“เพชรดำ” ย้ำแพ้ไม่ได้ ไฟต์นี้ยังไงต้องได้รับการชูมือ
“The Baby Shark” เพชรดำ เพชรยินดีอะคาเดมี เตรียมกลับขึ้นสังเวียนในกติกาที่เขาถนัดที่สุดอีกครั้ง ในศึก ONE: FIRE & FURY โดยต้องเผชิญหน้ากับ “Momotaro” โคเฮอิ โคเดระ ดาวรุ่งพุ่งแรงจากแดนซากุระ
นักชกผู้สร้างความบันเทิงมากที่สุดคนหนึ่งใน วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ ไม่ว่าจะในหรือนอกสังเวียน เขาพร้อมกลับมาสร้างความสนุกอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 31 มกราคมนี้ กับการชกในกติกามวยไทยเป็นครั้งแรก หลังจากหันไปเอาดีในกติกาคิกบ็อกซิ่งหลายไฟต์ติดต่อกัน
แม้ปีที่ผ่านมา เพชรดำ จะประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิตนักมวย ด้วยการคว้าแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต มาครองได้ แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทักษะที่ดีที่สุดของเขาย่อมเป็นวิชา “มวยไทย” ที่เขาฝึกมาตั้งแต่ยังกำหมัดไม่เป็น
เพชรดำ เริ่มหัดมวยอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ก่อนจะเดินทางสั่งสมกระดูกมวยไปทั่วภาคอีสานยันเวทีระดับโลก โดยเก็บชัยชนะในกติกามวยไทยได้ถึง 92 ครั้ง พร้อมด้วยการเป็นเจ้าของเข็มขัดแชมป์สนามมวยเวทีลุมพินี และ WBC มวยไทย
ที่ผ่านมาในรายการ วัน แชมเปียนชิพ เพชรดำ ขึ้นชกในกติกามวยไทย 2 ครั้ง และคิกบ็อกซิ่ง 3 ครั้ง และคว้าชัยชนะแบบไม่ครบยกได้ทั้งหมด จนกระทั่งไฟต์สุดท้ายที่พ่ายแพ้ในการป้องกันแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่ง
“ผมรู้สึกมั่นใจมากครับที่ได้กลับมาชกมวยไทย และจะได้ใช้อาวุธทุกอย่างที่ผมคุ้นเคย”
“ในการชกมวยไทย ผมไม่กดดันอะไร รู้สึกสบายๆ กว่าชกคิกบ็อกซิ่ง เพราะผมไม่ต้องกังวลว่าจะไปศอก หรือไปกอดคอตีเข่า ทำให้ผิดกติกา อีกอย่างผมชกมวยไทยมาตั้งแต่เด็กๆ ผมก็ถนัดในกติกานี้อยู่แล้วครับ”
อย่างไรก็ตาม การชกในกติกามวยไทยไม่ได้หมายความว่า เพชรดำ จะสามารถประมาทคู่ต่อสู้อย่าง “โมโมทาโร” ได้ เพราะเขาเองมีดีกรีแชมป์ทั้งมวยไทยและคิกบ็อกซิ่งจากประเทศญี่ปุ่น แถมยังผ่านประสบการณ์การชกกับนักมวยไทยมาแล้วหลายคน
- “โมโมทาโร” กะเล่นงาน “เพชรดำ” ถึงน็อก
- แฟนคลับตัวยงของ “เพชรดำ” ที่คอยหนุนหลังไม่ว่าแพ้หรือชนะ
- “รถเหล็ก” กับการสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิต
เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา นักชกวัย 29 จากกรุงโตเกียว ได้สยบเจ้าตำนานมวยไทย “สิงห์ทองน้อย ป.เตละกุล” ภายในเวลาเพียงแค่ 41 วินาที กลายเป็นการปิดบัญชีที่รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของ วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ ด้วยหมัดอันรวดเร็วและการออกอาวุธที่อยากจะคาดเดา แม้แต่อดีตแชมป์สนามมวยลุมพินีชาวไทยก็ยังเซอร์ไพรส์
“ผมก็ได้ดูไฟต์นั้นครับ ความเร็วและหมัดถือเป็นจุดแข็งของเขา ซึ่งผมต้องระวังให้ดี และประมาทเขาไม่ได้”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันเกมการชกจะไปในรูปแบบไหน และจะจบลงอย่างไร มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้คือ ผมต้องไม่แพ้”
“ผมจะต้องเคลื่อนไหวให้มากขึ้นในไฟต์นี้ และใช้แข้งซ้ายที่ผมถนัดในการสกัดคู่แข่ง เขามีหมัด ผมก็มีเหมือนกัน เขาชอบออกอาวุธเป็นชุด ผมก็จะคอยดักด้วยศอก ผมคิดว่าจะไม่เข้าไปแลก แต่จะเดินเกมอย่างระมัดระวัง”
ในการแข่งขันที่ มอลล์ ออฟ เอเชีย อารีน่า ครั้งนี้ นอกจากความมันบนสังเวียนที่ เพชรดำ ซุ่มซ้อมอย่างหนัก ตั้งแต่ตั้งหลักจากการอกหักในไฟต์ที่แล้วเมื่อ 5 เดือนก่อน ยังมีเรื่องของสีผมและคอสตูมที่เป็นจุดขาย ซึ่งทำให้ เพชรดำ กลายเป็นที่จดจำของแฟนรายการทั้งชาวไทยและต่างชาติ
อีกทั้งเขายังตั้งความหวังว่าอาจมีโอกาสได้เดินสู่จุดปลายทางกับการเป็นผู้ท้าชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต ซึ่งปัจจุบัน “รถถัง จิตรเมืองนนท์” เป็นผู้นั่งบัลลังก์อยู่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ละทิ้งกติกาคิกบ็อกซิ่ง และตั้งใจที่กลับมาผงาดแน่นอน
“ผมต้องการเรียกความมั่นใจกลับคืนมา จากนั้นก็จะกลับไปชกคิกบ็อกซิ่งอีกครับ”
“ผมต้องการเข็มขัดแชมป์โลกของผมคืน!”
อ่านเพิ่มเติม: คิกบ็อกซิ่งรอก่อน…“เพชรดำ” ขอกรุยทางสู่สงครามสายเลือดกับ “รถถัง”
ONE: A FIRE & FURY | มะนิลา, ฟิลิปปินส์ | 31 มกราคม 2563 | 16.30 น. ตามเวลาไทย | รับชมทาง ONE Super APP | ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เวลา 22.40 น.