“เอดูอาร์ด โฟลายัง” กับบทเรียนปีเก่า และก้าวที่ดีกว่าในปี 2020
แม้จะเป็นปีที่ท้าทายสำหรับแชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวต อย่าง “Landslide” เอดูอาร์ด โฟลายัง แต่เขาและเพื่อนร่วมทีมลาไคย์ ก็ปิดม่านปี 2019 ด้วยคำมั่นสัญญาไว้หลายอย่าง
Filipino hero Eduard "The Landslide" Folayang 🇵🇭 gets the unanimous nod over Amarsanaa Tsogookhu after an unintentional clash of heads prompts a technical decision.📺: How to watch 👉 http://bit.ly/ONEMOFHTW🏨: Book your hotel 👉 hotelplanner.com📱: Watch on the ONE Super App 👉 bit.ly/ONESuperApp🏷: Shop official merchandise 👉 bit.ly/ONECShop
Posted by ONE Championship on Friday, November 8, 2019
นักสู้วัย 36 ปี พ่ายท่าเสียเข็มขัดแชมป์โลกให้อริเก่าอย่าง “Tobikan Judan” ชินยะ อาโอกิ ในศึก ONE: A NEW ERA ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อมีนาคม 2019 หลังจากนั้นยังพ่ายให้กับ “The Underground King” เอ็ดดี อัลวาเรซ ในศึก ONE: DAWN OF HEROES ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ในเดือนสิงหาคมอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ทุกๆ อย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง หลังจาก โฟลายัง เอาชนะนักชกกำปั้นเหล็กชาวมองโกเลีย “Spear” อามาร์ซานา โซกูคู ด้วยการตัดสินทางเทคนิคในศึก ONE: MASTERS OF FATE ที่เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
ด้านเพื่อนร่วมทีมอดีตแชมป์โลก ONE รุ่นฟลายเวต อย่าง “Gravity” เจเฮ อุสตาคิโอ และแชมป์โลก ONE รุ่นสตรอว์เวตอย่าง “The Passion” โจชัว พาซิโอ ก็สามารถเก็บชัยชนะของตนได้ในรายการเดียวกัน ไม่เพียงเท่านั้น สมาชิกของทีมลาไคย์ ยังได้เข้าร่วมแข่งขันในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2019 และคว้าเหรียญรางวัลมาครอบครองได้
เจ้าของฉายา “Lanslide” ต้องพยายามสร้างความฮึกเหิมและความมั่นใจเมื่อต้องปะทะกับยอดนักมวยปล้ำจากปากีสถานอย่าง “Wolverine” อาห์เหม็ด มูจตาบา ในศึก ONE: FIRE & FURY ที่ มอลล์ ออฟ เอเชีย อารีน่า ในวันศุกร์ที่ 31 มกราคมนี้
การปิดม่านปี 2019 นักสู้ชาวฟิลิปปินส์ได้สะท้อนถึงปีแห่งความท้าทาย เขาได้พูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์สุดแสนตื่นเต้น และเล่าถึงเป้าหมายชีวิตในปี 2020 ให้เราฟังที่นี่
ONE: ปีนี้เป็นปีที่น่าสนใจสำหรับคุณ คุณมีแมตช์สุดหินกับสุดยอดตำนานถึง 2 คน แต่คุณยังสามารถปิดปี 2019 ได้ด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่ คุณรู้สึกดีใจกับผลงานในปีนี้ของคุณหรือไม่
เอดูอาร์ด โฟลายัง: เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วได้ แม้ว่าผมจะต้องการทำผลงานให้ดีกว่าที่ผมทำ แต่มันก็ไม่ง่ายเลยเพราะความจริงแล้วคู่แข่งของผมฝีมือร้ายกาจมาก ผมพลาด และทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพอใจแต่ถึงอย่างไรผมก็ยังมีความสุขที่เส้นทางของผมยังไม่จบอยู่ตรงนี้
ถ้าผมเอาแต่เสียอกเสียใจ และแขวนนวมไปตอนนั้น ผมคงรู้สึกเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้แก้ไขข้อผิดพลาดของตัวเอง ผมยังรู้สึกขอบคุณที่ผมสามารถปิดท้ายปีนี้ได้อย่างดี สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมาจะกลายเป็นกระจกสะท้อนในการเตรียมตัวสำหรับไฟต์ต่อไปของผมในปี 2020
ONE: สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาดเหล่านั้นคืออะไร
เอดูอาร์ด โฟลายัง: ผมได้เรียนรู้มาเยอะมาก ความใจเย็นคือหนึ่งในนั้น ต้องพยายามใจเย็นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้คุณจะรู้สึกลนลานอย่างไรก็ตาม
อีกสิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้คือ การไม่ลดละ และมุมานะในการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง เดินตามแผนที่วางเอาไว้ให้ดีกว่าเดิม นี่คือ 2 บทเรียนอันล้ำค่าที่สุดที่ผมได้เรียนรู้ในปีที่ผ่านมา
ONE: ไฟต์ล่าสุดของคุณจบลงอย่างปุบปับฉับพลัน แต่ตลอดการแข่งขันคุณพิสูจน์ให้เห็นว่าอายุเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น คุณรู้สึกอย่างไรกับการได้กลับมาคว้าชัยชนะอีกครั้ง
เอดูอาร์ด โฟลายัง: แน่นอนว่าผมรู้สึกดีใจสุดๆ ผมรู้สึกว่าเครื่องกำลังแรง แต่โชคไม่ดีตรงที่สุดแล้วมันก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่หวังไว้ ถึงผมจะรู้สึกว่าผมอยู่บนเส้นทางแห่งชัยชนะ แต่มันก็มีโอกาสที่จะจบลงแบบไม่มีผลการตัดสิน
ตามที่ผมได้สะท้อนถึงปีที่ผ่านมา ผมเข้าใจแล้วว่าปี 2019 เป็นปีที่ยากลำบากสำหรับผม แต่ก็อย่างที่บอกว่า มันเป็นโอกาสสำหรับผมในการปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ เพื่อให้มีผลงานที่ดีขึ้นในไฟต์ต่อไป
ONE: ในปี 2018 คุณและเพื่อนทั้ง 3 จากทีมลาไคย์ ต่างครองเข็มขัดแชมป์โลก แม้มันไม่เป็นอย่างนั้นในปีที่ผ่านมา แต่คุณก็สามารถเก็บชัยชนะอย่างขาวสะอาดในศึกที่กรุงมะนิลา มันมีความสำคัญกับคุณอย่างไร
เอดูอาร์ด โฟลายัง: ผมต้องการส่งข้อความให้ทุกๆ คน โดยเฉพาะคนที่มองพวกเราเป็นแบบอย่าง ข้อความนั้นคือ เราไม่สามารถหลีกหนีวันแย่ๆ ในชีวิตได้ แต่เราสามารถตั้งตารอคอยวันที่ดีของเราได้เช่นกัน
การคว้าชัยชนะในถิ่นของเราช่วยให้ข้อความนั้นมีความหนักแน่นมากขึ้น และหวังว่าจะช่วยเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกๆ คน รวมถึงนักกีฬาที่เข้าร่วมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ด้วย
ONE: พูดถึงเรื่องนี้ หน้าสื่อสังคมออนไลน์ของคุณเต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวของการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ จริงๆ แล้ว คุณมีเพื่อนร่วมทีมลงแข่งขันด้วยใช่หรือไม่
เอดูอาร์ด โฟลายัง: ทีมลาไคย์ส่งนักกีฬา 3 คนลงแข่งขันในกีฬาคิกบ็อกซิ่ง และสามารถคว้าเหรียญทองได้หมด และยังมีน้องๆ ในทีมแข่งขันกีฬามวยไทย และสามารถคว้าเหรียญเงินและทองแดงมาครองได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นความสำเร็จที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจได้ เพราะว่าใครจะไปรู้ พวกเราอาจจะสามารถผลิตนักกีฬาศิลปะการต่อสู้ทีมชาติผู้ที่จะนำเกียรติยศกลับสู่ประเทศในอนาคตก็ได้ พวกเราหวังว่าที่นี่จะเป็นบ้านแห่งแชมเปียนสำหรับประเทศเรา
ONE: คุณติดตามความเคลื่อนไหวของการแข่งขันกีฬาซีเกมส์อย่างไร
เอดูอาร์ด โฟลายัง: ผมเดินทางขึ้นลงภูเขาบาเกียวเพื่อช่วยฝึกซ้อมให้ทีมต่างๆ ผมเดินทางลงจากเขาเพื่อไปช่วยฝึกซ้อมทีมวูซูเพราะผมมีญาติอยู่ที่นั่น และเดินทางกลับขึ้นเขาเพื่อไปฝึกซ้อม และเดินทางลงจากเขาอีกครั้งเพื่อไปช่วยฝึกซ้อมนักกีฬาคิกบ็อกซิ่ง แต่มันเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก สิ่งที่ดีที่สุดคือการที่เราคว้าตำแหน่งเจ้าเหรียญทองเมื่อจบการแข่งขัน
ONE: นอกจากโมเมนต์บนเวทีแล้ว อะไรในปี 2019 ที่คุณชอบที่สุด
เอดูอาร์ด โฟลายัง: ปีที่ผ่านมา ผมมีความสุขที่ได้ใช้เวลากับภรรยาและลูกทั้ง 2 คน พวกเราเดินทางไปเที่ยวด้วยกันได้ แม้ว่าจะต้องเตรียมความพร้อมสำหรับไฟต์ถัดไปก็ตาม สำหรับผมแล้วโมเมนต์เหล่านั้นจึงไม่อาจประเมินค่าได้
ONE: เมื่อมองไปถึงปี 2020 คุณตั้งเป้าไปที่โอกาสการชิงแชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวตอีกครั้งใช่หรือไม่
เอดูอาร์ด โฟลายัง: ผมคิดว่าการคว้าเข็มขัดแชมป์โลกยังคงเป็นเป้าหมายของผมอยู่ สุดท้ายแล้วคุณจะคว้าชัยชนะไปทำไมถ้าคุณไม่ได้ต้องการท้าชิงเข็มขัดแชมป์โลก ผมต้องไต่อันดับกลับขึ้นไปให้ได้อีกครั้ง แต่ผมยังต้องการเตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับปีที่ดีที่กำลังมาถึง
ONE: คุณมีเป้าหมายส่วนตัวที่ต้องการทำให้สำเร็จหรือไม่
เอดูอาร์ด โฟลายัง: ผมคิดว่ามันคือการเป็นมนุษย์ที่ดีขึ้น ก็อย่างที่ผมบอก ผมยังมีข้อผิดพลาดและนิสัยติดตัวที่ไม่ค่อยดีนัก ผมจึงมีเป้าหมายที่จะปรับปรุงในส่วนนี้ให้ได้มากที่สุด มันคงไม่ทำให้ผมเป็นคนที่สมบูรณ์แบบหรอก แต่มันช่วยให้ผมบรรลุเป้าหมายส่วนตัวของผมได้
ONE: แล้วครอบครัวคุณเป็นอย่างไรบ้าง คุณมีลูกสาวที่น่ารักถึง 2 คน คุณมีแผนที่จะเพิ่มลูกชายอีกสักคนไหม
เอดูอาร์ด โฟลายัง: มันเป็นเรื่องยากจริงๆ ที่จะหาใครสักคนมาช่วยดูแลลูกๆ ของเรา แต่หนึ่งในเป้าหมายสำหรับครอบครัวผมคือการมีลูกชายให้ได้ ผมต้องขอบคุณภรรยาเป็นอย่างมากที่ทุ่มเทเวลาดูแลลูกสาวทั้งสองอย่างมากที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ เนื่องจากเด็กๆ ทั้งสองกำลังซนเอาเรื่องเลย เธอช่วยให้อาชีพของผมง่ายขึ้นเยอะ
อ่านเพิ่มเติม: “เพชรดำ เพชรยินดีอะคาเดมี” ยืนหนึ่งนักสู้จอมเอนเตอร์เทนของ วัน แชมเปียนชิพ
ONE: A NEW TOMORROW | อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี | 10 มกราคม 2563 | 17.00 น. ตามเวลาไทย | ซื้อบัตรเข้าชม: ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ | ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ออกอากาศเวลา 22.30 น.