หักแน่ถ้าไม่แท็ป “ยอดไก่แก้ว” ยอมรับความพ่ายแพ้ เล็งเปลี่ยนแผนข้ามชกมวยไทย-คิกบ็อกซิ่ง
นักสู้จอมซ่าขาแดนซ์ “ยอดไก่แก้ว” เปิดอกยอมรับความพ่ายแพ้ หลังยังไม่สามารถคืนฟอร์ม แพ้รวดใน 4 ไฟต์หลังสุด เล็งหยุดเส้นทางการต่อสู้แบบผสมผสาน คืนรังกติกามวยไทยที่ถนัด
“Y2K” ยอดไก่แก้ว แฟร์เท็กซ์ ออกมายอมรับว่าผิดหวังกับผลงานในไฟต์ล่าสุดในศึก ONE 162: จาง vs โจนาธาน เมื่อวันศุกร์ที่ 21 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวเผยว่าต้องยอมจำนนแม้จะเพิ่งเริ่มยกแรก เพราะหากฝืนสู้ต่อคงต้องเจ็บตัว เปรยอยากพักเส้นทางการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) ไว้ก่อนและพร้อมกลับคืนสู่สายมวยไทยที่ถนัด
หลังจากโชว์ได้ไม่ดีนักใน 3 ไฟต์ก่อนหน้านี้ “ยอดไก่แก้ว” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนักสู้ชาวไทยในสาย MMA เพียงไม่กี่คน ได้โอกาสกลับคืนสังเวียน ONE อีกครั้ง โดยเผชิญหน้ากับนักสู้สายแข็งจากแดนอิเหนา “เอโก โรนี ซาปูตรา” โดยเขาหวังจะกลับมาแจ้งเกิดในสาย MMA อีกครั้ง
แต่ฝันก็ต้องสลายกลายเป็นผง เมื่อ “ยอดไก่แก้ว” ถูกคู่แข่งซับมิชชินด้วยท่าฮีลฮุก (ล็อกข้อเท้า) จนดิ้นไม่หลุดและต้องยอมแท็ปเอาต์ในนาทีที่ 2:16 ของยกแรกเท่านั้น ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าตั้งตัวไม่ทันสำหรับการโจมตีอันรวดเร็วของคู่ต่อสู้
นอกจากนี้ “ยอดไก่แก้ว” ก็ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจว่า “โอเก โรนี” จะใช้ท่าฮีลฮุกนี้เผด็จศึก ซึ่งถือเป็นท่าซับมิชชันสุดอันตรายที่ใครโดนเข้าไปจำเป็นต้องยอมแท็ปเอาต์อย่างไว เพราะหากแก้ท่าไม่ได้และยังฝืนสู้ อาจเป็นอันตรายถึงขั้นกระดูกข้อต่อหัก
“ผมรู้อยู่แล้วครับว่า เขาจะมาเล่นเกมนอนกับผมแน่ ยกแรกก็วางแผนว่าจะป้องกันการเทกดาวน์ของเขาให้ได้ ผมคิดว่าเขาคงยังไม่ผลีผลามเข้าจู่โจม น่าจะรอตั้งรับก่อน แต่พอเอาเข้าจริง เขากลับเปิดเกมบุกอย่างรวดเร็ว ทำให้ผมยังไม่ทันได้ระวังตัว และใช้ท่าล็อกข้อเท้าผม ซึ่งผมต้องรีบแท็ปครับ เพราะถ้าฝืนต่อ มีหวังกระดูกข้อต่อผมหักแน่”
“จริง ๆ ถ้าผมตั้งรับทัน ท่านี้มันก็มีวิธีแก้ แต่ในจังหวะนั้น เขาล็อกติดพอดิบพอดี ทำให้ผมดิ้นไม่หลุดแล้วครับ ก็จำเป็นต้องขอยอมแพ้ไป ผมก็รู้สึกเสียใจมาก ๆ ครับ เพราะผมยังไม่ทันได้แสดงฝีมืออะไรเลย”
“ยอดไก่แก้ว” ยอมรับว่าความพ่ายแพ้ติดต่อกันถึง 4 ไฟต์รวด ทำให้เขารู้สึกท้อใจที่ยังไม่สามารถกู้ฟอร์มการชกกลับมาได้ ทำให้ต้องมาคิดทบทวนถึงอนาคตตนเองบนเส้นทางสายนี้ โดยเผยว่าอยากจะหยุดตัวเองในกติกา MMA ไว้ก่อน พร้อมเล็งเปลี่ยนแผนข้ามมาชกในกติกามวยไทยหรือคิกบ็อกซิ่งที่ตนถนัดกว่า
“ตอนนี้ ก็ยอมรับว่าท้อครับ แพ้มาแล้ว 4 ไฟต์ มันทำให้ผมไม่มีความมั่นใจว่าผมจะได้ไปต่อในสาย MMA อีกหรือเปล่า ผมก็เลยอยากเปลี่ยนสายมาลงแข่งมวยไทยหรือคิกบ็อกซิ่งบ้าง ผมว่าเป็นทางที่ผมถนัดมากกว่าครับ”
สำหรับ “ยอดไก่แก้ว” ก่อนที่เขาจะเบนเข็มไปเอาในสาย MMA หนุ่มพิจิตรรายนี้ก็เริ่มต้นจากการฝึกฝนมวยไทยและไต่เต้าตั้งแต่สังเวียนระดับท้องถิ่นจนสร้างความสำเร็จสูงสุดด้วยการคว้าแชมป์มวยไทยในรายการใหญ่ของประเทศมาแล้ว ไม่น่าแปลกใจที่เขาอยากกลับหวนคืนสู่สิ่งที่รักและคุ้นเคยอย่างดี
โดยเจ้าตัวเผยว่าหากได้โอกาสกลับมาในสายมวยไทยหรือคิกบ็อกซิ่ง น่าจะพอมีลู่ทางไปได้ไกลกว่าสาย MMA ที่เขาเพิ่งได้สัมผัสและฝึกฝนได้ไม่นานพอ และคงจะกู้ความมั่นใจกลับมาระดับหนึ่ง ซึ่งเขาก็เผยว่าหากเป็นเรื่องหมัดมวยแล้ว ขอสู้ตายและพร้อมเจอกับทุกคนในรุ่นฟลายเวต
“ถ้าผมได้ข้ามสายมาชกมวยไทยหรือคิกบ็อกซิ่ง ผมรู้สึกมั่นใจกว่า แม้จะมีสายแข็งเต็มไปหมดในรุ่นนี้ ผมก็ไม่กลัวครับ เพราะถ้าเป็นเรื่องมวย ผมสู้ได้ทุกคนครับ”
จากนี้ แฟนกีฬาคงต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีความเป็นได้มากน้อยแค่ไหนที่ “ยอดไก่แก้ว” จะได้กลับมาเฉิดฉายอีกครั้งในสายมวยไทยอย่างที่เขาตั้งใจไว้
อ่านเพิ่มเติม: