“รถเหล็ก” จี้จุดอ่อน “เสมาเพชร” ใจไม่นิ่ง ถึงหนุ่มก็เอามวยบู๊อย่างเขาไม่อยู่
“รถเหล็ก พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม” เสือใต้จากสมุย ได้โอกาสทองในการก้าวขึ้นเป็นคู่ชูโรงของ วัน แชมเปียนชิพ นำรายการ ONE: NO SURRENDER II วันที่ 14 สิงหาคมนี้ ด้วยการเป็น 1 ใน 4 คนของทัวร์นาเมนต์ มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต (61.3-65.8 กก.) เพื่อเปิดศึกรอบรองชนะเลิศกับสิงห์เหนือจากเชียงใหม่ “เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์” ซึ่งถือเป็นไฟต์สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของชีวิต เพราะนี่คือศึกที่จะก้าวขึ้นไปสู่การเป็นแชมป์โลก ONE ได้อย่างรวดเร็วที่สุด และโอกาสนี้ไม่ได้มาได้ง่ายๆ
รถเหล็ก ในฐานะคู่เอกของศึก ONE: NO SURRENDER II ถูกประกบให้เจอกับ เสมาเพชร หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าคู่นี้เขาเคยเจอกันมาก่อนหน้านี้ถึง 3 ไฟต์ โดยต้องย้อนความหลังไปเมื่อ 6-7 ปี ตอนที่ รถเหล็ก ยังเป็นนักมวยหนุ่มสด วัย 20 กลางๆ ส่วน เสมาเพชร ก็อายุยังไม่ถึง 20 ปี โดยครั้งแรกเจอกันที่บ้านเกิดของ รถเหล็ก ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเจ้าถิ่นก็คว้าชัยไปครอง
ต่อมาในเดือนกรกฎาคม 2557 หลังจากที่ เสมาเพชร คว้าตำแหน่งแชมป์ปูนเสือตัวที่ 12 อันโด่งดังทางช่อง 7 สี เขาก็สามารถล้างตานักมวยรุ่นพี่ได้สำเร็จ ก่อนที่อีกหนึ่งเดือนต่อมา รถเหล็ก จะกลับมาล้างแค้น ด้วยการเบียดเข้าเส้นชัยไปแบบพลิกล็อก ทั้งๆ ที่โดนนับไปก่อนในยกต้นๆ
6 ปีหลังจากนั้น รถเหล็ก ได้สั่งสมกระดูกมวยกับนักชกไทยแถวหน้ามากมาย ทั้ง เสกสรร อ.ขวัญเมือง, โพธิ์แก้ว ฝนจางชลบุรี, ยอดเหล็กเพชร อ.ปิติศักดิ์ หรือแม้แต่ “ยอดมวย 3 พ.ศ.” พันธ์พยัคฆ์ จิตรเมืองนนท์ และซูเปอร์สตาร์แห่งวงการอย่าง รถถัง จิตรเมืองนนท์ ซึ่งนับถือ รถเหล็ก เป็นไอดอล ครูพักลักจำลีลาบู๊ของเขาและเอามาพัฒนาจนเป็นสไตล์ของตัวเอง
ใน วัน แชมเปียนชิพ รถเหล็ก ได้เปิดตัวศึกแรกเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 และเก็บชัยชนะได้ 3 ไฟต์รวด ด้วยการชนะคะแนนนักมวยดังจากอังกฤษ “เลียม แฮร์ริสัน” และน็อกนักมวยสก็อต “แอนดรูว์ มิลเลอร์” ในอีกสองเดือนต่อมา ก่อนที่จะฝากผลงานไฟต์ล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2563 ด้วยการชนะคะแนน “คริส ชอว์” จากสก็อตแลนด์
หลังจากนั้นเขาก็กลับไปเป็น “ไอ้หนุ่มตังเก” จับปลาทะเลหาเลี้ยงชีพอยู่ร่วม 6 เดือนในช่วงโควิด-19 จนกระทั่งได้กลับขึ้นสังเวียนอีกครั้งในศึกนี้
“ผมมีเวลาซ้อมสำหรับไฟต์นี้ประมาณเดือนครึ่ง ช่วงที่กลับไปอยู่บ้านที่สมุย ผมก็ได้วิ่งออกกำลังกายตลอด มั่นใจว่าเรียกความฟิตกลับมาได้ทันก่อนขึ้นเวทีแน่นอน”
“สำหรับฟอร์มของ เสมาเพชร หลังจากที่เข้ามาต่อยใน วัน แชมเปียนชิพ เขายังเป็นมวยซ้ายที่มีอาวุธหนักหน่วงเหมือนเดิม และมีการออกอาวุธที่ชัดเจนและคมขึ้น แต่ติดอยู่ตรงที่สภาพจิตใจของเขายังไม่นิ่ง เวลาโดนฝ่ายตรงข้ามสวนกลับมาหนักๆ ก็ยังมีอาการแกว่งๆ ให้เห็นอยู่ครับ”
“ผมเป็นมวยขวา ถ้าเจอมวยซ้าย ต้องเดินให้ชิด ไม่ประมาท การ์ดต้องสูง โดยไฟต์นี้ พี่เอ (ปัจจัย เกียรติชาญสิงห์) ซึ่งเป็นเทรนเนอร์ประจำ แกช่วยเสริมเรื่องการออกอาวุธต่างๆ ให้หนักแน่นขึ้น และผมเป็นมวยเดิน มีลูกบู๊ ลูกทนด้วย ผมมั่นใจว่าเอาเขาอยู่ และอยากจะรักษาสถิติไร้พ่ายใน วันฯ ไว้ให้ได้ครับ”
ในด้านความสด หลายคนอาจมองว่า รถเหล็ก ในวัย 30 ปี ค่อนข้างเสียเปรียบในจุดนี้ เพราะ เสมาเพชร นั้นหนุ่มกว่าถึง 5 ปี และต่อให้ผ่าน เสมาเพชร ไปได้ เขาก็ยังต้องไปเจอกับหนึ่งในสองนักชกระดับหัวกะทิคู่เอกจากศึกต่อไปอย่าง “แสงมณี คลองสวนพลูรีสอร์ต” กับ “กุหลาบดำ ส.จ.เปี๊ยกอุทัย” ซึ่งผู้ชนะคนสุดท้ายจะขึ้นไปเทียบชั้นกับเจ้าบัลลังก์ ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต อย่าง “น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว” ต่อไป
บอกเลยว่าทัวร์นาเมนต์นี้เป็นงานหินของ รถเหล็ก จริงๆ แต่มันอาจเป็นศึกพลิกชีวิตของเขาไปตลอดกาลก็เป็นไปได้
อ่านเพิ่มเติม: