“แดนนี คิงกาด” ชวน “เซียะ เหวย” เปิดเกมดวลหมัด
“The King” แดนนี คิงกาด ขยับเข้าใกล้ความสำเร็จใน วัน แชมเปียนชิพ ไปทุกที แม้ว่าเขาจะอายุเพียง 24 ปี แต่สามารถสร้างชื่อเสียงและความน่าจดใจในฐานะนักสู้ได้อย่างยอดเยี่ยมในปีที่ผ่านมา
วันศุกร์ที่ 31 มกราคมนี้ ขวัญใจชาวฟิลิปปินส์จะขึ้นสังเวียนต่อหน้ากองเชียร์ในบ้านเกิด โดยแข่งขันภายใต้กติกาการต่อสู้แบบผสมสาน (MMA) รุ่นฟลายเวต โดยพบกับดาวรุ่งชาวจีน “The Hunter” เซียะ เหวย ในศึก ONE: FIRE AND FURY
คู่แข่งขันรายนี้มีผลงานสุดร้อนแรงในปีที่ผ่านมา ด้วยการชนะทีเคโอ. 4 ไฟต์รวดในรายการ ONE Hero Series (OHS) และอีกครั้งกับการน็อกเอาต์ “ร็อกกี แบคโทล” ในรายการ ONE Warrior Series 9 (OWS) ซึ่งทั้งสองรายการนี้เป็นเวทีค้นหาดาวรุ่งยอดฝีมือ เพื่อเข้าสู่การแข่งขันบนเวทีระดับโลก วัน แชมเปียนชิพ
สถิติดังกล่าวเป็นผลพวงมาจากพลังหมัดอันหนักหน่วงของนักสู้วัย 23 ปีจากเมืองชิงเต่า ประเทศจีน ถึงกระนั้นเจ้าของฉายา “The King” ก็ไม่หวั่นกับจุดแข็งของคู่ต่อสู้ เขากลับคิดว่ามันเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้โชว์ฝีมืออย่างเต็มที่ในการกำราบผู้บุกรุกที่มาชวนทะเลาะถึงในบ้านเกิด
“ผมคิดว่ามันจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้แสดงให้เขาเห็นถึงเกมยืนสู้ที่โดดเด่นของทีมลาไคย์”
“ผมมีความกระหายที่จะได้โชว์ทักษะการยืนสู้ ซึ่งนั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงชอบที่จะดวลกับคู่แข่งแบบนี้ คนที่ไม่กลัวที่จะแลกหมัดกัน”
ความสำเร็จที่ผ่านมาของ เซียะ ในฐานะดาวรุ่งของ “บ้านแห่งศิลปะการต่อสู้” วัน แชมเปียนชิพ ยังคงปริศนาที่ทีมลาไคย์ ยังไม่สามารถมองหาจุดอ่อนได้ จึงทำให้ คิงกาด ต้องโฟกัสกับตัวเอง โดยเตรียมตัวให้พร้อมกับทุกสถานการณ์ ซึ่งเมื่อบวกกับแผนการของโค้ชแล้ว ทำให้เขามั่นใจว่าจะเปิดศักราช 2020 อย่างสวยงาม
- “รถเหล็ก” พร้อมแล้วกับการเก็บชัยครั้งที่ 3 ในกรุงมะนิลา
- “พาซิโอ” ป้องแชมป์ “ซิลวา” และ 3 ขุนพลไทยเปิดศึกเดือดที่มะนิลา
- “พงษ์ศิริ” จ้องปิดเกม “ลิโต อาดิวัง” น็อกคาบ้านเกิดแดนตากาล็อก
“ผมดูไฟต์ที่เขาสู้กับ ร็อกกี มันก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ดูมากนัก เพราะมันจบภายในยกเดียว”
“อย่างไรก็ตาม ผมพร้อมที่จะรับมือกับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเกมยืนสู้ มวยปล้ำ การปล้ำจับล็อก หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมไม่กลัวว่าเกมนี้จะเดินไปอย่างไร ผมพร้อมเสมอ”
“ผมกำลังเตรียมร่างกายของตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อที่จะรับมือกับอาวุธทุกอย่างที่เขาจะงัดออกมาใช้ เราได้วางแผนเอาไว้แล้ว ซึ่งผมไม่สามารถบอกได้ตอนนี้ แต่ที่แน่ๆ มันจะช่วยให้ผมคว้าชัยชนะอย่างแน่นอน”
“ผมไม่ได้สนใจว่าไฟต์นี้มันจะจบลงแบบไหน สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมก็คือ เมื่อระฆังสุดท้ายดังขึ้น ผมต้องเป็นฝ่ายได้รับการชูมือ”
อีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยให้ คิงกาด ได้เปรียบในการแข่งขันครั้งนี้ คือการได้ขึ้นสังเวียนในบ้านเกิดของตัวเอง
นักกีฬาบางคนอาจรู้สึกกดดันเมื่อต้องแข่งขันต่อหน้าแฟนๆ ในประเทศของตัวเอง แต่สำหรับ “The King” กลับมีความมุ่งมั่นเป็นพิเศษ เพราะเขาคว้าชัยที่ มอลล์ ออฟ เอเชีย อารีน่า มาแล้วถึง 5 ใน 6 ครั้ง โดยเฉพาะชัยชนะสุดยิ่งใหญ่เหนือ “Lightning” รีช แม็คลาเรน
นั่นคือเหตุผลที่นักสู้จากเมืองบาเกียวตั้งหน้าตั้งตาที่จะขึ้นสังเวียนในกรุงมะนิลาอีกครั้ง
“ผมรู้สึกเหมือนตัวเองได้เปรียบมากกว่าเสียเปรียบนะ”
“ผมตื่นเต้นที่จะได้เปิดฉากปีนี้บนสังเวียนในประเทศของตัวเอง เสียงเชียร์จะทำให้ผมฮึกเหิม และทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด”
“นี่จะเป็นไฟต์แรกของผมในปี 2020 และเป็นสังเวียนที่บ้านเกิด มันจึงสำคัญกับผมมากๆ และผมตื่นเต้นมากที่จะได้แสดงให้ทุกคนเห็นว่าผมพัฒนาอะไรไปบ้าง”
ชัยชนะอาจทำให้แฟนๆ คาดหวังในตัวเขามากขึ้น เพราะที่ผ่านมา คิงกาด เก็บชัยชนะมาได้อย่างต่อเนื่องและน่าเหลือเชื่อ โดยมีเพียง “Mighty Mouse” ดิมิเทรียส จอห์นสัน ยอดตำนานตลอดกาลเท่านั้น ที่สามารถหยุดเขาได้
ด้วยประสบการณ์ที่มากขึ้น คิงกาด พร้อมที่จะเริ่มต้นปีด้วยความสำเร็จตั้งแต่ไฟต์แรก และตั้งเป้าที่จะขยับขึ้นสู่อันดับสูงขึ้นเรื่อยๆ
“ผมต้องการพิสูจน์ว่าผมสามารถเอาชนะความท้าทายทุกรูปแบบ”
“มีนักสู้หลายคนที่ผมต้องการดวลด้วย เพราะที่นี่เป็นศูนย์รวมยอดฝีมือของโลกเอาไว้ ผมไม่สามารถกาชื่อใครออกได้ ใครก็ได้ครับ ผมพร้อมเสมอ”
อ่านเพิ่มเติม: “อเล็กซ์ ซิลวา” เตรียมอาวุธครบมือพร้อมชิงบัลลังก์ “โจชัว พาซิโอ”