“แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” มั่นใจใช้ทักษะมวยไทยสยบ “อาชา โรก้า”

ความท้าทายใหม่ของ “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์”  กับการคว้าแชมป์โลกเส้นที่ 3 ในวันศุกร์ที่ 16 สิงหาคมนี้

แชมป์โลกหญิงคิกบ็อกซิ่ง และ มวยไทย รุ่นอะตอมเวต มีโอกาสที่จะได้ประเดิมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน โดยถูกประกบคู่ให้เจอกับ “Knockout Queen” อาชา โรก้า ในรายการ ONE: DREAMS OF GOLD

ความกดดันตกอยู่ที่ สแตมป์ เมื่อต้องเจอกับนักสู้มากประสบการณ์ แถมยังเป็นการแข่งในประเทศบ้านเกิดของตัวเองที่ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี

“รู้สึกดีใจที่ได้แข่งในบ้าน จะได้มีแฟนๆ มาให้กำลังใจกันเยอะๆ ค่ะ”

“แสตมป์รู้สึกว่าการแข่งขันในเมืองไทยนั้นได้เปรียบอยู่แล้ว แต่ก็รู้สึกกดดันไม่น้อยเพราะไม่อยากพลาดท่าแพ้ในบ้านตัวเอง”

แสตมป์เริ่มฝึกมวยไทยตั้งแต่วัย 5 ขวบ และลงแข่งขันจนถึงปัจจุบัน มีสถิติการชกที่น่าประทับใจด้วยการชนะ 63 แพ้ 15 เสมอ 5

เมื่อสองปีที่ผ่านมา แสตมป์ ได้ออกจากค่ายมวยของครอบครัวตัวเอง เพื่อเก็บตัวฝึกซ้อมที่ค่ายมวยใหญ่อย่างแฟร์เท็กซ์ที่พัทยา ซึ่งเป็นที่ๆ แสตมป์ได้เริ่มต้นเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน หรือ MMA

แสตมป์เคยเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานระดับอาชีพครั้งแรก เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว เธอใช้เวลาเพียง 19 วินาที ในการน็อกคู่ต่อสู้ ก่อนกลับมาสู่การแข่งขันที่ถนัดอย่างคิกบ็อกซิ่งและมวยไทยก่อนคว้าเข็มขัดแชมป์โลกได้ 2 เส้น

หลังจากป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกครั้งแรกไว้ได้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แสตมป์กลายเป็นนักมวยหญิงดาวเด่นของวงการที่ถูกจับตามอง และมีโอกาสเข้าสู่สังเวียนต่อสู้แบบผสมผสาน ซึ่งเธอเองก็ไม่ลังเลที่จะคว้าโอกาสนั้นไว้

“ถึงยังไม่มั่นใจเต็มร้อย แต่เมื่อโอกาสมาถึงแล้วก็ต้องคว้าเอาไว้”

“แสตมป์ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานมาได้ 2 ปีแล้ว มันถึงเวลาอันควร ที่จะได้ทดสอบฝีมือบนเวทีใหญ่ๆ แสตมป์ชอบความหลากหลายทางกีฬา และรู้สึกท้าทายกับอะไรใหม่ๆ”

สถิติของคู่แข่งขันอย่าง โรก้า ชนะรวดในการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน 4 ไฟต์ ที่สำคัญก่อนหน้านั้นเธอยังเคยเป็นแชมป์มวยสากลสมัครเล่นของประเทศอินเดียถึง 3 สมัย ด้วยสถิติการชกชนะรวด 7 ไฟต์ เรียกว่าไม่ธรรมดาจริงๆ

นักสู้สาววัย 20 ปีจากอินเดีย ถูกขนานนามว่าเป็นนักสู้ที่มีพลังกำปั้นหนักหน่วงและน็อกเอาต์คู่ต่อสู้มาหลายครั้งดังฉายาที่ได้รับว่า “น็อกเอาต์ควีน”

ไฟต์แรกของเธอในการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน เธอสามารถน็อกคู่แข่งขันด้วยเวลาเพียง 9 วินาที และครั้งล่าสุดเธอยังสามารถปิดบัญชีคู่ต่อสู้ในเวลาไม่ถึง 2 นาที นอกจากนั้นยังสามารถเผด็จศึกแบบซับมิชชันได้อีก 2 ไฟต์ โดยทั้ง 4 ไฟต์ที่ผ่านมาของเธอ ใช้เวลาทั้งสิ้นเพียง 4 นาที 11 วินาที เท่านั้นในการแข่งขัน

เห็นโปรไฟล์สุดอันตรายแล้วทำเอา แสตมป์ ต้องเตรียมทำการบ้านอย่างหนัก แต่เธอก็ยังมั่นใจว่ากลยุทธ์ที่เธอมีนั้นจะสามารถเอาชนะ โรก้า ได้

“แสตมป์คิดว่าฝีมือและทักษะการจู่โจมของ โรก้า ไม่ได้เหนือไปกว่าฝีมือของคู่ต่อสู้คนก่อนๆ ที่แสตมป์เคยเจอมา”

“ถึงแม้ โรก้า จะมีชั้นเชิงมวยที่แพรวพราวจากพื้นฐานมวยสากล แต่แสตมป์ก็วางแผนต่อกรกับหมัดของเธอด้วยศอก  เพราะเวลาที่เราสู้กับนักมวยสากล ต้องเตะเพื่อสกัดหมัด และจู่โจมด้วยศอก เป็นวิธีแก้ทางมวยได้ผลที่สุด”

“แสตมป์ถนัดในท่ายืนสู้มากกว่า แต่ก็เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับเกมนอนสู้ด้วยเช่นกัน”

“ตอนนี้คิดอย่างเดียวว่าจะต้องชนะไฟต์นี้ให้ได้ ยังไม่ได้นึกถึงเรื่องการโชว์ทักษะในรูปแบบศิลปะกาต่อสู้แบบผสมผสานมากนัก”

แสตมป์รู้ตัวดีว่าคู่ต่อสู้ของเธอในรุ่นนี้ไม่ธรรมดา เธอจึงต้องทำการบ้านอีกมากมายเพื่อตามให้ทัน แม้จะดูว่าเป็นงานยาก แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะเป็นฝ่ายได้รับการชูมือ

อย่างไรก็ตาม แสตมป์ ยังคงต้องพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่องและเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่มขึ้นในการแข่งขันกติกานี้  ถ้าสามารถคว้าชัยได้ในศึก ONE: DREAMS OF GOLD โอกาสในการเจอกับคู่แข่งขันที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และกรุยทางสู่การชิงแชมป์โลกก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมสำหรับนักสู้สาววัย 21 ปี

“เป้าหมายของแสตมป์คือการเป็นแชมป์โลกศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานในรายการ วัน แชมเปียนชิพ”

“นักสู้หญิงในรุ่นนี้หลายคนมีฝีมือที่เก่งกาจ ซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะกว่าที่แสตมป์จะก้าวขึ้นไปสู่ระดับสูงๆ หวังว่าคงอีกสัก 3-4 ไฟต์ที่จะพร้อมสำหรับการคว้าแชมป์โลก”

กรุงเทพฯ | 16 สิงหาคม | 17:30 น. | ONE: DREAMS OF GOLD | TV: ตรวจสอบวัน-เวลาออกอากาศจากสถานีโทรทัศน์ในประเทศ  สำรองที่นั่งได้ที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา