“เกอร์ดาร์ชาน มานกัต” หวังคว่ำ “รีซ แม็คลาเรน” ในเกมถนัด
“Saint Lion” เกอร์ดาร์ชาน มานกัต นักสู้ดาวรุ่งตัวท็อปจากแดนภารตะ ที่โชว์ฟอร์มเฉิดฉายในสองไฟต์แรกบนสังเวียน วัน แชมเปียนชิพ กำลังจะเผชิญหน้ากับการแข่งขันครั้งสำคัญในศึก ONE: MARK OF GREATNESS วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคมนี้ โดยมีคิวดวลเดือดกับนักสู้จากแดนจิงโจ้ “Lightning” รีซ แม็คลาเรน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
คู่แข่งชาวออสเตรเลียรายนี้มีความเชี่ยวชาญในเกมปล้ำจับล็อก สร้างผลงานดุเดือดไว้มากมาย แถมยังเป็นอดีตผู้ท้าชิงบัลลังก์แชมป์โลกของรุ่นแบนตัมเวตมาแล้ว ดังนั้น เขาจะเป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพนักสู้ของ เกอร์ดาร์ชาน ทีเดียว
อย่างไรก็ตาม หากเขาสามารถผ่านด่านนักสู้มากประสบการณ์อย่าง รีซ ไปได้ เขาก็จะเข้าใกล้ความฝันกับการเป็นนักสู้จากประเทศอินเดียคนแรกที่ขึ้นชิงแชมป์โลกในกติกาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน
เจ้าของฉายา “Saint Lion” เชื่อว่า แรงเชียร์จากแฟนๆ ในประเทศ บวกกับพัฒนาการทั้งหมดที่ผ่านมา จะช่วยให้เขาก้าวลงจากสนาม แอ็กเซียตา อารีน่า อย่างผู้ชนะ
ONE: คุณคิดอย่างไรเมื่อต้องเจอกับ รีซ แม็คลาเรน
เกอร์ดาร์ชาน มานกัต: ผมตื่นเต้นกับไฟต์นี้มาก ผมนับถือเขาจริงๆ และผมก็ตามดูเขามานานหลายปีแล้ว
เขาเคยดวลกับเมนเทอร์ของผม และเคยสู้กับเพื่อนร่วมทีมอย่าง บิเบียโน เฟอร์นานเดส แถมยังยืนครบห้ายกอีกด้วย เขาเป็นผู้ท้าชิงแชมป์โลก ผมชื่นชมเขาและสไตล์ของเขา
มีคำพูดหนึ่งที่บอกว่า จงทุ่มเทและฝึกซ้อมอย่างหนัก และวันหนึ่งไอดอลของคุณจะกลายมาเป็นคู่ต่อสู้บนสังเวียน นั่นเป็นปรัชญาที่ผมใช้มาตลอด ผมตื่นเต้นมาก มันเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ เพราะนักสู้ที่ผมเคยดูเขาในทีวี ตอนนี้เขากำลังจะประจันหน้ากับผมบนเวที
- “จีฮิน รัดซวน” ขอปิดจ๊อบ “เดนิซ แซมโบอันกา” เร็วที่สุดในบ้านเกิด
- ย้อนฟอร์มเจ๋งของเหล่านักสู้ในศึก ONE: MARK OF GREATNESS
- “สามเอ” แบไต๋หวังสร้างประวัติศาสตร์คว่ำ “หวัง” ในกัวลาลัมเปอร์
ONE: อะไรทำให้เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่อันตราย
เกอร์ดาร์ชาน มานกัต: เขาผ่านสังเวียนมาอย่างโชกโชน เขาอยู่บนสังเวียนกับยอดฝีมือมากมาย เขาเป็นนักสู้มากประสบการณ์ คุณต้องนับถือเขาเลยนะ เพราะเขางัดข้อกับ บิเบียโน เฟอร์นานเดส มาแล้ว และเขาก็สนุกกับการได้อยู่ตรงนั้น นั่นล่ะที่ทำให้เขาเป็นคู่ต่อกรที่อันตราย
ONE: แล้วอะไรทำให้คุณเป็นคู่ต่อสู้ที่อันตรายสำหรับเขา
เกอร์ดาร์ชาน มานกัต: ผมเรียนรู้ที่จะอยู่บนสังเวียนนั้นเช่นกัน ผมรู้สึกว่าน้องใหม่กำลังจะเข้ามาแทนที่พวกรุ่นพี่ ผมกดดันไม่น้อย แต่นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมมีโอกาสนี้
ผมเกือบหมดความหลงใหลในกีฬานี้ และเกือบแขวนนวม จนกระทั่งได้เซ็นสัญญากับ ONE และ ONE ก็ปลุกไฟในตัวผมขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้เดินมาไกลจากวันแรกที่เซ็นสัญญากับ ONE อย่างสิ้นเชิง ผมสนุกกับการได้อยู่บนเวที และการเติบโตในฐานะนักสู้
ONE: คุณคิดว่าไฟต์นี้จะจบลงอย่างไร
เกอร์ดาร์ชาน มานกัต: ผมจะคว่ำเขาด้วยเกมภาคพื้น ผมจะเอาชนะเขาในเกมที่เขาคิดว่าตัวเองเก่งที่สุด
ONE: ผลงานที่ผ่านมาของคุณใน วัน แชมเปียนชิพ เป็นอย่างไรบ้าง
เกอร์ดาร์ชาน มานกัต: ผมว่าผมทำได้ดีนะ แม้ว่าจะแบกความกดดันไว้มากมายในฐานะตัวแทนของชาวอินเดีย และนักสู้ชั้นนำของประเทศ แต่ผมก็ได้เรียนรู้ที่จะใช้มันเป็นแรงผลักดันเป็นครั้งแรก
มันเป็นสิ่งที่ผมพยายามแก้ไขมาตลอด ผมรับมือกับความวิตกกังวลมากมาย และผมได้เรียนรู้ที่จะใช้มันเป็นอาวุธในตอนนี้ ที่จริงแล้วผลงานในสองไฟต์ล่าสุดของผม คือสิ่งที่ผมเตรียมมาในระหว่างฝึกซ้อม
โดยปกติแล้ว ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเอาสิ่งที่ซ้อมมาใช้บนสังเวียนเลย ดังนั้น ผมคิดว่าจะพยายามรักษามาตรฐานนี้เอาไว้ และในไฟต์หน้านี้ ผมจะยกระดับตัวเองขึ้นไปอีก
ONE: แรงสนับสนุนจากคนอินเดียเป็นอย่างไรบ้าง และมันมีความหมายกับคุณอย่างไร
เกอร์ดาร์ชาน มานกัต: หลังจากไฟต์เปิดตัว ผมได้รับกำลังใจอย่างท่วมท้น ผมเป็นตัวแทนของถิ่นกำเนิด ซึ่งมันกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผมมากที่สุด ทุกครั้งที่ผมนึกถึงบรรพบุรุษที่ออกไปสู้เพื่อชาติ มันทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น
หลายคนไม่รู้ว่าผมเริ่มเส้นทางนี้จากศูนย์จริงๆ ตอนอายุ 22 ผมยังเรียนบัญชีอยู่เลย แต่เป็นวัฒนธรรมและรากเหง้าของผมคือแรงผลักดันที่ทำให้ผมเชื่อในสิ่งนี้และรับพลังจากมัน
ผมได้รับแรงบันดาลใจและเข้ามาฝึกศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานในยิมตอนอายุ 22 และชีวิตทั้งหมดของผมก็เปลี่ยนไป ความแข็งแกร่งของผมมาจากความต้องการเป็นตัวแทนของคนอินเดีย เพราะเรามีวิญญาณของนักรบ
ONE: ชัยชนะครั้งนี้อาจเป็นก้าวสำคัญสู่ตำแหน่งแชมป์โลก และนั่นจะเป็นแรงผลักดันในการเป็นตัวแทนของอินเดียบนเวทีระดับโลกมากน้อยแค่ไหน
เกอร์ดาร์ชาน มานกัต: สำหรับผม เส้นทางสู่การเป็นแชมป์โลกคือได้รู้ว่า เด็กหลายล้านคน นักสู้รุ่นต่อๆไป หรือรุ่นปัจจุบันนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งที่ผมทำ
ผมได้รับข้อความทุกวัน เช่น พ่อแม่ของผมต้องการให้ผมเป็นทนายความ, พ่อแม่ของฉันต้องการให้ฉันเป็นหมอ แต่ฉันมีความฝันของตัวเอง สำหรับผม ถ้าผมจะก้าวขึ้นไปสู่จุดนั้นและกลายเป็นแชมป์โลกในองค์กรอย่าง วัน แชมเปียนชิพ ผมหวังว่าจะสามารถเปิดประตูให้กับคนที่เผชิญสถานการณ์เดียวกันได้
ผมอยากทะลายกำแพง ผมหวังว่าผมจะสามารถพิสูจน์มันได้ในการต่อสู้ครั้งนี้
อ่านเพิ่มเติม: พลังแฝงที่ผลักดันให้ “รีซ แม็คลาเรน” ก้าวสู่ความยิ่งใหญ่