“สุนิษา” รื้อความหลังไฟต์สะเทือนใจ สร้างรอยแผลที่ทำให้เธอรู้สึกผิดมาจนทุกวันนี้
“Thunderstorm” สุนิษา ศรีเเสน ลูกครึ่งไทย-ลาว วัย 19 ปี สาวแกร่งหน้าใหม่แห่ง วัน แชมเปียนชิพ เหลือเวลาอีกเพียง 3 วันเท่านั้นที่เธอต้องประเดิมศึกสายเลือดกับนักสู้หญิงแกร่งยืนหนึ่งประเทศไทย “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” ด้วยกติกาการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) 3 ยก ในศึก ONE: NO SURRENDER วันศุกร์ที่ 31 ก.ค.นี้
ย้อนกลับไปก่อนที่จะก้าวเข้าสู่สังเวียนของ วัน แชมเปียนชิพ สุนิษา มีสถิติไร้พ่ายชนะการแข่งขันต่อเนื่องมาก่อน 3 ไฟต์ติดต่อกันในฐานะนักกีฬาอาชีพ และอีกหนึ่งไฟต์ในเวทีสมัครเล่น ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของเธอและเป็นความทรงจำครั้งสำคัญมาจนทุกวันนี้ ที่สามารถพลิกเอาชนะคู่แข่งขันชาวต่างชาติซึ่งเป็นต่อแทบทุกทาง ไฟต์ที่เกือบจะยอมถอดใจ และเป็นไฟต์ที่ทำให้เธอกลับไปดูใจคุณตาไม่ทันได้สั่งเสีย
สมัยเรียนอยู่ชั้น ม.3 สุนิษา กำลังเนื้อหอมสุดๆ ในฐานะนักกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานน้องใหม่ไฟแรงของวงการที่ผ่านการแข่งขันอาชีพมาแล้ว 2 ไฟต์โดยปิดเกมคู่แข่งได้ก่อนครบยก ทำให้มีรายการพิเศษติดต่อให้เธอเข้าร่วมแข่งขันแบบสมัครเล่นผ่านทาง “อาจารย์กอก บรรพต อยู่สงค์” โค้ชประจำตัวคนแรกและคนเดียวจนถึงปัจจุบัน
วันที่ 10 ตุลาคม 2559 ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาเขตรังสิต สุนิษา แข่งขันไฟต์ที่ 3 อย่างไม่เป็นทางการในฐานะคู่รองและเป็นคู่แข่งขันหญิงเพียงคู่เดียวของรายการ “SINGHA MFC” ซึ่งเธอต้องเผชิญหน้ากับ “ทากูมิ อุเมะฮาระ” (Takumi Umehara) นักสู้หญิงแดนซากุระ อดีตนักกีฬายูโดทีมชาติญี่ปุ่น ผู้ผันตัวมาเป็นโค้ชฝึกสอนศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานในเวลาต่อมา และมีภาษีดีกว่าเธอทุกอย่าง
“วันนั้นมีการแข่งขันทั้งหมด 9 คู่ หนูเป็นคู่ที่ 8 กติกาการแข่งขันตอนแรกถูกวางไว้ทั้งหมด 3 ยก เราสู้กันสนุกและสูสีมาก มีเท่าไหร่หนูใส่หมดเลยค่ะ (หัวเราะ) จนสุดท้ายคะแนนออกมาเสมอกัน แต่ว่างานนี้ไม่มีเสมอค่ะ มีแค่แพ้กับชนะ ทำให้ผู้จัดต้องเพิ่มยกที่ 4 ให้กับเราทั้งคู่ เพื่อหาผลตัดสินชี้ขาดอีกที หนูจำได้ว่าตอนนั้นสู้กันครบ 3 ยก แรงหนูแทบจะไม่เหลือแล้ว”
อาจารย์กอก เข้าใจสภาพร่างกายของตัวลูกศิษย์เป็นอย่างดี การที่ สุนิษา ยื้อกับคู่แข่งมาได้ขนาดนี้นับว่าเป็นปาฏิหาริย์ ทีแรกเขาไม่ได้สนใจผลแพ้ชนะสักเท่าไหร่ แค่ตั้งใจว่าอยากให้เธอมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากนักสู้เก่งๆ เมื่อมีโอกาส แต่ว่าตอนนั้น เขาเริ่มมีความหวังว่าเธอจะมีสิทธิ์ชนะ เพราะคู่ต่อสู้ของเธอก็อ่อนแรงไม่แพ้กัน
“อาจารย์กอก บอกกับหนูว่า อย่าเพิ่งยอมแพ้นะ ให้รักษาเกมยืนสู้ไว้ เพราะว่าเราได้เปรียบกว่า ทางนั้นเขาก็หมดแรงแล้วเหมือนกัน อีกอย่างคือวันนั้น คุณแม่กับน้องสาว แล้วก็พี่ๆ ที่ชมรมยูโด ทุกคนมาเชียร์กันเยอะมาก หนูก็เริ่มรู้สึกว่าพลังใจมันค่อยๆ กลับมาค่ะ”
สุดท้ายแล้ว ในเกมการแข่งขันยกพิเศษยกที่ 4 สุนิษา รักษาเกมยืนสู้ไว้ได้จนครบยก ทั้งยังโจมตีเข้าเป้าคู่แข่งขันได้มากกว่ายกที่ผ่านๆ มา โดยที่อีกฝ่ายแทบจะเข้าถึงตัวเธอไม่ได้เลย ผลสุดท้ายเธอจึงเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะไปแบบเหนือความคาดหมาย
“ตอนนั้นคือหนูดีใจมากๆ ค่ะ ไม่คิดว่าจะชนะ ก่อนแข่งหนูรู้ดีว่าเขาเหนือกว่าทุกอย่าง และหนูก็หมดแรงจนเกือบจะถอดใจไปแล้ว งานนี้ไม่มีทั้งค่าตัว ไม่มีรางวัล แต่ที่หนูได้กลับมาเต็มๆ คือความภูมิใจค่ะ”
ความสำเร็จของ สุนิษา ในวันนั้น เป็นที่พอใจทั้งตัวเธอเองและคนรอบข้าง แต่ต้องแลกมาด้วยการเสียโอกาสในการไปดูใจคุณตาซึ่งกำลังป่วยหนักและใกล้จะสิ้นลม เพราะคำว่าหน้าที่ที่เธอต้องรับผิดชอบ ทำให้เธอแบกรับความรู้สึกผิดมาโดยตลอด ไฟต์นี้จึงเป็นไฟต์ที่ให้ทั้งความภาคภูมิใจ และสร้างแผลในใจของเธอในเวลาเดียวกัน กลายเป็นความทรงจำที่เธอไม่อาจลืมเลือน
ที่เกี่ยวข้อง: