สำเนาถูกต้อง ทำความรู้จัก “ลุค ลิสซีย์” ผู้รับถ่ายทอดเลือดนักสู้จากพ่ออดีตนักชกคิกบ็อกซิ่ง
ย้อนรอยเส้นทางนักสู้ของ “ลุค ลิสซีย์” จากเด็กหนุ่มที่คลุกคลีอยู่กับวงการศิลปะการต่อสู้จนหลงใหลในศิลปะแม่ไม้มวยไทย สู่การเผชิญหน้าความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่บนสังเวียนระดับโลก
อีกเพียงไม่กี่อึดใจ แฟนกีฬาการต่อสู้ทั่วโลกก็จะได้พบกับฝีมืออันจัดจ้านของ “The Chef” ลุค ลิสซีย์ ยอดฝีมือ วัย 27 ปี จากสหรัฐอเมริกา ที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาหวังเปิดตัวสุดปังบนเวทีระดับโลก เผชิญหน้ากับของแข็งอย่าง “Smokin’ Jo” โจ ณัฐวุฒิ นักชกจอมเก๋า วัย 34 ปี โดยจะประชันฝีมือกันในกติกามวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) ในศึก ONE Fight Night 17 ถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในช่วงเวลาไพรม์ไทม์อเมริกา ซึ่งตรงกับเวลา 08.00 น. ของวันเสาร์ที่ 9 ธ.ค.66
สำหรับ “ลุค” ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางในฐานะนักกีฬาต่อสู้ดาวรุ่งอนาคตไกลของสหรัฐอเมริกา ด้วยดีกรีและสถิติการชกทั้งในระดับสมัครเล่นและระดับอาชีพอันน่าเกรงขาม ทำให้เขาได้โอกาสก้าวเท้าเข้าสู่สมรภูมิ ONE เพื่อประกาศศักดาให้แฟนกีฬาการต่อสู้ได้รับรู้ถึงพิษสงอันร้ายกาจ แต่กว่าเติบโตมาเป็นนักกีฬาคุณภาพได้ “ลุค” ต้องเผชิญกับอะไรมาบ้าง วันนี้เราขออาสาพาไปทำความรู้จักกับเขาให้มากยิ่งขึ้น
#เลือดนักสู้อยู่ในดีเอ็นเอ
“ลุค” เกิดเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2539 ณ เมืองดูบิวก์ เมืองเล็ก ๆ ทางตะวันตกของรัฐไอโอวา ประเทศสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยนักสู้ในยิม ดูบิวก์ มาร์เชียลอาร์ตส์ กรุ๊ป ที่พ่อของเขาเป็นเจ้าของ โดยพ่อของเขาคือหนึ่งในอดีตนักคิกบ็อกซิ่งระดับอาชีพที่ได้รับการยกย่องจากแฟนมวยทั่วทั้งอเมริกา แถมยังมีความผูกพันอันลึกซึ้งกับศาสตร์กีฬามวยไทย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กหนุ่มอย่าง “ลุค” จะได้รับการปลูกถ่ายจิตวิญญาณการเป็นนักสู้ผ่านพันธุกรรมจากผู้เป็นพ่อ
นอกจากนั้น ด้วยความที่พ่อเป็นเจ้าของยิมมวย จึงทำให้ “ลุค” ได้คลุกคลีกับศิลปะการต่อสู้แทบจะทุกแขนง จนกระทั่งอายุได้ 4 ขวบ เขาก็ตัดสินใจเรียนศิลปะการต่อสู้อย่างจริงจัง ด้วยความหวังของผู้เป็นพ่อที่อยากให้ลูกชายคนนี้เจริญรอยตามในเส้นทางสายนักสู้
“ผมเกิดที่ไอโอวา เมืองที่มีทุ่งข้าวโพดล้อมรอบ และโตมากับพ่อที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม พ่อของผมเป็นนักสู้มืออาชีพ เลยทำให้ผมได้โอกาสฝึกศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ความทรงจำส่วนใหญ่ในวัยเด็กของผมมีแต่เรื่องศิลปะการต่อสู้ และยิมของพ่อ ผมโตมาพร้อมกับพ่อที่ฝึกฝนลูกชายให้ทำในสิ่งที่เขารัก และนั่นคืองานชิ้นสำคัญของชีวิตผม”
#ค้นพบเส้นทางลูกผู้ชาย
ในช่วงชีวิตนักเรียนชั้นมัธยม “ลุค” เป็นเหมือนเด็กหนุ่มทั่วไปที่ชอบเล่นกีฬาหลายชนิดทั้งวิ่งแข่งหรือแม้กระทั่งกีฬายอดนิยมอย่างฟุตบอล แต่ถึงกระนั้นชีวิตของเขาก็ยังทุ่มเทให้กับการฝึกมวยไทยทุกวัน ภายใต้การถ่ายทอดวิชาอันเข้มงวดจากผู้เป็นพ่อ โดยเขาเองก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าอยากจะเก่งที่สุดในยิมแห่งนี้ให้สมศักดิ์ศรีทายาทเจ้าของยิม
กระทั่งเมื่อเข้าสู่ช่วงวัย 16-19 ปี “ลุค” เริ่มฉายแววอัจฉริยะนักสู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ จากการคว้าชัยเหนือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งและมากประสบการณ์กว่าเขามากหน้าหลายตา ทำให้ “ลุค” มีความมั่นใจว่าสามารถเอาดีในการเป็นนักสู้ระดับอาชีพได้
“ผมโดนอัดจนน่วมในยิมของตัวเอง และผมก็ไม่คิดที่จะหยุด เพราะผมคิดว่าจะต้องเก่งที่สุดในยิมของพ่อให้ได้ สุดท้ายผมก็กลายเป็นคนที่เก่งที่สุดในยิมของพ่อมาโดยตลอด แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าอวดสักเท่าไหร่หรอกครับ”
“แต่นี่คือสิ่งที่ผมอยากทำ ผมอยากเป็นนักสู้มืออาชีพ มันเป็นเหมือนแรงผลักดันที่กระตุ้นให้ผมต้องทำให้ดีที่สุดของที่นั่นในเวลานั้น ต่อมา ผมก็ชนะน็อกครั้งแรก และในช่วงอายุ 16 ถึง 19 ปี ผมก็เริ่มน็อกคู่ต่อสู้เป็นว่าเล่น และทำให้ผมเริ่มแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ”
#บทเรียนมีค่าในช่วงเวลายากลำบาก
ไม่นานนัก “ลุค” ก็สร้างสถิติในระดับสมัครเล่นได้อย่างน่าประทับใจ โดยคว้าแชมป์รายการใหญ่ของสมาคมมวยไทยมากถึง 13 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จทั้งหมดทั้งมวลที่ได้มามีราคาที่เขาต้องจ่าย ในขณะที่เพื่อน ๆ ของเขาใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานตามประสาวัยรุ่น แต่ “ลุค” ต้องตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อมเพื่อเตรียมสำหรับการแข่งขันอย่างสาหัสสากรรจ์เป็นประจำทุกสัปดาห์ แม้จะพลาดการใช้ชีวิตสนุกสนานช่วงวัยรุ่น แต่เมื่อมองย้อนกลับไป “ลุค” กลับรู้สึกภูมิใจที่ได้เสียสละสิ่งเหล่านั้นเพื่อสานฝันชีวิตนักสู้
“ทุกคืนวันศุกร์ และเช้าวันเสาร์ ผมจะอยู่ที่ยิม แต่อีกใจหนึ่งผมก็อยากจะออกไปปาร์ตี้ตามแบบฉบับของชาวดูบิวก์ ทุกคนที่นั่นชอบดื่มและปาร์ตี้ อย่างน้อยผมก็อยากจะปล่อยตัวใช้ชีวิตเหมือนคนปกติสักหน่อย แต่พอมองย้อนกลับไป ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่งี่เง่าสิ้นดี ผมดีใจจริง ๆ ที่ไม่ได้ทำอย่างนั้น”
#ค้นพบสไตล์การชกของตัวเอง
“ลุค” เริ่มเทิร์นโปรในระดับอาชีพช่วงปี 2563 เขาใช้เวลาสองปีในการฝึกซ้อมอยู่นอกเมืองดูบิวก์ซึ่งห่างไกลจากพ่อของเขา แม้เป็นช่วงเวลาที่สุดแสนจะลำบาก แต่มันก็ทำให้เขาได้พัฒนาและค้นพบรูปแบบสไตล์การชกที่เป็นของตัวเอง โดยปราศจากการชี้นำของผู้เป็นพ่อ
“ผมต้องการออกไปค้นหาสไตล์ของตัวเอง และกำลังต่อสู้อย่างที่พ่อต้องการ นี่เป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุด แต่มันก็ช่วยทำให้ผมเติบโตขึ้นมากในช่วงเวลาดังกล่าว ผมคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าตัวเองอยากลงแข่งขนาดไหน แต่ที่รู้ก็คือถึงเวลาที่ผมต้องเลิกเป็นลูกแหง่ติดพ่อแล้ว และในที่สุดผมก็กลายเป็นลูกผู้ชายอย่างเต็มตัวครับ”
#ความเป็นพ่อช่วยปลุกไฟนักสู้
หลังจากฝึกฝนและอุทิศตนอย่างหนักให้กับกีฬาการต่อสู้มาอย่างยาวนาน “ลุค” ยอมรับว่าเขามีช่วงเวลาที่รู้สึกหมดไฟและอยากหันหลังให้กับเส้นทางสายนักสู้ แต่ทว่าความคิดดังกล่าวได้ถูกลบออกจากสมองของเขาไปทันที หลังให้กำเนิดลูกสาวและลูกชาย ซึ่งถือเป็นการจุดประกายไฟนักสู้อีกครั้งซึ่งจะผลักดันเขาให้ก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่บนสังเวียน
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับ “ลุค” คือความมุ่งมั่นที่อยากพิสูจน์ตัวเองให้คนทั่วโลกได้รับรู้ว่าหนุ่มจากเมืองดูบิวก์รายนี้ สามารถต่อกรกับหนึ่งในนักชกฝีมือดีที่สุดของไทยอย่าง “โจ ณัฐวุฒิ” ได้ ซึ่ง ณ เวลานี้ เขาพร้อมแล้วที่จะเปิดตัวใน ONE องค์กรศิลปะการต่อสู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่เขาตั้งตารอมานาน
“ผมว่าผมขาดแรงจูงใจมาพักหนึ่งแล้วเพราะว่าผมอยู่กับมันมาทั้งชีวิต แต่ไฟในตัวผมกลับมาอีกครั้งนับตั้งแต่วันที่ผมให้กำเนิดลูกสาวและลูกชาย เมื่อผมกลายเป็นพ่อคน ผมเริ่มเห็นแสงสว่างว่าผมจะต้องยืนอยู่ในจุดไหนของวงการมวยไทย ยิ่งไปกว่านั้นการที่ได้รับความสนใจจาก ONE มันทำให้ผมเริ่มกลับมาตกหลุมรักมันอีกครั้ง”
“อาจจะฟังดูงี่เง่าอยู่สักหน่อย แต่ผมอยากหาเงินให้ลูก ๆ ผมมาจากเมืองเล็ก ๆ การได้ชกมวยไทยและมีแรงสนับสนุนจากลูก ๆ มันเจ๋งสุด ๆ ไปเลยครับ”
ติดตาม “ลุค vs โจ” ในศึก ONE Fight Night 17 ถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) วันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2566 เริ่มคู่แรกเวลา 08.00 น. รับชมทาง
- ช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) เริ่ม 10.00 น.
- เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand เริ่ม 08.00 น.
- ยูทูบ ONE Championship (บางประเทศ) เริ่ม 08.00 น.
- Watch.ONEFC.com (บางประเทศ) เริ่ม 08.00 น.
- จองบัตรเข้าชมที่สนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) THAI TICKET MAJOR