระดับฝีมือตัวเองในฐานะนักศิลปะการต่อสู้
ONE: เกิดการเปลี่ยนแปลอะไรในระหว่างช่วงพักยก โค้ชแนะนำอะไร
มาร์ติน เหงียน: มันเป็นคำพูดที่เรียกสติได้ดีเพราะพวกเขาเห็นความเป็นในการแข่งขันและผมก็เห็น “THE BURMESE PYTHON” ออง ลา เอ็น ซาง พูดมาหนึ่งคำหนึ่งว่า ‘ใจเย็นๆ’
เฮนรี หัวหน้าโค้ชของ Hard Knocks 365 กระโดดขึ้นมาบอกผมว่า ‘ตอนนี้คุณรู้แผนของคู่แข่งขันแล้ว ดังนั้นทุกครั้งที่เขาโจมตี คุณต้องโต้ตอบ แต่ไม่ใช่ครั้งเดียว สอง สาม สี่ ห้ามถอยหลัง ต้องเดินหน้าและเล่นงานเขา
ผมคิดว่าผมเดินหน้าแล้ว แต่ไม่ใช่การออกไปแลกหมัด ผมต้องมีอาวุธในกระเป๋า แต่ไม่ใช่ลึกเกินไปที่จะงัดออกมาใช้ จนทำให้เขามีโอกาสเทคดาวน์ผมลงไปได้ในยกแรก ซึ่งทำให้ผมตกใจทีเดียว
หลังจากนั้นผมก็เว้นระยะห่าง เพื่อให้เขาไม่มีโอกาสเทคดาวน์ผมได้ คราวนี้ผมก็เล่นไปตามเกมของผม
ONE: มันสำคัญมากแค่ไหนกับการค่อยๆ หาจังหวะเผด็จศึกแบบไม่ผลีผลาม
มาร์ติน เหงียน : ผมรู้แล้วว่าหมัดของผมเข้าเป้า จังหวะที่หมัดขวาเหวี่ยงออกไป แต่มันยังเหลืออีกสองนาทีก่อนที่การแข่งขันจะหมดยก
ไม่ว่าเขาจะฟื้นตัวได้หรือไม่ แต่ก็ออกอาการกังวลให้เห็น ผมจึงไม่ต้องผลีผลามที่จะเผด็จศึก ผมให้โอกาสเขาที่จะสู้ต่อ ซึ่งเวลา 2 นาทีนั้นมันยาวเมื่ออยู่บนเวที ผมจึงรัวหมัดใหม่เขาและทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้
ONE: มันพิเศษอย่างไรที่คุณได้ตอกย้ำให้ผู้คนได้เห็นถึงพิษสงของหมัดได้อีกครั้ง
มาร์ติน เหงียน: แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องดีสำหรับการที่ได้ปล่อยหมัดออกไป และน่าพอใจมากที่ได้รู้ว่าหมัดนั้นมันมีผลกระทบกับคู่แข่งขัน
ONE: หลังจบไฟต์ล่าสุดคุณพูดถึงการแข่งขันรอบที่ 3 คุณหมายถึง “Cobra” มารัต กาฟูรอฟ หรือ “The Warrior” คริสเตียน ลี
มาร์ติน เหงียน: ผมหมายถึง กาฟูรอฟ เพราะเราต่างก็คว้าชัยไปคนละครั้ง ผมต้องการให้มันหายคาใจ
ส่วน “คริสเตียน ลี” ผมเคยสู้กับเขามาแล้ว 2 ครั้งและเอาชนะได้ทั้ง 2 ครั้ง ผมไม่เคยแพ้ และครั้งหนึ่งผมจัดการเขาได้อยู่หมัด ซึ่งจริงๆ มันไม่จำเป็นต้องมีไฟต์ที่ 3 เพื่อให้เขามาแก้แค้น ส่วน กาฟูรอฟ เราชนะมาคนละไฟต์ ซึ่งเขาเพิ่งเอาชนะ “MMA FANTASISTA” เทตสึยะ ยามาดะ มาได้ในไฟต์ล่าสุด
ทุกคนอยากเห็นเราสู้กัน แต่ผมเจอกับใครก็ได้ หาก คริสเตียน ต้องการลดพิกัดลงมาเจอกับผมแบบเดิมพันเข็มขัดแชมป์ หรือ กาฟูรอฟ ต้องการที่จะกระชากเข็มขัดกลับไป ผมก็พร้อมที่จะเจอกับใครก็ได้
ONE: คุณคิดว่าจะกลับคืนสังเวียนอีกครั้งเมื่อไหร่
มาร์ติน เหงียน: ผมต้องการที่จะขึ้นสังเวียนอีกครั้งประมาณเดือนพฤศจิกายน หรือ ธันวาคม ที่สิงคโปร์ หรือ เกาหลี ก็ได้ครับ