ไม่ได้มีดีแค่ศอกกลับ “อาลีฟ” แง้มมีอาวุธลับไว้บู๊ “ราชเดช” สานฝันสู่ศึกใหญ่ ONE
“อาลีฟ” กำลังห้าวได้ใจพร้อมโชว์อาวุธแม่ไม้มวยไทยให้แฟนมวยได้ดูแบบต่อเนื่อง ขอรับน้องถอนแค้น “ราชเดช” ให้อยู่หมัด สร้างโอกาสเป็นอีกหนึ่งนักสู้ร่วมลุ้นไปลุยศึกใหญ่ ONE ให้ได้
“อาลีฟ ส.เดชะพันธ์” นักมวยจอมซ่าวัย 19 ปี ลูกครึ่งไทย-มาเลเซีย เปิดตัวโชว์ทีเด็ดศอกกลับชนะทีเคโอยกสอง “ฤทธิเดช เกียรติทรงฤทธิ์” ในศึก ONE ลุมพินี 13 พร้อมรับโบนัส 3.5 แสนบาท กลับมาด้วยความมุ่งเจอคู่ปรับเก่า “ราชเดช ส.เพชรจำรัส” มวยซ้ายเหลี่ยมดี วัย 21 ปี จากอุตรดิตถ์ ที่จะลงประเดิมสู้ศึก ONE ลุมพินี 24 ในกติกามวยไทย พิกัดแคตช์เวต (119 ป.) วันศุกร์ที่ 7 ก.ค.นี้
นักมวยลูกครึ่ง “อาลีฟ” เกิดที่มาเลเซีย คุณพ่อเป็นคนไทยที่มีพื้นเพเป็นคนจังหวัดนราธิวาส ส่วนคุณแม่เป็นชาวมาเลเซีย เขาเติบโตมากับค่ายมวยของพ่อ ได้รับถ่ายทอดวิชามวยตั้งแต่อายุ 5 ขวบ จากนั้นไม่นานได้เริ่มชกมวยครั้งแรกโดยส่วนใหญ่ “อาลีฟ” มักเก็บตัวฝึกซ้อมในฝั่งมาเลเซีย เมื่อมีโปรแกรมชกจึงจะข้ามฟากมาที่ไทย
ก่อนหน้านี้ “อาลีฟ” เน้นเดินสายตามเวทีมวยภูธรเป็นหลัก ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันนั้นได้มีโอกาสขึ้นมาชกที่กรุงเทพฯ ด้วย ทำให้เจ้าตัวเริ่มรู้สึกจริงจังกับอาชีพนักมวยมากขึ้น จนกระทั่งอายุ 14 ปี ได้โอกาสมาปักหลักที่ไทยเต็มตัว ด้วยการย้ายมาสังกัด ค่ายส.เดชะพันธ์
แม้จะอายุยังไม่ถึง 20 ปี แต่ “อาลีฟ” ถือว่าฝีมือไม่ธรรมดา การันตีด้วยรางวัลต่าง ๆมากมาย โดยคว้าเหรียญทองมวยไทยสมัครเล่นโลกสองสมัยซ้อนในปี 2564 และ 2565 รุ่น 54 กก., เหรียญทองมวยไทยสมัครเล่น รุ่น 54 กก.จากการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ปี 2564 รวมถึงเคยเป็นนักกีฬายอดเยี่ยมของมาเลเซียในปี 2565 ด้วย เรียกได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเจ้าตัวมุ่งมั่นตั้งใจที่แจ้งเกิดใน ONE ลุมพินี และเดินตามรอยไอดอลในดวงใจ “ตะวันฉาย พีเค.แสนชัยมวยไทยยิม” สู่เวทีระดับโลก
หลังเปิดตัวได้น่าประทับใจในไฟต์แรก “อาลีฟ” กลับมาโชว์ผลงานในศึก ONE ลุมพินี อีกครั้ง โดยเจ้าตัวมั่นใจว่าครั้งนี้ว่าการปรับตัวทุกอย่างเริ่มดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะเรื่องของการทำน้ำหนักที่พร้อมสู้ในพิกัดที่เหมาะสม รวมถึงอาวุธเด็ดแม่ไม้มวยไทยที่เตรียมมาทั้งคลังแสงเพื่อให้แฟน ๆ ได้ชมอย่างจุใจ
“ไฟต์แรกที่เจอ ฤทธิเดช ผมยังทำน้ำหนักได้ไม่ค่อยดี ต้องขยับไปเจอคู่ชกที่ 116 ป. ส่วนไฟต์นี้ผมเตรียมขึ้นชกที่น้ำหนัก 119 ป. ถือว่ากำลังพอดีครับ ส่วนเรื่องอาวุธศอกกลับ ผมเตรียมพร้อมซ้อมมาตลอด ที่ปล่อยใส่น็อกคู่ชกได้ในวันนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน ตอนนี้ถือว่าปรับตัวได้ดีขึ้นมากครับ เพราะผมซ้อมกับนวมเล็กมาตลอด ไฟต์นี้ผมพร้อมโชว์ผลงานออกมาให้ดุดันกว่าเดิมครับ”
นอกเหนือจากการฝึกซ้อมอย่างหนักแล้ว สิ่งที่ทำให้ “อลีฟ” รู้สึกมั่นใจคือความผูกพันเหนียวแน่นของเพื่อนพี่น้องร่วมค่ายที่ทำให้ต่างฝ่ายต่างมีกำลังใจเต็มเปี่ยมในพัฒนาฝีมือเพื่อการขึ้นชกแต่ละไฟต์ เช่นเดียวกับรอบนี้ที่ “อาลีฟ” ได้รับแรงบันดาลใจที่ดีจากทั้งรุ่นพี่ รวมถึงทีมเทรนเนอร์ที่เป็นแรงผลักดันให้เขามุ่งมั่นพัฒนาตัวเองให้แกร่งขึ้นในทุกวัน
“ก่อนหน้านี้นักมวยจากค่ายที่ไปชกในรายการ ONE ลุมพินี ต่างได้รับชัยชนะและคว้าโบนัสมาครองได้ทั้งหมด ทำให้ผมมีแรงฮึดมากขึ้นอยากทำตามให้ได้ ซึ่งสุดท้ายก็ทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ ทุกคนในค่ายต่างสนิทสนมกันสามารถพูดคุยปรึกษากันได้หมดครับ ส่วนทางทีมงานโค้ชได้เน้นเสริมอาวุธเข่ามาให้ นอกจากนั้นยังมี ‘หมัดซูเปอร์แมน’ ที่ผมได้เตรียมไว้ส่วนจะเป็นยังไงเอาไว้รอดูกันบนเวทีครับ”
“อาลีฟ” เคยเสียท่าพ่ายคะแนน “ราชเดช” ในการเจอครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 ม.ค.65 กลับมารอบนี้จึงขอเน้นแก้ตัวศึกษาทางคู่ชกมาอย่างละเอียด หวังเดินหน้าเก็บชัยต่อเนื่องเพื่อทำให้พ่อแม่ภูมิใจ รวมถึงเป้าหมายใหญ่สำคัญคืออยากได้รับโอกาสไปลุยศึกใหญ่ ONE ให้ได้
“จุดแข็งของ ราชเดช คือมีลูกเตะซ้ายที่น่ากลัวครับ ส่วนจุดอ่อนคือเขาโดนหมัดไม่ค่อยได้ ถ้าโดนเยอะแล้วอาการไม่ค่อยดีครับ ผมคิดว่าไฟต์นี้รูปเกมออกมาสนุก พร้อมเดินลุยใส่เต็มที่มีอาวุธเด็ดทั้งศอกและเข่ามาให้ดูกันแน่นอน ถ้าได้โบนัสอีกครั้งผมจะเก็บสะสมเอาไว้สร้างบ้านที่มาเลเซียให้พ่อกับแม่ครับ เพราะชีวิตส่วนใหญ่ของผมยังอยู่ที่นั้น ส่วนเป้าหมายสูงสุดของผมคืออยากได้แชมป์โลก ONE ครับ”
สำหรับศึก ONE ลุมพินี 24 วันศุกร์ที่ 7 ก.ค.นี้ แฟนกีฬาชาวไทยสามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง THAI TICKET MAJOR คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น. รับชมการถ่ายทอดสดทาง Watch.ONEFC.com (บางประเทศ), Facebook & YouTube ONE (บางประเทศ) และทางช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) เริ่ม 20.30 น.