“รถถัง” ลูกกตัญญู ชกมวยไม่คิดเรื่องอื่น ตั้งหน้าหาเงินเป็นค่ารักษาบุพการี
อย่างที่ทุกท่านทราบดีว่า วิกฤติการณ์โควิด-19 สร้างผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อระบบเศรษฐกิจทั่วโลกมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 100 ปี บุคคลที่เกี่ยวข้องกับวงการมวยทั้ง สนามมวย โปรโมเตอร์ ค่ายมวย นักมวย ฯลฯ ต่างก็ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่นักชกเงินล้านอย่าง “รถถัง จิตรเมืองนนท์” แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต ที่ต้องร้างสังเวียนมาเป็นเวลาร่วม 4 เดือน
อย่างไรก็ตามเมื่อรายจ่ายยังเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่ไม่มีรายรับเข้ามา แม้ รถถัง จะเป็นนักชกค่าตัวหลักล้าน และผ่านการชกกับ วัน แชมเปีนชิพ มาแล้วถึง 7 ไฟต์ หลายคนอาจนั่งคำนวณและเห็นตัวเลขมหาศาล แต่เจ้าตัวยอมรับว่าเมื่อหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว เขาเหลือเงินเก็บจำนวนหนึ่งก็จริง แต่ก็มีภาระต้องรับผิดชอบมหาศาลเช่นกัน
“ผมมีพี่น้อง 10 คนครับ ช่วงโควิดที่ผ่านมา หลายคนไม่มีงานทำ ผมมีกำลังมากกว่าก็ต้องช่วยเหลือเขา ส่วนพ่อแม่ก็มีผมเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัวที่ต้องดูแลเขา”
“อย่างแม่อยากได้บ้าน ผมก็ซื้อให้ อย่างพ่อ อยากสร้างบ้านใหม่ ผมก็สร้างให้ (พ่อแม่เลิกรากันและแยกกันอยู่) พ่ออยากทำกิจกรรมเลี้ยงปลา ผมก็ทำบ่อปลาให้ คืออยากมอบให้พ่อกับแม่ เขาดูแลลูกมา 10 คน ไม่ได้พักได้ผ่อน เราทดแทนเขาได้แต่มันอาจจะไม่หมด ถ้าเทียบกับที่เขาเลี้ยงพวกเรามา”
หลังจากที่สถานการณ์ไวรัสคลี่คลาย วงการมวยได้ไฟเขียวกลับมาจัดการแข่งขันอีกครั้ง และ วัน แชมเปียนชิพ ก็ได้ประกาศจัดการแข่งขันอย่างยิ่งใหญ่สมการรอคอย ในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ ภายใต้ชื่อศึก ONE: NO SURRENDER ซึ่งมี รถถัง จิตรเมืองนนท์ และ “เพชรดำ เพชรยินดีอะคาเดมี” เป็นหนึ่งในคู่ชูโรง
ซึ่งทันทีที่ทีมงาน วัน แชมเปียนชิพ โทรหา รถถัง เจ้าตัวก็ตอบตกลงอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด แม้ทาง วัน แชมเปียนชิพ จะให้สิทธิ์นักกีฬาได้มีโอกาสร่วมตัดสินใจในการแข่งขันก็ตาม
“เราเป็นนักมวย เราไม่มีสิทธิ์เลือก มีรายการให้ชก ผมก็ชกเต็มที่ เพราะมันคืออาชีพของเรา ถ้าทาง วัน แชมเปียนชิพ เห็นว่าชกกับใครแล้วเหมาะสม ผมก็ไม่มีปัญหาครับ”
“ผมคิดแต่ว่า ผมอยากได้เงินมาดูแลพ่อแม่ ท่านอายุมากแล้ว เจ็บป่วยต้องซื้อหยูกยามารักษาสารพัด แม่ผมขาไม่ค่อยดี เดินไม่สะดวก ส่วนพ่อก็ป่วยเป็นมะเร็งที่เพดานช่องปากระยะที่ 3 ผมไม่รู้ว่าอนาคตต้องใช้เงินในการรักษาเท่าไหร่ จึงต้องเก็บเงินไว้เพื่อเตรียมเป็นค่ารักษาให้พ่อครับ”
“ยาที่พ่อกินอยู่ตอนนี้มันก็พอได้ แต่พ่อผมยังเลิกบุหรี่ไม่ได้ และช่วงนี้แกปวดหู ต้องฉายแสง ในหัวผมไม่ได้คิดเรื่องอื่นเลย คิดเรื่องพ่อมากกว่า ผมอยากพาพ่อไปรักษาให้ดีขึ้น”
รถถัง ยอมรับว่าเมื่อเห็นบุพการีเจ็บป่วย ก็ทำเอาเขาเครียดเหมือนกัน แต่เมื่อเขาไม่ใช่หมอรักษาคนไข้ แต่เป็นนักมวย มีหน้าที่ชกมวยเพื่อหาเงิน นี่จึงเป็นสิ่งที่เขาจะทำได้ดีที่สุดในการตอบแทนบุพการีผู้มีพระคุณต่อเขาอย่างหาใดมิเปรียบได้
อ่านเพิ่มเติม: