“โมโมทาโร” กะเล่นงาน “เพชรดำ” ถึงน็อก
“โมโมทาโร” โคเฮอิ โคเดระ ซูเปอร์สตาร์จากกรุงโตเกียว ผู้เคยสร้างปรากฏการณ์ช็อกโลก ด้วยการคว่ำตำนานชาวไทยอย่าง “สิงห์ทองน้อย ป.เตละกุล” ด้วยเวลาเพียง 41 วินาที ซึ่งเป็นสถิติที่ได้รับการจารึกบนประวัติศาสตร์ของ วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ ว่าเป็นการปิดจ๊อบอย่างรวดเร็วที่สุดที่เคยมีมา
ซูเปอร์สตาร์จากแดนอาทิตย์อุทัยจะพกดีกรีแชมป์ WBC มวยไทย และ NJKF คิกบ็อกซิ่งจากญี่ปุ่น บุกสังเวียนมอลล์ ออฟ เอเชีย อารีน่า ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ในศึก ONE: FIRE & FURY วันที่ 31 มกราคมนี้ เพื่อพิสูจน์ฝีมือตัวเองกับนักชกไทยแถวหน้าของประเทศต้นกำเนิดมวยไทยอย่าง “The Baby Shark” เพชรดำ เพชรยินดีอะคาเดมี
ซึ่งการผ่านด่านนักชกไทยจากค่ายใหญ่จากกรุงเทพฯ ไปได้ จะทำให้อนาคตบนเส้นทางนักสู้ วัน แชมเปียนชิพ ของเขา เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดเป็นแน่
นักชกวัย 29 ปี จากกรุงโตเกียว คว้าชัยครั้งแรกบนสังเวียน วัน แชมเปียนชิพ เมื่อเดือนมีนาคม 2561 ด้วยการชนะคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์เหนือ “The Pitbull” เคนนี เซ ก่อนที่จะเก็บชัยชนะสุดทึ่งได้อีกครั้งด้วยการน็อกเอาต์เจ้าตำนานอย่าง สิงห์ทองน้อย ในอีก 6 เดือนต่อมา ซึ่งเป็นการทำลายสถิติน็อกเอาต์ได้รวดเร็วที่สุดใน วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ ที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ ทำให้เขาอดที่จะเซอร์ไพรส์และภาคภูมิใจในพัฒนาการของตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
“ผมเซอร์ไพรส์กว่าใครๆ ที่สามารถชนะน็อกได้ตั้งแต่ยกแรก ผมดีใจมาก”
“ทุกคนรอบตัวผมก็เซอร์ไพรส์ ตัวผมเองก็ยังไม่คิดเลยว่าการแข่งขันจะลงเอยแบบนั้น”
หลังจากปิดเกมการแข่งขันได้อย่างน่าประทับใจ มันก็สมควรแล้วที่คู่แข่งขันคนถัดไปของเขาจะต้องอยู่ในอันดับที่สูงขึ้น ซึ่งเมื่อได้รู้ว่าเขาจะต้องเจอกับ อดีตแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต อย่าง เพชรดำ มันทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที
- “เพชรดำ” คืนสังเวียนมวยไทย เรียกความมั่นใจและศรัทธามหาชน
- “เพชรดำ เพชรยินดีฯ” จากนักมวยตัวแถมสู่เวทีแชมป์โลก
- “เพชรดำ เพชรยินดีอะคาเดมี” ยืนหนึ่งนักสู้จอมเอนเตอร์เทนของ วัน แชมเปียนชิพ
“แม้ผมจะชนะ สิงห์ทองน้อย ได้ ก็ยังมีคู่แข่งขันที่แข็งแกร่งกว่ารอผมอยู่ และครั้งนี้ก็เป็นคิวของ เพชรดำ”
“ผมรู้ว่าเมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง ผมจะต้องเผชิญหน้ากับเขา ตอนนี้ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก และตั้งตารอการต่อสู้ครั้งนี้”
เพชรดำ สร้างผลงานโดดเด่นบนเวทีระดับโลกอย่างกับพลุแตก ด้วยการชนะน็อกเอาต์ต่อเนื่องถึง 3 ครั้ง ก่อนที่จะขึ้นชิงชัยเพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้ครองบัลลังก์คิกบ็อกซิ่ง ของรุ่นฟลายเวต
ที่น่าสนใจคือทั้ง โมโมทาโร และ เพชรดำ ต่างก็เป็นนักชกถนัดซ้าย เพียงแต่มีสไตล์การชกที่แตกต่างกัน ซึ่งดาวดังชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า แม้อาวุธจะมาจากฝั่งเดียวกัน และจะต้องปะทะกันอย่างรุนแรง แต่จะไม่มีใครยอมถอยให้ใครอย่างแน่นอน
“การโจมตีด้วยแข้งซ้าย ลูกเตะซ้ายเข้ากลางลำตัวของเขานั้นทรงพลังมาก และเขายังใจสู้อีกด้วย”
แม้ความแข็งแกร่งและชื่อเสียงเรียงนามของ เพชรดำ จะกระฉ่อนไปทั่ว แต่ “โมโมทาโร” กลับไม่มีปัญหาในการต่อสู้ภายใต้ความกดดัน อีกทั้งยังเชื่อว่าเขามีหนทางที่จะคว้าชัยชนะที่กรุงมะนิลามาได้ โดยเฉพาะเรื่องฝีเท้าและความเร็วในการออกอาวุธ รวมถึงการใช้นวมเปิดนิ้ว 4 ออนซ์
“ด้วยนวมแบบนี้ มันจึงเกิดช่องว่าง ซึ่งผมเชื่อว่ามันมีโอกาสเล่นงานคู่ต่อสู้ได้มากกว่า”
“ลูกเตะของผมเป็นอะไรที่พิเศษ ผมตั้งใจที่จะโชว์ให้เห็นถึงความหลากหลาย เพื่อให้คนดูตื่นเต้น ถ้าผมเอาชนะเขาได้ โลกต้องตะลึงแน่ๆ ดังนั้น มันจึงเป็นแรงผลักดันให้ผมตั้งใจฝึกซ้อมอย่างเต็มที่”
มีความเป็นไปได้ว่า โมโมทาโร อาจจะใช้แผนเดิม เหมือนอย่างที่เคยจัดการ สิงห์ทองน้อย ตั้งแต่ยกแรกเมื่อไฟต์ที่แล้ว โดยไม่เปิดโอกาสให้เกมนี้ยืดเยื้อไปจนครบ 3 ยก
“ผมจะเดินเครื่องเร็ว ซึ่งผมคิดว่าเขาก็คงไม่ใช่พวกเครื่องติดช้าเหมือนกัน ดังนั้นเราน่าจะเปิดศึกกันตั้งแต่ยกแรก”
“ผมให้ความสำคัญกับทุกไฟต์ เหมือนว่ามันเป็นไฟต์สุดท้ายของผม ผมจะไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป ผมดีใจที่ได้เผชิญหน้ากับนักสู้ตัวท็อปๆ และผมจะใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด”
อ่านเพิ่มเติม: “เพชรดำ” คืนสังเวียนมวยไทย เรียกความมั่นใจและศรัทธามหาชน
ONE: A FIRE & FURY | มะนิลา, ฟิลิปปินส์ | 31 มกราคม 2563 | 16.30 น. ตามเวลาไทย | รับชมทาง ONE Super APP | ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เวลา 22.40 น.