เขยใหญ่-เขยเล็ก จับมือเปิดค่าย “สามเอ&ซุปเปอร์เล็กมวยไทย”
เขยใหญ่-เขยเล็ก “สามเอ ไก่ย่างห้าดาว” และ “ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9” สองยอดมวยชื่อดังที่เป็นลูกเขยบ้านเดียวกัน ร่วมลงขันเปิดยิมในบ้านพ่อตา เตรียมพัฒนาเป็นยิมมาตรฐานใหม่ในอนาคต
การลงมือทำในสิ่งที่รักมักมีความสุขเสมอ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับสองยอดมวยไทย “สามเอ ไก่ย่างห้าดาว” และ “ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9” ซึ่งโลดแล่นบนสังเวียนมวยไทยจนมีชื่อเสียงโด่งดัง
ภูมิหลังของทั้งคู่ก็เหมือนนักมวยบ้านเราส่วนใหญ่ซึ่งมีฐานะยากจน เริ่มต้นชกมวยไทยเพื่อแบ่งเบาภาระครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อยๆ
เขยใหญ่มีดีกรีเป็นนักมวยไทยดีเด่นการกีฬาแห่งประเทศไทยปี 2554 ขณะที่เขยเล็กเดินตามรอยมาติดๆ ด้วยการรับรางวัลเดียวกันในปีถัดมา ซึ่งรางวัลนี้นับว่าเป็นรางวัลใหญ่ระดับประเทศ หรือที่คนวงการมวยเรียกสั้นๆ ว่า “ยอดมวย”
ประสบการณ์ผ่านเวทีผืนผ้าใบของทั้งคู่รวมกันแล้วกว่า 600 ไฟต์ บวกกับความตั้งใจที่อยากจะสร้างค่ายมวยมาตลอด จึงทำให้สองเขยตัดสินใจควักเงินในกระเป๋าเพื่อลงขันกันเปิดค่ายมวยในบริเวณบ้านพ่อตาซึ่งเป็นอดีตนักมวยดังนามว่า “ปืนไทย ปิ่นสินชัย” เพื่อให้เป็นที่ถ่ายทอดวิชามวยไทยสู่เยาวชนรุ่นหลัง
“ผมคิดมาตลอดว่าสักวันผมจะต้องมีค่ายมวยเป็นของตัวเองให้ได้ครับ เพราะผมรักและศรัทธาในอาชีพมวย ถ้าไม่มีมวย ก็ไม่มีผม ซุปเปอร์เล็ก ในวันนี้” ซุปเปอร์เล็ก เปิดใจ
ครอบครัวมวยไทยตั้งแต่พ่อตายันลูกเขย จะว่าไปก็คือคนคอเดียวกัน ถ้าวันไหนเจอกันจะคุยเรื่องมวยได้ไม่รู้เบื่อ ยามที่ สามเอ จำเป็นต้องไปทำงานเป็นครูมวยที่อีโวลฟ์ สิงคโปร์ เขาก็ไว้เนื้อเชื่อใจให้เขยเล็กจัดการบริหารค่ายมวย “สามเอ & ซุปเปอร์เล็กมวยไทย” โดยมีพ่อตาและน้องชายของซุปเปอร์เล็กอย่าง ยอดซุปเปอร์ ช่วยดูแล
“เราเริ่มลงมือก่อสร้างกันมาตั้งแต่ต้นปี 2562 ที่บ้านพ่อตาซึ่งตั้งอยู่บ้านหนองหว้า ต.ละลวด อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ โดยใช้เงินลงทุนไปประมาณ 300,000 บาท ในส่วนของเวทีซ้อมและอุปกรณ์การซ้อม เราได้สปอนเซอร์ช่วยสนับสนุน”
สามเอ ในวัย 36 ปี และ ซุปเปอร์เล็ก 24 ปี เริ่มต้นชกมวยไทยเมื่ออายุรุ่นราวเดียวกันคือ 9 และ 8 ขวบ ประสบการณ์ของสองคนที่คลุกคลีอยู่ในวงการมวยรวมกัน 43 ปี บวกโอกาสเดินทางไปชกมวยที่ต่างประเทศ รวมถึงการสัมมนาและโชว์ตัว คือสิ่งที่พวกเขาจะนำมาถ่ายทอดและบริหารงานในยิมของตัวเอง
โดยเฉพาะ สามเอ ที่เป็นครูมวยอยู่ในยิมศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่ใหญ่ที่สุดใน สิงคโปร์ ซึ่งบริหารงานโดยประธานและ CEO ของ วัน แชมเปียนชิพ อย่าง “นายชาตรี ศิษย์ยอดธง” จึงมั่นใจได้ว่า สามเอ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆ เพื่อมาปรับใช้ในยิมของตัวเองได้อย่างมากมาย
“ผมกับพี่สามเออยากทำยิมในรูปแบบใหม่ โดยใส่ประสบการณ์ของเราลงไป ทั้งข้อดีและข้อด้อยที่เราต้องนำมาปรับปรุงและพัฒนา รวมถึงความสำเร็จของเราทั้งสองคนจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะสร้างค่ายมวยแห่งนี้ให้มีความสมบูรณ์ โดยเริ่มต้นจากเล็กๆ และค่อยๆ เติบโตขึ้นตามกำลังและเวลาของเรา ซึ่งในเบื้องต้นผมกับพี่สามเอยังไม่ได้แบ่งงานกันอย่างเป็นทางการ เพราะเรายังมีภารกิจที่ต้องทำอยู่ แต่มีพ่อตาและน้องชายเข้ามาช่วย”
“ปัจจุบันเรามีนักมวยแล้ว 3 คน คือ ยอดซุปเปอร์ น้องชายของผม, พนมรุ้งน้อย ซึ่งเป็นหลาน และ ซุปเปอร์เบส เป็นเด็กในหมู่บ้าน ทุกคนต่างก็มีใจรักมวยไทย และอยากจะชกมวยหารายได้เป็นทุนการศึกษาและแบ่งเบาภาระครอบครัว ผมมองว่านอกจากจะเป็นการปลูกฝังให้พวกเขารักมวยไทย และมีอาชีพสุจริตรองรับในอนาคตแล้ว ยังเป็นการฝึกให้มีระเบียบวินัย เห็นคุณค่าของตัวเอง ภูมิใจในตัวเอง และยังช่วยลดปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมอีกด้วยครับ”
นี่เป็นเพียงก้าวเล็กๆ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของค่ายมวย “สามเอ & ซุปเปอร์เล็กมวยไทย” สองยอดมวยเจ้าของค่ายวางแผนมองการณ์ไกลที่จะพัฒนาค่ายมวยในชุมชนแห่งนี้ให้กลายเป็นยิมสอนมวยไทยแก่ผู้สนใจตั้งแต่ระดับเพื่อออกกำลังกายทั่วไป จนกระทั่งถึงระดับอาชีพ รวมถึงรองรับชาวต่างชาติอีกด้วย
ปัจจุบัน สามเอ นอกจากจะเป็นครูมวยที่อีโวลฟ์ สิงคโปร์แล้ว เขายังเป็นแชมป์โลกสองประเภทกีฬาการต่อสู้ชาย รุ่นสตรอว์เวต (มวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง) คนแรกของ วัน แชมเปียนชิพ
ในขณะที่ ซุปเปอร์เล็ก ก็เป็นนักกีฬาของ วัน แชมเปียนชิพ เช่นเดียวกัน โดยชกอยู่ในรุ่นฟลายเวต ขึ้นชกแล้วสองไฟต์ และยังไม่เคยแพ้ใครในสังเวียนแห่งนี้ ซึ่งในอนาคตเชื่อว่าความสำเร็จในเวทีระดับโลกกำลังรอเขาอยู่
อ่านเพิ่มเติม: