พี่ใหญ่ค่ายกางเกงแดง “เอดูอาร์ด” เมินคำปรามาสว่าขาลง ขอใช้ใจวัดความแกร่ง
“Landslide” เอดูอาร์ด โฟลายัง อดีตแชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวต โดนบรรดาเกรียนสบประมาทว่าแก่บ้าง ขาลงบ้าง ศึกนี้จึงขอใช้ใจวัดความแกร่ง ต้านความแรงทั้งจากภายนอกและในสังเวียน เพื่อหวนคืนสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้งในศึก ONE: BATTLEGROUND II ซึ่งเขาจะเปิดศึกรับน้องไฟแรงจากแดนมังกร “จาง หลีเผิง” ซึ่งเป็นเทปการแข่งขัน ออกอากาศในวันศุกร์ที่ 13 สิงหาคมนี้
เอดูอาร์ด พี่ใหญ่วัย 37 ปีแห่งค่ายกางเกงแดง “ทีมลาไคย์” จากแดนตากาล็อก ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในเจ้าตำนานศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานของฟิลิปปินส์ และเป็นหนึ่งในนักสู้สุดเก๋าของรุ่นไลต์เวต
แม้ระยะหลังมานี้ เอดูอาร์ด จะโชว์ผลงานไม่เข้าตา ด้วยการแพ้รวด 3 ไฟต์หลัง แต่เขายังเชื่อว่าจะสามารถกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในรุ่นนี้ได้อีกครั้ง ด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งและไม่ยอมแพ้
อดีตแชมป์วูซูจากฟิลิปปินส์เคยอยู่ในจุดรุ่งเรืองสูงสุดบนเวที ONE หลังโค่นเจ้าบัลลังก์ชาวญี่ปุ่น “ชินยะ อาโอกิ” ในเดือนพฤศจิกายน 2559 และอีก 6 เดือนต่อมา เขาก็ป้องกันแชมป์ครั้งแรกไว้ได้จากผู้ท้าชิงรุ่นน้องชาวมาเลเซีย “เอฟ ทิง”
เอดูอาร์ด นอนกอดเข็มขัดได้ปีเดียว เดือนพฤศจิกายน 2560 เขาก็ถูกนักสู้หัวแถวชาวเวียดนาม-ออสเตรเลีย “มาร์ติน เหงียน” กระชากเข็มขัดไป แต่ด้วยชัยชนะสองนัดติดต่อกันหลังจากนั้น จึงส่งให้เขาได้สิทธิ์ชิงแชมป์โลกในรุ่นนี้อีกครั้ง หลังจาก มาร์ติน สละแชมป์ในปี 2561
เอดูอาร์ด กลับมาผงาดบนบัลลังก์แชมป์โลกได้สมใจ เมื่อซิวชัยอย่างเป็นเอกฉันท์เหนือ “อาเมียร์ ข่าน” จากสิงคโปร์ ในเดือนพฤศจิกายน 2561 แต่น่าเสียดายที่ 4 เดือนต่อมา อดีตคู่ปรับอย่าง ชินยะ ก็กลับมาสางแค้นและแย่งเข็มขัดกลับคืนไป หลังจากนั้น เอดูอาร์ด ก็พบกับความพ่ายแพ้เป็นส่วนใหญ่บนสังเวียน
ในวัย 37 ปีวันนี้ เอดูอาร์ด ต้องเผชิญกับคำวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ นานา ว่าเขาอยู่ในช่วงขาลง และควรยุติอาชีพนักสู้เพียงเท่านี้ แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวตลอด 15 ปีบนเส้นทางนักสู้อาชีพ เขาชาชินกับคำสบประมาทเหล่านั้น และเชื่อว่าหากหัวใจไม่ยอมแพ้ สักวันจะได้ลิ้มรสชัยชนะอันหอมหวาน เหมือนอย่างที่เขาเคยทำได้หลายครั้งที่ผ่านมา
การเผชิญหน้ากับนักสู้ขวัญใจแดนมังกร “จาง หลีเผิง” ในศึกนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งบททดสอบที่จะวัดความเข้มแข็งของจิตใจมากกว่าความแข็งแกร่งด้านร่างกาย เพราะเขาต้องการจะเอาชนะใจตัวเองจากความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อไปต่อให้ถึงจุดหมายที่ตั้งไว้
“การแข่งขันครั้งนี้มีความสำคัญต่ออาชีพของผม เพราะจนถึงตอนนี้ผมก็ยังทำผลงานไม่ค่อยดีนัก ผมจึงต้องชนะให้ได้ เพื่อขึ้นมาอยู่แถวหน้าและคว้าชัยชนะครั้งแรกของปีให้ตัวเอง”
“ทัศนคติคือสิ่งสำคัญ สิ่งที่ดีที่สุดที่ผมทำได้ คือการโฟกัสและมองในแง่ดี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มันจะไม่เป็นตัวกำหนดผม จงอย่าล้มเลิก เพื่อเข้าใกล้สู่จุดหมายที่ผมอยากไปให้ถึง”
อดีตราชันต์รุ่นไลต์เวตเตรียมตัวอย่างหนักในการศึกษาคู่ต่อสู้รุ่นน้องหน้าใหม่ ที่ฝีมือไม่ใช่ใหม่อย่าง จาง เขาเป็นเจ้าของสถิติ ชนะ 30 แพ้ 11 เสมอ 2 และหากนับประวัติการต่อสู้ใน 24 นัดครั้งหลังสุด มีคำว่าแพ้ถูกบันทึกไว้เพียง 2 ครั้งเท่านั้น
อ่านเพิ่มเติม: