10 คำถามยิงตรง “ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9” แชมป์โลก ONE ชาวไทยคนที่ 13
คุยแบบเปิดอกกับยอดมวยบุรีรัมย์ “ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9” ในฐานะแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต คนใหม่ป้ายแดงในทุกประเด็นที่แฟนกีฬาอยากรู้
“ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9” เจ้าของฉายา “Kicking Machine (เครื่องจักรนักเตะ)” เปิดใจถึงการขึ้นนั่งบัลลังก์ราชัน ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต (135 ป.) คนล่าสุดและขึ้นทำเนียบเป็นแชมป์โลก ONE ชาวไทยคนที่ 13 อย่างเต็มภาคภูมิ หลังเอาชนะคู่แข่ง “แดเนียล พูแอร์ตัส” ในศึก ONE FIGHT NIGHT 6 เมื่อวันเสาร์ที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ณ อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี
วันนี้ เราอาสาพาไปคุยเจาะใจแชมป์โลกคนใหม่ว่ารู้สึกอย่างไรหลังผ่านอุปสรรคนานัปการนานนับปี กว่าที่จะได้เข็มขัดเส้นนี้มาพาดบ่า
ONE: ความคิดหรือความรู้สึกแรกที่ได้รับการชูมือและรับเข็มขัดมาพาดบ่าคืออะไร
ซุปเปอร์เล็ก: ความรู้สึกแรกของผมคือผมฝันไปหรือเปล่า ผมยังไม่เชื่อเลยว่าเราได้จริง ๆ พอได้นั่งทบทวนจากที่ผ่านมา วันนั้นผมมีความสุขมาก มันตื้นตันไปหมดเลยครับ
ONE: ชัยชนะครั้งนี้ยิ่งใหญ่และสำคัญต่อ “ซุปเปอร์เล็ก” อย่างไรบ้าง
ซุปเปอร์เล็ก: มันเป็นการชิงแชมป์โลก วัน แชมเปียนชิพ ซึ่งถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดระดับโลก ยิ่งได้มาชกที่เมืองไทยต่อหน้าแฟนมวยชาวไทย มีครอบครัวมาเป็นกำลังใจ มีพ่อแม่มานั่งดูอยู่ในวันที่ผมชิงแชมป์โลก มีแฟนมวยชาวไทยเข้ามาให้กำลังใจในสนามกันเยอะมาก และทุกคนได้เห็นเราประสบความสำเร็จ ทุกคนมีความสุข มันเป็นวันที่ผมตื้นตันและดีใจที่สุดในชีวิตเลยครับ
ONE: พูดถึงเกมการชกบ้าง คิดว่าพอใจในผลงานของตัวเองมากน้อยแค่ไหน
ซุปเปอร์เล็ก: ผมคิดว่าผมทำได้ดีในระดับหนึ่งครับ ถึงจะไม่ดีที่สุดก็ตาม เพราะก่อนหน้านี้ผมก็เตรียมซ้อมหมัดมาเพื่อรับมือกับคู่แข่งคนนี้ ซึ่งผมคิดว่าจากที่ผมเป็นมวยที่ไม่ค่อยใช้หมัด แต่ผมก็ออกหมัดได้ดีและมีจังหวะที่เราสามารถทำคู่ต่อสู้เซได้ ผมถือว่าผมพอใจครับ
ONE: คิดว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนการชกที่วางไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ หรือมีอะไรที่ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อแก้เกมบ้างในการชกจริง
ซุปเปอร์เล็ก: ก็เหมือนที่เราคาดการณ์ไว้แล้วครับว่าเขาต้องเดินหา แต่สำหรับผมก็จะมีจังหวะเดินบ้าง ถอยบ้าง แต่มีบางครั้งที่ผมก้มมากเกินไป ซึ่งทางเทรนเนอร์ก็เตือนอยู่เหมือนกัน ผมก็ยอมรับว่าประสบการณ์การการชกคิกบ็อกซิ่งของเรายังน้อย ก็ต้องเก็บไปปรับปรุงตรงจุดนี้ครับ
แต่ถ้าพูดถึงผลงานยกต่อยก ผมถือว่าดีนะครับ อย่างยกแรกและยกสอง ผมก็ค่อย ๆ ทำ และผมว่าก็แก้เกมได้ดีตามที่เตรียมมา ยกสามผมเร่งขึ้นมาและมีโอกาสทำได้ ส่วนยกสี่ยกห้า ผมก็มีทั้งผ่อนและเร่งเกม ซึ่งโดยรวมเป็นไปตามแผน แต่ต้องยอมรับว่าไม่ใช่งานง่ายเลยครับ ทั้งเหนื่อยและตื่นเต้น ผมเชื่อว่าตัวเองชนะก็จริง แต่ก็ยังต้องลุ้นจนถึงวินาทีสุดท้ายเลยครับ
ONE: ในยกสาม “ซุปเปอร์เล็ก” มีโอกาสที่จะปิดเกมคู่ต่อสู้ แต่ยังไม่สามารถปิดเกมได้ ช่วยเล่าให้ฟังถึงจังหวะนั้นหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น
ซุปเปอร์เล็ก: จังหวะผมทำได้ แล้วเขาเซ ผมก็ตั้งใจจะปิดเกมให้ได้ในยกนั้นเลย เพราะโอกาสมันมาแล้ว แต่ในช่วงที่เรากำลังเร่งจังหวะปิดเกม เราออกอาวุธเยอะก็จริง แต่กลายเป็นว่าอาวุธเราไม่มีน้ำหนักทำให้คู่ต่อสู้ยังยืนได้และไม่โดนเราน็อกครับ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า แดเนียล เขาสู้มากและทนมากเลยครับ เขาไม่ยอมง่าย ๆ เขาออกอาวุธบวกกันถึงห้ายก ซึ่งทำให้เกมออกมาสนุกครับ
ONE: ในช่วงยก 4 และ 5 จะเห็นว่า “ซุปเปอร์เล็ก” เริ่มผ่อนเกมและเข้าไปกอดคู่ต่อสู้บ่อย ๆ จนกรรมการเตือนและได้รับใบเหลือง ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นและรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำผิดกติกา
ซุปเปอร์เล็ก: จากยกสาม ผมรู้แล้วว่าคู่ต่อสู้ทนอาวุธเราได้ เราก็ต้องอาศัยลูกฉาบฉวย ทำยังไงก็ได้ที่จะป้องกันตัวไม่ให้คู่ต่อสู้เข้ามาโดนตัวเราได้ ผมก็อาจจะมีจังหวะมีไปเกาะคู่ต่อสู้บ้างจนกรรมการเตือน แต่จริง ๆ ผมก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำผิดกติกา เพียงแต่ผมต้องการทำลายจังหวะคู่ต่อสู้และพักระบบหายใจเราเองด้วยครับ ในจังหวะที่ผมโดนใบเหลือง ผมก็บอกตัวเองว่าเราจะไม่ทำอีก เราต้องมีสติ เราโดนอีกไม่ได้แล้วนะ
ONE: ในไฟต์นี้ ไม่ค่อยได้เห็น “ซุปเปอร์เล็ก” ออกอาวุธแข้งขวาซึ่งเป็นลายเซ็นของตัวเองเป็นเพราะอะไร
ซุปเปอร์เล็ก: ผมขอเล่าความจริงเลยนะครับ คือระหว่างซ้อมผมมีอาการบาดเจ็บทำให้ผมเตะไม่ได้ ผมเลยต้องเปลี่ยนรูปแบบการซ้อมใหม่ทั้งหมด โดยหันมาโฟกัสการออกหมัดมากขึ้น เพราะผมมีข้อจำกัดในการใช้แข้ง คือทุกอย่างถูกเปลี่ยนหมดทั้งแผนการซ้อมและแผนการชกในวันนั้น
แต่ระหว่างนั้น ผมก็ซ้อมไปด้วยรักษาตัวไปด้วย ผมไม่หยุด เพราะผมตั้งใจที่จะชนะในไฟต์นี้ ผมไม่ถอนตัว ผมอยากชกในเมืองไทยให้แฟน ๆ ชาวไทยได้ดู และอยากให้รู้ว่าผมสู้เพื่อครอบครัวและคนข้างหลัง
ต่อให้ผมจะเจ็บ แต่ผมยืนสู้ด้วยหัวใจ อย่างน้อย ผมอยากให้ทุกคนเห็นว่าผมสู้เต็มที่แล้ว ตอนนั้น ผมรู้ว่าผมยังไหว ผมจึงตัดสินใจสู้ต่อ เพราะมันไม่ง่ายที่ผมจะได้โอกาสชิงแชมป์โลก ผมจึงมีแรงที่จะกัดฟันสู้ต่อครับ และการได้แชมป์โลกที่ผมตั้งตารอคอยมานาน มันถือว่าคุ้มค่ามากจริง ๆ ครับ
ONE: คิดว่าตัวเองยังมีอะไรต้องปรับปรุงอีกบ้างจากไฟต์ที่ผ่านมา
ซุปเปอร์เล็ก: ก็เรื่องอาการบาดเจ็บนี่ล่ะครับที่ทำให้ผมยังออกอาวุธได้ไม่สุดจริง ๆ ผมคิดว่าผมน่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่อาการบาดเจ็บทำให้ผมกังวล อีกอย่าง ด้วยความประสบการณ์การชกคิกบ็อกซิ่งของผมยังน้อย ผมก็ต้องกลับไปพัฒนาการออกอาวุธในกติกาคิกบ็อกซิ่งให้มากขึ้น ซึ่งผมเชื่อว่าผมสามารถพัฒนาได้อีกครับ
ONE: ตอนนี้ได้ชื่อว่าเป็นแชมป์โลก ONE ชาวไทยคนที่ 13 หากมองย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ความรู้สึกระหว่างการเป็นผู้ท้าชิงกับการได้นั่งบัลลังก์แชมป์โลกตอนนี้มันแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
ซุปเปอร์เล็ก: ผมภูมิใจจนน้ำตาไหลเลยครับ ผมเคยฝันอยากได้แชมป์โลกเหมือนคนอื่น ๆ บ้าง ผมเคยคิดว่าทำไมเส้นทางของคนอื่นถึงได้แชมป์โลกกันง่ายจัง ทำไมผมถึงต้องเหนื่อยและลำบากมากกว่าคนอื่นเขา ตั้งแต่ไฟต์ที่เจอกับ อิเลียส ผมน่าจะชนะแต่ผมไม่ชนะ มาถึงไฟต์กับ พันธ์พยัคฆ์ ก็ไม่ได้ชิงเข็มขัด เพราะทำน้ำหนักไม่ได้ จนมาถึงไฟต์นี้ ผมก็ถามตัวเองว่า เราจะมีวาสนาที่จะได้ครองแชมป์บ้างไหม ผมก็สู้ สู้กับร่างกายตัวเอง เพื่อคว้ามันมาให้ได้ครับ
ส่วนตอนนี้ได้เป็นแชมป์โลกแล้ว ผมรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยครับที่จะรักษาตำแหน่งไว้ แต่ผมตั้งใจแล้วว่าจะรั้งเข็มขัดเส้นนี้ไว้ให้นานที่สุดให้สมกับที่เราผ่านความเหนื่อยยากมานาน ผมต้องกลับมาซ้อมให้หนักกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว ผมต้องรักษาร่างกายให้แข็งแรงเต็มร้อยที่สุด แม้ต้องเหนื่อยต้องหนักกว่าเดิม ผมก็ยอม เพราะกว่าที่เราจะได้มามันไม่ง่ายเลยครับ และผมก็จะไม่ยอมที่จะเสียเข็มขัดนี้ไปง่าย ๆ หมือนกันครับ
ONE: เป้าหมายต่อไปจากนี้ใน ONE คืออะไร
ซุปเปอร์เล็ก: ผมก็ตั้งใจป้องกันแชมป์ให้นานที่สุดครับ และผมมองว่ามีโอกาสสูงที่จะได้ รถถัง เป็นผู้ท้าชิงคนต่อไป แต่ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะขึ้นไปชิงเข็มขัดมวยไทยกับเขาก่อน เพราะผมก็เพิ่งชนะ พันธ์พยัคฆ์ มา ผมน่าจะได้สิทธิ์ชิงแชมป์โลกมวยไทยกับเขาก่อนครับ