“เอ็ดดี อัลวาเรซ” แจงรู้จุดอ่อน “เซยิด กูเซน อาร์สลานาลิเอฟ”
“The Underground King” เอ็ดดี อัลวาเรซ ยังไม่เคยพบกับงานง่าย ตั้งแต่เข้าร่วมการแข่งขันกับ วัน แชมเปียนชิพ และเขารู้ว่าจะต้องเจอกับอุปสรรคสุดหินอีกครั้งในศึก ONE: CENTURY PART I
ในวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคมนี้ แชมป์โลกศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน รุ่นไลต์เวต 4 สมัย จะโคจรมาพบกับ “Dagi” เซยิด กูเซน อาร์สลานาลิเอฟ ที่สังเวียนเรียวโงกุ โกกุงิกัง กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
นักสู้ชาวตุรกี “Dagi” ถือเป็นหนึ่งในคู่แข่งขันสุดแกร่งและอันตรายที่สุดบนเวทีระดับโลก ซึ่งฮีโร่ชาวอเมริกันตระหนักดีว่า หากหวังจะได้รับการชูมือใน ONE เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นไลต์เวต รอบชิงชนะเลิศ เขาจำเป็นต้องเดินเครื่องเต็มสูบ
“ผมบอกตามตรงว่า ผมไม่เห็นจุดอ่อนของเขามากเท่าไหร่ ผมเห็นแต่ความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ซึ่งอยู่ตรงหน้า”“มันทำให้ผมตื่นเต้น จนต้องตื่นนอนตั้งแต่เช้า และเข้านอนดึกแทบทุกวัน”
“The Underground King” ยอมรับว่า การที่ไม่มีคลิปวีดีโอการแข่งขันของ อาร์สลานาลิเอฟ มากพอเพื่อศึกษาสไตล์การต่อสู้ เป็นหนึ่งในอุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างการเตรียมตัวรับมือกับคู่แข่งรายนี้
“Dagi” ในวัย 24 ปี เขามีประสบการณ์ผ่านสังเวียนระดับอาชีพมาแล้วว 9 ไฟต์ ซึ่งทุกครั้งจบลงตั้งแต่ยกแรก เอกลักษณ์ของเขาคือการไม่หยุดโจมตี จนกว่าเขาจะพิชิตคู่ต่อสู้ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม อัลวาเรซ หวังพึ่งประสบการณ์เป็นกุญแจสำคัญของการแข่งขันครั้งนี้ และใช้เป็นข้อได้เปรียบในการกดดันคู่ต่อสู้
“มันไม่มีอะไรให้เราได้ศึกษาสไตล์การชกหรือจุดอ่อนของเขาทั้งนั้น แต่ผมได้ต่อสู้กับคู่แข่งระดับโลกมากมาย รวมถึงไฟต์ชิงแชมป์โลก ทำให้ผมเข้าใจว่าอะไรคือสาเหตุของความพ่ายแพ้ และรู้ว่าจะรับมืออย่างไรเมื่อต้องตกเป็นรอง”
“ผมเคยเก็บชัยชนะแบบไร้พ่ายได้ 10 ไฟต์รวด และไม่เคยตกเป็นรองใคร จนเมื่อเจอคู่แข่งที่ทำได้ดีกว่าและผมถูกยำ ผมไม่รู้เลยว่าจะต้องรับมือกับมันยังไง”
“ผมคิดว่าเขาไม่มีประสบการณ์ตรงนี้ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะรับมือกับการต้องเป็นฝ่ายถูกไล่ต้อนอย่างไร เพราะเขาไม่เคยตกเป็นรองคู่ต่อสู้สักครั้ง”
- “เซยิด กูเซน อาร์สลานาลิเอฟ” วางแผนโค่น “เอ็ดดี อัลวาเรซ” เอาใจแฟนๆ
- “ซง จิง หนาน” เปลี่ยนแรงกดดันเป็นพลังบันดาลใจ
- ท็อป 10 ซับมิชชั่นของเหล่าซูเปอร์สตาร์ในศึก ONE: CENTURY PART I
จริงอยู่ว่า อาร์สลานาลิเอฟ เล่นงานคู่ต่อสู้ทุกคนในการแข่งขัน ONE เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ได้เพียงฝ่ายเดียว ทั้งการน็อก “เอฟ ทิง” ด้วยเวลาเพียง 25 วิ และปิดเกม “อาเมียร์ ข่าน” ภายใน 3 นาที แต่ อัลวาเรซ ยังมองเห็นช่องว่างและจุดอ่อนของเขาบนสังเวียน วัน แชมเปียนชิพ
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นักสู้จากเมืองอิสตันบูลอย่าง “Dagi” ต้องออกแรงสู้ถึงยกที่สามเป็นครั้งแรกกับ “MMA Fantasista” เทตสึยะ ยามาดะ แม้ว่าเขาจะโค่นคู่แข่งขันได้ แต่ อัลวาเรซ กลับมองเห็นจุดอ่อนที่เผยออกมาในครั้งนั้น
“เขาแข่งถึงยกที่สาม และดูมันไม่ค่อยเข้าทางเขาเท่าไหร่ เขาทำมันได้ไม่ดีนัก ในยกที่สองเขาเสียท่าอย่างเห็นได้ชัด และยกสุดท้ายก็ยังเป็นที่น่ากังขา”
“นั่นเป็นไฟต์ที่ทำให้ผมได้เห็นบางอย่าง เขาเกือบจะแพ้ และมันทำให้ผมมองเห็นการรับมือของเขา”
“ผมยังบอกอะไรได้ไม่มาก แต่มันจะเป็นค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นของการต่อสู้แน่นอน มันอยู่ที่ใครจะมีสมาธิมากกว่ากัน ใครที่พร้อมกว่าและมีความกระหายมากกว่า”
“ผมจะหาวิธีเอาชนะให้ได้อยู่แล้ว ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นนักสู้ที่เก่งกว่าหรอกนะ แต่ผมมักจะหาช่องทางในการเอาชนะได้เสมอ ถ้าคู่ต่อสู้เก่งมากๆ ผมก็จะก้าวขึ้นไปในระดับเดียวกันกับพวกเขา และผมตื่นเต้นมากสำหรับโอกาสนั้นๆ”
ชัยชนะในครั้งนี้จะทำให้เขาได้ครองเข็มขัดเส้นใหม่ รวมถึงการขึ้นไปเป็นผู้ท้าชิงแชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวตกับ “The Warrior” คริสเตียน ลี ในอนาคตอันใกล้นี้
นั่นคือความมุ่งมั่นของ “The Underground King” ตั้งแต่วันแรกในองค์กรศิลปะการต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กับการเป็นนักสู้คนแรกที่เป็นแชมป์โลกของสามองค์กรใหญ่ในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้
และนี่คือเหตุผลที่ทำให้เขาอยากได้รับการชูมือที่กรุงโตเกียว
“ผมอยากได้เข็มขัดเส้นนั้น มันคือประวัติศาสตร์ของกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน ไม่มีใครทำได้มาก่อน และผมก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนที่จะมีใครทำแบบนี้ได้”
“มันต้องใช้เวลาหลายปีในการต่อสู้ และขึ้นชกในสังเวียนต่างๆ มากมาย ก่อนจะขึ้นมาสู่ระดับนี้และสามารถเรียกตัวเองได้ว่า แชมป์โลก มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผม”
“ในฐานะนักสู้ ผมรู้ว่าอะไรที่ทำให้ผมยังคงเป็นนักสู้ที่ทำผลงานได้คงเส้นคงวาตลอดระยะเวลาหลายปี และมันจะเป็นสิ่งที่ทำให้ผมภาคภูมิใจตลอดชีวิต”
อ่านเพิ่มเติม : “เอ็ดดี อัลวาเรซ” ถึงพ่ายแพ้ แต่ไม่เคยแพ้พ่าย
โตเกียว | 13 ตุลาคม | ONE: CENTURY | ทีวี: ตรวจสอบวัน-เวลาออกอากาศจากสถานีโทรทัศน์ในประเทศ | บัตรเข้าชม: http://bit.ly/onecentury19
ONE: CENTURY คือศึกชิงแชมป์โลกศิลปะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งมีแชมป์โลก 28 คนจากหลากหลายศิลปะการต่อสู้ขึ้นเวที ไม่มีองค์กรใดที่เคยจัดอีเวนต์ชิงแชมป์โลกแบบเต็มสเกลถึง 2 ศึกในวันเดียวกันมาก่อนในประวัติศาสตร์
วัน แชมเปียนชิพ เตรียมสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการชิงแชมป์โลกมากมาย รอบชิงชนะเลิศทัวร์นาเมนต์ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 3 คู่ และแชมป์โลกปะทะแชมป์โลกอีกมากมาย ในสังเวียน เรียวโงกุ โกกุงิกัง กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 13 ตุลาคมนี้