รู้จักนักมวยท่ายาก “จ้าวเสือใหญ่” ผู้พาแม่ไม้มวยไทยไปดังไกลถึงต่างแดน
พาไปทำความรู้จัก “จ้าวเสือใหญ่” เด็กหนุ่มไฟแรงผู้มี “จา พนม” เป็นต้นแบบทำให้หลงใหลในศิลปะแม่ไม้มวยไทย ก่อนนำมาปรับใช้พร้อมพาชื่อเสียงให้โด่งดังไกลถึงต่างแดน
“จ้าวเสือใหญ่ ส.เดชะพันธ์” มวยหนุ่มอาวุธเก่งเข่าลอย วัย 21 ปี จากเมืองหลวง กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างหลังโชว์ศิลปะแม่ไม้มวยไทยบนสังเวียนจนไปเตะตาชาวต่างชาติ พร้อมมีรางวัลระดับประเทศการันตีฝีมือ โดยเตรียมเปิดตัวประกบคู่กับ “เพชรสุขุมวิท บอยบางนา” ในกติกามวยไทย รุ่นฟลายเวต (125 – 135 ป.) ขึ้นป้ายคู่เอกของศึก ONE ลุมพินี 20 วันศุกร์ที่ 9 มิ.ย.นี้
ในวัยเด็ก “จ้าวเสือใหญ่” หรือ “ปริ๊น” เด็กชาย ปิยะชาติ ช่วงสุพล ใช้เวลาว่างกับเพื่อน ๆ เข้าไปดูการซ้อมมวยที่ยิมในมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษมที่อยู่ใกล้บริเวณบ้านอยู่เป็นประจำ จนวันหนึ่งได้มีรุ่นพี่ที่เห็นหน้ากันจนชินชักชวนให้ลงใส่นวมชกกระสอบเล่น จากนั้นจึงติดใจต้องซ้อมมวยเป็นประจำทุกวัน
ประกอบกับช่วงนั้นเจ้าตัวชื่นชอบภาพยนตร์ของ “จา พนม” นักแสดงคิวบู๊ชื่อดังมากเป็นพิเศษ เลยมีไอเดียลองนำท่าศิลปะแม่ไม้มวยไทยที่เห็นบนจอยักษ์มาประยุกต์ใช้บนเวทีจริงอยู่เสมอ จากเรื่องสนุกกลายเป็นจริงจัง สุดท้ายท่าไม้ตาย “เข่าลอย” พาเขาเดินทางมาไกลบนสังเวียนนักสู้แบบไม่คาดฝันมาก่อน
การนำเสนอศิลปะแม่ไม้มวยไทยด้วยหัวใจทำให้ “จ้าวเสือใหญ่” ได้มีโอกาสโกอินเตอร์ถึงประเทศญี่ปุ่น รวมถึงได้รางวัล “นักมวยไทยที่ใช้ศิลปะมวยไทยยอดเยี่ยมแห่งปี 2563” ซึ่งเจ้าตัวก็อยากเชิญชวนพี่น้องนักมวยเปิดใจนำอาวุธประจำชาติเไทยไปใช้บนเวทีกันให้มากขึ้น
“ศิลปะแม่ไม้มวยไทยคือศิลปะประจำชาติของเราครับ อยากให้พี่น้องทุกคนที่เป็นนักมวยได้เปิดใจลองนำศิลปะแม่ไม้มวยไทยไปใช้ในการแข่งขันจริงกันให้มากขึ้น ผมไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมาได้ไกลขนาดนี้ ได้ถูกเชิญไปชกที่ประเทศญี่ปุ่น ได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวต่างชาติ ทุกคนชอบท่าเข่าลอยของผมครับ”
นอกจากฝึกฝนหนักด้วยตัวเองแล้ว “จ้าวเสือใหญ่” ยังได้รับการสนับสนุนชั้นดีจากทางค่ายมวยส.เดชะพันธ์ หมั่นลับคมศิลปะแม่ไม้มวยไทยตั้งแต่อายุยังน้อย พร้อมมุ่งมั่นฝึกฝีมือพัฒนาต่อไปได้อีกไกล
“ผมอยู่ที่ค่ายส.เดชะพันธ์มากว่า 15 ปี แล้วครับ ทางค่ายจะคอยหาครูมาฝึกสอนเป็นพิเศษให้ตลอดทำให้เราเรียนรู้ได้ถูกวิธีและออกอาวุธที่ถูกต้อง ตอนนี้จะมี 4 ท่าหลักที่ผมใช้เป็นประจำคือ เข่าลอย, ศอกกลับ, บาทาลูบพักตร์และมอญยันหลัก ผมยังพร้อมเรียนรู้เพิ่มได้อีกเพราะอายุยังน้อย สามารถนำไปต่อยอดได้อีกเยอะครับ”
ตอนนี้ “จ้าวเสือใหญ่” พร้อมเต็มที่แล้วสำหรับการขนอาวุธแม่ไม้มวยไทยครบสูตรมาโชว์บนเวที ONE ลุมพินี ให้แฟนมวยทั่วโลกได้เห็นศิลปะการต่อสู้อันสวยงามและได้รู้จักตัวตนของตัวเองมากขึ้นด้วย
“ผมติดตามดูรายการ ONE ลุมพินี เป็นประจำครับ ไฟต์นี้สำคัญกับผมมากแล้วยิ่งมีการถ่ายทอดไปทั่วโลก ถือเป็นโอกาสดีที่ผมจะได้แสดงศิลปะแม่ไม้มวยไทยให้ทุกคนได้เห็นและได้รู้จักตัวตนของผมมากขึ้น แล้วยิ่งได้ขึ้นป้ายเป็นคู่เอกด้วยยิ่งรู้สึกดีใจมากครับ ครั้งนี้ ผมตั้งใจซ้อมหนักมากกว่าเดิมเพื่อชัยชนะครับ”
“จ้าวเสือใหญ่” เปิดตัวก็เจองานยากอย่าง “เพชรสุขุมวิท” ที่กำลังมาแรงลุ้นเก็บชัยชนะ 4 ไฟต์ติดต่อกัน แต่ยังไงตนก็จะขอทำหน้าที่ให้เต็มที่ รวมถึงขอลุ้นเก็บโบนัสติดมือกลับบ้านไม่ให้น้อยหน้ารุ่นน้องร่วมค่ายด้วย
“พอรู้ว่าคู่ต่อสู้เป็น เพชรสุขุมวิท ผมตื่นเต้นมากครับ จุดเด่นของเขาคือความแข็งแรงและออกอาวุธได้ตลอด ไฟต์นี้ผมเตรียมตัวซ้อมหนักกว่าเดิมหลายเท่าครับ ยังไงผมก็สู้ไม่ถอยแน่นอนและอยากได้โบนัสเหมือนน้อง ๆ ในค่ายที่เคยทำได้ด้วย (ขุนศึก, อาลีฟ) ผมพร้อมจะใช้ศิลปะแม่ไม้มวยไทยที่หลากหลายของผมเก็บชัยชนะในไฟต์นี้ให้ได้ครับ”
สำหรับศึก ONE ลุมพินี 20 วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายนนี้ แฟนกีฬาชาวไทยสามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง THAI TICKET MAJOR คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น. รับชมทาง
- ช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) เริ่ม 20.30 น.
- Watch.ONEFC.com (บางประเทศ)
- Facebook & YouTube ONE (บางประเทศ)