รู้จักเธออย่างเป็นทางการ “สุนิษา ศรีแสน” หญิงแกร่งหน้าใหม่แห่งสังเวียน ONE
“สุนิษา ศรีเเสน” นักกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) หน้าใหม่ของ วัน แชมเปียนชิพ สาวลูกครึ่งไทย-ลาวผู้นี้ จะประเดิมศึกแรกกับนักสู้หญิงสายแข็งอย่าง “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” ที่มีดีกรีเป็นถึงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวต โดยทั้งคู่จะพบกันในกติกาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน 3 ยก ร่วมศึก ONE: NO SURRENDER วันที่ 31 กรกฎาคมนี้ ที่กรุงเทพฯ
ก่อนที่เราจะได้เห็นฝีมือของเธอบนสังเวียน เราจะพาคุณไปรู้จักเรื่องราวเบื้องหลังสังเวียนของเธอกันให้มากขึ้น
#ลูกครึ่งไทย-ลาว
(บนกลาง) สุนิษา ศรีเเสน
สุนิษา ศรีแสน มีชื่อเล่นว่า “น้องอิ๋ว” เกิดที่ลาวแต่มาเติบโตที่ประเทศไทย มีพ่อเป็นคนไทย และแม่เป็นคนลาวที่ข้ามฝั่งมายังประเทศไทย ร่วมกันต่อสู้ดิ้นรนหาเลี้ยงปากท้อง พ่อมีอาชีพขับรถโดยสาร ส่วนแม่เป็นแม่ค้า เธอเป็นพี่สาวคนโต และมีน้องสาวสองคน
ช่วงมัธยมศึกษา สุนิษา สอบเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดสมุทรปราการได้ เธอถูกเพื่อนๆ ชักชวนให้เรียนมวยไทย และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอหลงรักกีฬาการต่อสู้
“ในตอนนั้นที่ยังเป็นวัยรุ่น เราเป็นผู้หญิง และสามารถเล่นกีฬาแบบผู้ชายได้ หนูคิดว่ามันเท่ดีค่ะ (หัวเราะ) เรียนจนเพื่อนๆ เลิกเรียนไปหมดแล้ว แต่หนูก็ยังเรียนต่อ”
จากมวยไทย ต่อยอดไปสู่ คูราช ปันจักสีลัต บราซิลเลียนยิวยิตสู (BJJ) มวยปล้ำ และ ยูโด โดยทั้งหมดทั้งมวลล้วนถูกถ่ายทอดจากครูเพียงคนเดียว นั่นคือ “อาจารย์กอก บรรพต อยู่สงค์” ครูผู้เป็นทั้งไอดอล คุณพ่อคนที่สอง และโค้ชคนสำคัญที่ชักนำ สุนิษา เข้าสู่วงการศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานในเวลาต่อมา
#นอกกรอบของครอบครัว
รายการกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานติดต่อเข้ามาให้ อาจารย์กอก ช่วยหาลูกศิษย์ไปร่วมแข่งขัน นักเรียนคนอื่นต่างบ่ายเบี่ยง จึงทำให้ สุนิษา ซึ่งเปรียบเหมือนม้านอกสายตาในเวลานั้น ได้รับโอกาสนี้ไปในที่สุด พร้อมกับมีการตั้งฉายาให้เธอว่า “Thunderstorm” ซึ่งแปลว่า “มรสุม”
ฉายานี้มีที่มาจากปัญหาในการร่ำเรียนวิชาการต่อสู้ของเธอที่ครอบครัวไม่ให้การสนับสนุน เธอต้องยอมอดค่าขนม เพื่อนำเงินไปเป็นค่าเรียน และต้องแอบซ้อม ซึ่งมันเปรียบเสมือนมรสุมชีวิต และเธอหวังว่ามันจะกลายเป็นฟ้าหลังฝนที่สดใสในสักวันหนึ่ง
และแล้วศึกแรกของ สุนิษา ก็มาถึง เธอพบกับนักสู้สาวจากมาเลเซีย “ออเดรย์ลอรา โบนิเฟซ” ซึ่งเคยเป็นคู่ปรับคนแรกของ “ริกะ อิชิเกะ” บนสังเวียนของ วัน แชมเปียนชิพ โดยเธอสามารถเก็บชัยชนะไปได้อย่างสวยงามด้วยการ TKO ในยกที่ 2
“ตอนนั้นดีใจมาก เป็นครั้งแรกที่แข่งแล้วได้เงินหมื่น ก็เอาไปให้แม่ค่ะ ถึงจะรู้ว่าเขาไม่เคยเห็นด้วยกับเส้นทางนี้ เพราะเขาไม่อยากเห็นหนูเจ็บตัว และอยากให้เอาเวลาฝึกซ้อมกลับมาช่วยงานที่บ้านมากกว่า เพราะครอบครัวก็ยังลำบากอยู่ แต่หนูก็ได้พยายามแสดงให้เขาเห็นว่านี่คือสิ่งที่หนูรัก และหนูสามารถไปต่อได้”
ศึกที่สองของ สุนิษา เกิดขึ้นในสมัยเธอเรียนชั้น ม.3 กับคู่แข่งสาวไทยในรายการเดิม ซึ่งเธอสามารถซับมิชชันคู่แข่งด้วยการรัดคอตั้งแต่ยกแรก เก็บชัยชนะไปอย่างสวยงามไร้ที่ติ
#รั้นจนถึงที่สุด
(ที่สองจากขวา) อาจารย์กอก บรรพต อยู่สงค์
ถึงแม้ว่า สุนิษา จะสร้างความสำเร็จให้กับตนเองได้อีกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจของพ่อแม่ได้ เธอถูกแม่สั่งห้ามเล่นกีฬาชนิดนี้อย่างเด็ดขาด จนต้องหนีออกจากบ้านมาอาศัยอยู่กับน้าที่จังหวัดชุมพร และต้องย้ายโรงเรียนอีกด้วย
สุนิษา ยังคงติดต่อกับ อาจารย์กอก มาโดยตลอด ซึ่งในช่วงที่เธอเรียนอยู่ชั้น ม.4 เธอได้ลงสนามแข่งขันอีกครั้งเป็นไฟต์ที่ 3 ในรายการเดิม กับนักสู้สาวไทยอดีตนักมวยปล้ำหญิงระดับทีมชาติ ซึ่งความแข็งแกร่งของเธอทำให้คว้าชัยชนะแบบ TKO ในยกที่ 2
จากสถิติไร้พ่ายและเผด็จศึกคู่แข่งแบบไม่ครบยกถึง 3 ไฟต์รวด ทำให้ชื่อเสียงของ สุนิษา เป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงการ และถูกทาบทามให้ไปชกมวยสากล เธอทำมันได้ดีจนได้รับการคัดเลือกให้เข้าโครงการ “Sports Hero” ของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
#เกือบต้องทิ้งความฝัน
ทุกอย่างเหมือนกำลังจะไปได้ด้วยดี แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อ สุนิษา ไม่มีรายการแข่งขันอีกเลยหลังจากนั้น เธอร้างเวทีจนความฝันเริ่มเลือนลาง จำต้องกลับมาโฟกัสที่การเรียนเป็นหลัก กลายเป็นนักศึกษาป้ายแดงปีหนึ่งของมหาวิทยาลัยบูรพา ในสาขาวิชาพละศึกษาศาสตร์ ย้ายมาอาศัยอยู่ตัวคนเดียวที่จังหวัดชลบุรี และมีฝันใหม่ที่จะเป็นครูพละในอนาคต
สุนิษา ส่งเสียตัวเองเรียนมหาวิทยาลัย ปากกัดตีนถีบ ต้องกู้หนี้ยืมสินมาเป็นค่าเล่าเรียน เพราะที่บ้านไม่ให้ความช่วยเหลือ แม่ของเธอกลับไปอาศัยอยู่ที่ประเทศลาว ส่วนพ่อทำงานส่งเสียน้องสองคน อยู่บ้านที่สมุทรปราการ มรสุมชีวิตครั้งใหม่ของสาวนักสู้ในวัย 19 ปี กำลังบีบคั้นเข้ามาเรื่อยๆ
#ฟ้าหลังฝน
แต่แล้วก็เหมือนสวรรค์มาโปรด เมื่อทาง วัน แชมเปียนชิพ ติดต่อเข้ามาเพื่อให้ สุนิษา เข้าร่วมการแข่งขันในศึกที่กำลังจะเกิดขึ้น เธอแทบไม่เชื่อหูตัวเอง และมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ในทันที
“มันเป็นช่วงเวลาที่อธิบายไม่ถูกจริงๆ ค่ะ หนูร้องไห้เลย คือตอนนั้นหนูกำลังแย่สุดๆ แล้ว วันฯ ก็เหมือนกับเป็นฟ้าหลังฝนของหนูจริงๆ หนูรีบโทรหาอาจารย์กอก เขาเองก็ดีใจมาก และรับปากเดินทางมาช่วยหนูฝึกซ้อมที่ ม.บูรพา แถมที่นี่ยังมียิมเปิดให้นักศึกษาเข้าไปใช้ได้ฟรีๆ ด้วย”
สุนิษา ในวัย 19 ปี กับสถิติไร้พ่าย 3 ไฟต์ในกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน กำลังจะเจอกับนักสู้หญิงเบอร์หนึ่งของไทยในเวลานี้อย่าง แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ ซึ่งมีสถิติ 4 ไฟต์ไร้พ่ายในกีฬานี้ ซึ่งในวันที่ 31 กรกฎาคม จะต้องมีคนใดคนหนึ่งที่เสียสถิติไร้พ่ายไป และคนนั้นจะเป็นใครต้องติดตาม
ที่เกี่ยวข้อง: