“แสตมป์” เผยแผนสยบ “พูจา โทมาร์” คว้าชัยในบ้านเกิด
“แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” เริ่มต้นปี 2563 ด้วยการสานต่อภารกิจกรุยทางสู่เข็มขัดแชมป์โลก ONE เส้นที่ 3 ในวันศุกร์ที่ 10 มกราคมนี้
นักสู้สาววัย 22 ปีจะขึ้นสังเวียนศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) อีกครั้งต่อหน้าผู้ชมในอิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ในศึก ONE: A NEW TOMORROW กับแชมป์วูซูสาวชาวอินเดีย “The Cyclone” พูจา โทมาร์
แสตมป์ ในฐานะแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง และ มวยไทย รุ่นอะตอมเวต จะนำแรงปรารถนากับการเป็นแชมป์โลก 3 ประเภทกีฬา เป็นแรงผลักดันอันแรงกล้าในการต่อสู้ครั้งนี้
นักสู้สาวชาวไทยปิดม่านปี 2562 ด้วยชัยชนะในกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานครั้งยิ่งใหญ่ เหนืออดีตนักสู้สาวไร้พ่าย “Knockout Queen” อาชา โรกา และฮีโร่สาวชาวเวียดนาม-อเมริกัน “Killer Bee” บิ เหงียน
ในการต่อสู้กับ พูจา ที่กำลังมาถึง จึงเป็นอีกครั้งที่เธอจะได้แสดงให้แฟนๆ ทั่วโลกได้เห็นถึงพัฒนาการและความก้าวหน้าในฐานะนักกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานของเธอ
“แสตมป์ คิดว่าพัฒนาการด้านการต่อสู้แบบผสมผสานของ แสตมป์ พัฒนาไปมากเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แสตมป์ รู้สึกดีตอนที่ได้ฝึกซ้อม แต่ประสบการณ์อาจจะยังไม่มากพอ ซึ่งไฟต์นี้จะทำให้ แสตมป์ มีโอกาสได้ทดสอบทักษะและพัฒนาการของตัวเอง”
สำหรับ พูจา นักสู้สาวจากเมืองมูซาฟฟาร์นาการ์ ประเทศอินเดีย เธอคือนักสู้สาวอันตรายที่สามารถสร้างความสั่นคลอนให้กับสถิติไร้พ่ายของ แสตมป์ ได้
ด้วยวัย 26 ปี เธอพกดีกรีแชมป์วูซูจากอินเดีย พร้อมด้วยสถิติการผ่านสังเวียนวูซูมาแล้ว 72 ไฟต์ ก่อนตัดสินใจผันตัวสู่ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานในเดือนตุลาคม 2556
ชัยชนะบนสังเวียนวงกลมเหล็ก (MMA) 4 ใน 7 ครั้ง เธอผ่านสู่ต่อสู้คนสำคัญอย่างฮีโร่สาวชาวอินโดนีเซีย “พริสซิลลา เฮอร์ตาติ ลุมบัน กาโอล์” และเข้าเส้นชัยปาดหน้าเจ้าถิ่นไปแบบฉิวเฉียดด้วยคะแนนอย่างไม่เป็นเอกฉันท์
เธอจึงพกความมั่นใจในการเผชิญหน้ากับเจ้าถิ่นอย่าง แสตมป์ ด้วยประสบการณ์การต่อสู้แบบผสมผสานที่มากกว่า รวมถึงความชำนาญในเกมการจับล็อก ซึ่งทั้งหมดนี้คือความท้าทายครั้งสำคัญของนักสู้สาวชาวไทย
- ปี 2019 ของ “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” ประวัติศาสตร์ ความท้าทาย และความรัก
- ปี 2019 จุดสูงสุดชีวิตนักสู้บนผืนผ้าใบของ “น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว”
- ปี 2019 ของ “รถถัง จิตรเมืองนนท์” ผงาดแชมป์โลก และกระหายความยิ่งใหญ่
“แสตมป์ ไม่เคยประมาทคู่ต่อสู้ พูจา เป็นถึงแชมป์วูซู ดังนั้นเธอน่าจะเก่งด้านการจับเทคดาวน์ เธอคาดเดาได้ยาก เดินเกมเร็ว และเคลื่อนไหวตลอดเวลา”
“เขาน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่า แสตมป์ มีจุดแข็งที่การยืนสู้ ดังนั้นเขาน่าจะจับเราเทคดาวน์ และลงไปเล่นเกมภาคพื้น แสตมป์ เองก็คงต้องป้องกันตัวเอง และฝึกเรื่องการซับมิชชัน”
“แผนของ แสตมป์ ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ พยายามรักษาเกมยืนสู้ให้ได้ ใช้ศาสตร์มวยไทยที่ถนัด และป้องกันการเทคดาวน์ ถ้าลงไปอยู่ในเกมภาคพื้น ก็ต้องแก้ไขปัญหาตรงนั้น ซึ่ง แสตมป์ ค่อนข้างมั่นใจเกมภาคพื้นของตัวเองเหมือนกัน และรู้ว่า แสตมป์ แข็งแกร่งพอค่ะ”
แสตมป์ เคยโชว์ผลงานการต่อสู้บนพื้นของเธอมาแล้ว ในไฟต์ประเดิมในฐานะนักกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน เมื่อเธอดวลกับนักสู้เพื่อนร่วมชาติของ พูจา อย่าง “อาชา โรกา” ในศึก ONE: DREAMS OF GOLD เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเธอพยายามเล่นงานคู่ต่อสู้ด้วยการซับมิชชันหลายครั้ง ทั้งการ armbar และ guillotine choke ก่อนที่จะเผด็จศึกด้วยท่า rear-naked choke ในยกที่สาม
ขณะเดียวกันในการแข่งขันกับ บิ เหงียน ในศึก ONE: MASTERS OF FATE เมื่อเดือนพฤศจิกายน เธอแสดงให้เห็นถึงความเหนือชั้นในเกมยืนสู้ที่ทิ้งห่างคู่ต่อกรไปหลายขุม ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงคว้าแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่งและมวยไทยมาครอง
ถ้า แสตมป์ สามารถสานต่อสถิติไร้พ่ายในไฟต์นี้กับ พูจา การเดินหน้าสู่การเป็นผู้ท้าชิงแชมป์โลกในกติกาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน ก็จะขยับเข้ามาใกล้ทุกที
“ไฟต์นี้เป็นไฟต์ที่สำคัญสำหรับ แสตมป์ นอกจากจะได้ทดสอบฝีมือและพัฒนาการของตัวเองแล้ว โอกาสที่จะได้ชิงแชมป์โลกกับ แองเจลา ลี ก็มีมากขึ้น ถือว่ามีแต่ได้กับได้”
การขึ้นสังเวียนในบ้านเกิดที่ประเทศไทย ยังทำให้เธอมีกำลังใจมากขึ้นทั้งจากแฟนๆ เพื่อน และครอบครัว เธอไม่ต้องการทำให้ชาวไทยผิดหวัง และสัญญาว่าจะคว้าชัยชนะครั้งนี้มาให้ได้
“แสตมป์ ชอบแข่งขันที่ประเทศไทยนะคะ เพราะพ่อแม่และครอบครัวก็มีโอกาสมาดู แสตมป์ ได้ และก็ยังมีกำลังใจจากแฟนๆ ชาวไทยอีกทั้งสนาม”
“ไฟต์นี้ แสตมป์ จะปิดเกมแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่าเกมการแข่งขันเป็นยังไง ต้องติดตามดูกันให้ได้นะคะ”
อ่านเพิ่มเติม: “พูจา โทมาร์” รับสู้ศึก “แสตมป์” คือศึกใหญ่ที่สุดในชีวิต
ONE: A NEW TOMORROW | อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี | 10 มกราคม 2563 | 17.30 น. ตามเวลาไทย | ซื้อบัตรเข้าชม: ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ | ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ออกอากาศเวลา 22.30 น.