“ออง ลา เอ็น ซาง” เล็งไฟต์ต่อไป ป้องแชมป์โลกรุ่นมิดเดิลเวต
หลังจากฮีโร่ชาวเมียนมา “The Burmese Python” ออง ลา เอ็น ซาง ทุบเอาชนะราชารุ่นเฮฟวีเวตอย่าง “The Truth” แบรนดอน เวรา ที่ลดรุ่นลงมาท้าทาย ด้วยการล้มยักษ์ในยกที่สอง ในศึก ONE: CENTURY PART II เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
“เรื่องของรูปร่างนั้นมันแตกต่างกันมาก แต่อย่างที่ผมเคยบอกเอาไว้ ผมเองก็ฝึกซ้อมมากับพวกรุ่นเฮฟวีเวตอยู่แล้ว ก็เลยทำให้ แบรนดอน เวรา ดูเล็กไปเลย คู่ซ้อมผมสูงราวๆ 6 ฟุต 8 นิ้ว หรือไม่ก็ 7 ฟุต เห็นจะได้”
“ตอนเราซ้อมด้วยกัน ผมทำได้ดี นั่นเพราะผมมีการเตรียมตัว”
แม้จะมีปัจจัยสำคัญทั้งเรื่องรูปร่างและทักษะการต่อสู้ของผู้ท้าชิงที่อยู่ตรงหน้าเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ ออง ลา เอ็น ซาง ก็ยังคงมีสมาธิกับเกมของตัวเอง
“นี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการต่อสู้ ด้วยการสร้างความกดดันให้มาก มองการตั้งรับหมัดของเขาให้ง่ายเหมือนการกินนักเก็ตไก่ และเดินหน้ากดดันเขาอย่างต่อเนื่อง”
“เราเตรียมพร้อมรับมือกับเกมโหดๆ มาตั้งแต่ตอนซ้อมแล้ว และเราก็พยายามที่จะป้อนเกมเดือดให้เขาเหมือนกัน โดยใช้เทคนิคของผมให้ถูกจุด เรามีเวลา 6 เดือนเพื่อเตรียมตัวสำหรับไฟต์นี้ ดังนั้นมันจึงไม่มีอะไรที่ยากเกินไป เราไม่ได้อะไรจาก เวรา แต่เราเตรียมตัวสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น”
- “ออง ลา เอ็น ซาง” ผงาดครองบัลลังก์ หลังคว่ำ “แบรนดอน เวรา” เฉียบขาด
- ภาพความคลั่งไคล้ที่ชาวเมียนมามีต่อ “ออง ลา เอ็น ซาง”
- “ออง ลา เอ็น ซาง” สำนึกรักบ้านเกิด เปิดประตูสู่เมียนมา เริ่มต้นจากที่บ้าน
แม้ขวัญใจชาวเมียนมาวัย 34 ปีจะเป็นเพื่อนสนิทของ เวรา แต่นั่นไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่า ทั้งคู่คือนักสู้อาชีพ งานคืองาน เมื่ออยู่บนสังเวียนพวกเขาจึงทุ่มเททุกอย่างเต็มที่
หลังได้รับการชูมือ ออง ลา ไม่ได้เอ่ยถึงไฟต์ที่พวกเขาแข่งขันกัน แต่เขากลับยกย่องคู่แข่งขันที่เขานับถือในทันที
“ผมยกย่องในตัวเขามาก นั่นแหละคือสิ่งที่วงการศิลปะการต่อสู้ควรจะเป็น คือสิ่งที่พวกเราควรปฏิบัติในทุกๆ ไฟต์”
“เราคือคู่แข่งขันกัน แต่ในท้ายที่สุดแล้ว เราทำสิ่งนี้เพื่อดำรงชีพ ผมทำเพื่อครอบครัว เขาเองก็ทำเพื่อครอบครัว ดังนั้นเราต่างก็เป็นเพื่อนร่วมอาชีพ”
“เวลาที่เราอยู่บนสังเวียน เราเป็นคู่ต่อสู้กัน แต่สำหรับผม นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนัก”
“แบรนดอน เป็นไอดอลของผมเสมอ ผมเองเป็นแฟนตัวยงของเขา การมาถึงจุดนี้ได้จึงถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับการได้เป็นคู่เอกของรายการ เป็นเกียรติประวัติที่ยิ่งใหญ่ จนผมต้องหยิกตัวเองเพื่อให้รู้ว่าผมไม่ได้ฝันไป”
ตอนนี้ ออง ลา เอ็น ซาง ป้องกันแชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เฮฟวีเวตสำเร็จเป็นครั้งแรก และเขามีเป้าหมายสู่การท้าทายครั้งใหม่ทันที
“เป้าหมายต่อไปเหรอ รุ่นมิดเดิลเวตไงครับ ตอนนี้มีนักสู้รุ่นมิดเดิลเวตอยู่หลายคนที่ไต่อันดับขึ้นมา”
และก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากสังเวียน เรียวโงกุ โกกุงิกัง เพื่อฉลองความสำเร็จตัวเอง ออง ลา ได้ส่งข้อความไปยังแฟนๆ ของเขาที่เมียนมา
“ขอบคุณมากๆ ทุกครั้งที่ผมก้าวออกไป ผมได้ยินเสียงแฟนๆ ชาวเมียนมาทุกคนให้กำลังใจผม และนั่นช่วยมอบความแข็งแกร่งให้กับผมอย่างมาก”
“ผมต้องการที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาเมียนมารุ่นต่อไป รวมถึงเป็นแบบอย่างให้ประชาชนชาวเมียนมาได้เป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม ขอบคุณทุกคนครับ”