“โจ ณัฐวุฒิ” เตรียมแผนเด็ดล้างแค้น “เปโตรเซียน”
ศุกร์ที่ 16 สิงหาคมนี้ นักสู้ไทยวัย 29 ปีจะขึ้นเวทีที่ประเทศไทยบ้านเกิด ในศึกล้างตากับ “The Doctor” จอร์จิโอ เปโตรเซียน ผู้เคยยัดเยียดความปราชัยครั้งแรกและครั้งเดียวในการแข่งขัน วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ ให้เขา
หากนักชกไทยจากค่าย Bangkok Boxing ทำผลงานช็อกโลก โดยได้รับการชูมือในสนามแข่งขันที่ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี เขาจะจองตั๋วสู่รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ทันที
“ผมตื่นเต้นกับการล้างตาครั้งนี้ จะพูดว่ารอคอยมันเลยก็ได้ครับ”
“ผมไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับไฟต์แรกที่เจอกัน เพราะวันนั้นเขามาดีกว่าจริงๆ แต่ครั้งนี้ผมเตรียมตัวฟิตซ้อมมาดีกว่าเดิม และฝีมือผมได้พัฒนาขึ้นมากในช่วงปีที่ผ่านมา”
“โจ ณัฐวุฒิ” เป็นแชมป์โลกมวยไทย 3 สมัย แต่ก็ปรับตัวเข้ากับกติกาคิกบ็อกซิ่งซึ่งมีความแตกต่างอยู่พอสมควรได้เป็นอย่างดี ด้วยความที่เป็นมวยเดินหน้าออกอาวุธ ทำให้เขาพัฒนาฝีมืออย่างรวดเร็วและพิสูจน์ฝีมือให้เห็นจากชัยชนะเหนือ “AK47” เซมี ซานา (ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนักชกที่ผ่านเข้ามาในรอบรองชนะเลิศของทัวร์นาเมนต์นี้) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่าน ในการแข่งขันนอกทัวร์นาเมนต์ และล่าสุดชนะน็อก “ซาช่า โมอิซา” ในรอบก่อนรองชนะเลิศของทัวร์นาเมนต์
ในการพบกันครั้งแรก โจ ณัฐวุฒิ สู้สุดใจเมื่อต้องเจอกับแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่ง 5 สมัย แต่ความต่างยังห่างไกล ทำให้เขาแพ้คะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์หลังครบ 3 ยก เนื่องจากนั้น เปโตรเซียน ในเวลานั้นทั้งเร็วกว่า คล่องแคล่วกว่า และแม่นยำกว่า
แต่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นมาปีกว่าแล้ว ตอนนี้ ณัฐวุฒิกำลังฟอร์มดี ชนะมา 4 ไฟต์รวดในเวที วัน แชมเปียนชิพ และกำลังเครื่องร้อนที่จะพบกับความท้าทายครั้งนี้ซึ่งเจ้าตัวมีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมเป็นทวีคูณ
“ผมไม่คิดว่าเขามีจุดอ่อนตรงไหนนะ แต่เชิงมวยสากลของเขาคือจุดแข็ง เขาเร็ว คล่องตัว และชั้นเชิงสูง แต่ผมก็เตรียมตัวมารับมือสิ่งเหล่านั้นอยู่แล้ว และจะงัดฟอร์มที่ดีที่สุดออกมา แผนของผมคือใช้วิธีที่เรียบง่าย อาวุธจิกจุก แต่เพอร์เฟกต์ที่สุด”
“ไฟต์นี้ผมไม่ได้เตรียมอะไรพิเศษ แค่เน้นเรื่องพื้นฐานให้ออกมาดีที่สุด และร่างกายพร้อมที่สุด”
ณัฐวุฒิ เว้นว่างจากการสู้บนเวทีถึงเกือบ 3 เดือน ขณะที่ เปโตรเซียน เพิ่งจะล้างตากับ “เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี” ไปเมื่อ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อคว้าตั๋วสู่รองรองชนะเลิศมาเจอกับ โจ ณัฐวุฒิ ได้สำเร็จ
“เจอกันครั้งนี้ ผมต้องขยันเดินและออกอาวุธซึ่งสำคัญมากหากผมต้องการคว้าชัยชนะ มันจะไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ เปโตรเซียน จะต้องเตรียมตัวมาอย่างหนักเช่นกัน เพราะเราต่างก็ต้องการคว้าชัยชนะ”
สิ่งหนึ่งที่อาจจะทำให้ “สโมกกิ้น โจ” ได้เปรียบ คือการขึ้นเวทีต่อหน้าแฟนๆ ในบ้านเกิดที่ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งย่อมจะส่งเสียงเชียร์นักชกชาวไทยเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในทัวร์นาเมนต์นี้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว แต่เจ้าตัวกลับมองว่า ในฐานะมืออาชีพไม่ว่าจะขึ้นชกที่ไหน เขาต้องมีสมาธิและควบคุมสติให้มากที่สุด
“แน่นอนว่ามันดีมากๆ ที่แฟนๆ จะช่วยกันส่งเสียงเชียร์ แต่บนเวทีก็มีแค่ผมกับเขาเท่านั้น ผมจึงต้องโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า”
ชัยชนะเหนือเปโตรเซียนจะทำให้เขาเข้าสู้รอบชิงชนะเลิศของศึก ONE คิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นเฟเธอร์เวต กับอีกหนึ่งนักชกระหว่าง “เซมี ซานา” หรือ “Genghis Khan” จาบาร์ แอสเครอฟ ซึ่งจะขึ้นสู้ในศึก ONE: DREAMS OF GOLD เช่นกัน
ส่วนการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศจะมีขึ้นในศึก ONE: CENTURY วันที่ 13 ตุลาคมที่กรุงโตเกียว แต่ โจ ณัฐวุฒิ ยังไม่ขอคิดไปไกลถึงตรงนั้น เพราะเขามี “งานยาก” รออยู่เบื้องหน้า เขาจึงตั้งใจที่จะก้าวไปทีละขั้นอย่างมั่นคง
“การคิดถึงชัยชนะบางทีมันอาจทำให้คุณหลงคิดถึงอนาคตไปไกล ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือ จดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก่อน และทำให้ดีที่สุด ณ เวลานั้น”
กรุงเทพฯ | 16 สิงหาคม | 17:30 น. | ONE: DREAMS OF GOLD | TV: ตรวจสอบวัน-เวลาออกอากาศจากสถานีโทรทัศน์ในประเทศ | สำรองที่นั่งได้ที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา
