กะเทาะชีวิต “นาตาเลีย ดิอาซโควา” นักกีฬา ONE ลุมพินี ผู้คว้าสัญญารายที่ 13
เชื่อว่านาทีนี้คงไม่มีแฟนกีฬาการต่อสู้ท่านใด ไม่รู้จักชื่อของ “นาตาเลีย ดิอาชโควา” สาวสุดแกร่ง วัย 29 ปี จากรัสเซีย หลังทำสถิติเก็บชัยชนะ 4 ไฟต์รวด จนสามารถพิชิตความฝัน กลายเป็นนักกีฬาคนที่ 13 จากศึก ONE ลุมพินี ที่เอาชนะใจบอส “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” คว้าสัญญานักกีฬา ONE มูลค่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.5 ล้านบาท) มาครองได้สำเร็จ หลังจากที่เอาชนะน็อก “เชลลินา ชิริโน” นักสู้สาวจาก คูราเซา-เนเธอร์แลนด์ ในศึก ONE ลุมพินี 55 เมื่อค่ำคืนวันศุกร์ที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา
แต่ทว่าเส้นทางนักสู้ของ “นาตาเลีย” ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะที่ผ่านมาเธอต้องเผชิญกับหลากหลายเรื่องราวที่เข้ามาในชีวิตที่หล่อหลอมให้เธอต้องยืนหยัดด้วยตนเอง ซึ่งตอนนี้ เธอเป็นหญิงแกร่งอีกรายแห่งวงการมวยไทยที่ใครจะประมาทไม่ได้ เพื่อรู้จักกับเธอให้มากขึ้นวันนี้ เราจะขออาสาพาไปย้อนดูเส้นทางตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการฝึกมวยไทย จนเข้ามาพิสูจน์ตัวเองแจ้งเกิดในศึก ONE ลุมพินี
#เลือกมวยไทยให้พ่อได้ภูมิใจ
สำหรับ “นาตาเลีย ดิอาชโควา” เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2537 ที่เมืองเปโตรซาวอดสค์ ทางตะวันตกของประเทศรัสเซีย ในครอบครัวที่มีฐานะระดับปานกลาง พ่อของเธอหมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างมากที่จะได้ลูกชาย แต่สุดท้ายกลายเป็นเธอที่ออกมาลืมตาดูโลก ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเลือกที่จะเป็นนักกีฬาศิลปะการต่อสู้ เพื่อหวังทำให้ผู้เป็นพ่อได้ภาคภูมิใจ และชดเชยความผิดหวังที่ฝังลึกในหัวของเธอมาโดยตลอด
“พ่อของฉันอยากได้ลูกชายมาก ๆ เขาถึงขั้นห่อตัวฉันด้วยผ้าสีน้ำเงินตอนพาฉันออกจากโรงพยาบาล ซึ่งตามธรรมเนียมแล้วสีน้ำเงินเป็นสีของเด็กผู้ชาย ที่ผ่านมาพ่อไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตาเลย ฉันเลยเลือกทำตัวเหมือนเด็กผู้ชาย และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันเลือกที่จะเป็นนักกีฬามวยไทยอาชีพเพื่อให้พ่อได้ภาคภูมิใจค่ะ”
#ช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดในชีวิต
หญิงสาววัย 12 ปี นามว่า “นาตาลี” ทุ่มเทให้กับการเป็นนักกีฬามวยไทยอย่างสุดความสามารถ หลังจากเธอฝึกฝนศาสตร์แห่งอาวุธทั้งแปดได้เพียง 3 เดือน พ่อของเธอตัดสินใจพาไปลงแข่งขันในเวทีระดับสมัครเล่นซึ่งเป็นการขึ้นสังเวียนจริงครั้งแรกในชีวิตของเธอ แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อเธอตกเป็นฝ่ายปราชัย ยิ่งไปกว่านั้นภายหลังจากความพ่ายแพ้เพียง 2 สัปดาห์ พ่อของเธอก็มีอันต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ นับเป็นช่วงเวลาที่แสนเจ็บปวดยากที่จะลืมเลือน
“ฉันเริ่มฝึกมวยมาตั้งแต่อายุ 12 ปี หลังจากฝึกได้เพียงแค่ 3 เดือน คุณพ่อก็พาฉันไปลงแข่งครั้งแรก แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะฉันแพ้ค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากความปราชัยของฉันเพียงแค่ 2 สัปดาห์ พ่อก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ นับเป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดเลยก็ว่าได้ค่ะ”
#ศาสนาช่วยเยียวยาใจ
นับตั้งแต่ที่ “นาตาเลีย” สูญเสียผู้เป็นพ่อ เธอก็อยู่ในความดูแลของคุณย่ามาโดยตลอด คุณย่าของเธอเป็นคนที่เคร่งในเรื่องศาสนา เธอจึงซึมซับทุกอย่างด้วยศรัทธาอันแรงกล้าที่มีต่อพระเจ้า พร้อมทั้งใช้หลักธรรมคำสอนนี้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และคอยชี้นำทางให้เธอได้ประสบความสำเร็จในเส้นทางสายนักสู้ แม้ปัจจุบันคุณย่าจะจากเธอไปอย่างไม่มีวันกลับแล้วก็ตาม
“คุณย่าก็เป็นคนเลี้ยงดูฉัน ท่านรักฉันมากค่ะ คุณย่าของฉันมีความศรัทธาในศาสนา และท่านมักจะสวดภาวนาให้ฉันเป็นประจำ ในที่สุดคุณย่าก็จากฉันไป ซึ่งมันทำให้ฉันจิตใจย่ำแย่มาก ๆ ค่ะ สิ่งเดียวที่คอยประคับประคองและชี้นำฉันคือศาสนา”
“ฉันตระหนักว่าถ้าฉันเป็นคนดี มีจิตใจอารี ทุกอย่างจะมาหาฉันเอง ฉันจึงพยายามใช้ชีวิตให้เต็มที่และเป็นคนที่ดี ด้วยความศรัทธาในพระเจ้า สิ่งนี้จะช่วยให้ฉันผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิตไปได้ค่ะ”
#ออกล่าฝันในเมืองไทย
“นาตาเลีย” ตัดสินใจก้าวเท้าเข้าสู่สังเวียนระดับอาชีพ เธอออกสตาร์ตด้วยชัยชนะเหนือนักสู้สาวมากประสบการณ์ ก่อนจะไล่สั่งสมแต้มชัยเรื่อยมา อย่างไรก็ตามการเป็นนักกีฬามวยไทยหญิงที่แข็งแกร่งในรัสเซีย ทำให้เธอก้าวขึ้นมาเป็นนักชกหญิงฝีมือหาตัวจับยากและปราศจากคู่ชกไปโดยปริยาย ด้วยเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลเพื่อหวังฝึกปรือศาสตร์มวยไทยบนดินแดนเจ้าตำรับ ก่อนจะได้เฉิดฉายฟอร์มสุดปังบนเวทีระดับโลก
“สปอนเซอร์ของฉันบอกกับฉันตรง ๆ ว่าฉันจะอยู่ที่รัสเซียไม่ได้ ถ้าอยากไปได้ไกลกว่านี้ฉันต้องย้ายไปเมืองไทย เหตุผลหลักคือที่รัสเซีย นักกีฬาจะไม่ฝึกซ้อมเต็มเวลา เพราะพวกเขาต้องทำงาน หรือเรียนหนังสือเพื่อเอาตัวรอด ฉันเลยส่งข้อความถึง อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ ว่าฉันไปเทรนที่เมืองไทยได้ไหม และเขาบอกว่าได้เลย ไม่มีปัญหา”
“พอเพื่อน ๆ ฉันรู้เรื่องนี้ ทุกคนพากันบอกว่าที่นั่นมีแต่ผู้ชาย อย่าไปเด็ดขาด แต่ฉันเป็นคนยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ถ้าเขาห้ามไม่ให้ฉันทำอะไร ฉันก็จะทำ ถ้าพวกเขาบอกไม่ให้ฉันไป ฉันก็จะไป แล้วจากนั้นฉันก็เริ่มมาฝึกซ้อมที่ทีมเมห์ดี ตอนนี้ก็ผ่านมา 1 ปีแล้วค่ะ”
#พิชิตสัญญา ONE คือความฝันอันยิ่งใหญ่
กระทั่งเดือน เม.ย.ปีที่ผ่านมา “นาตาลี” ได้โอกาสเปิดตัวบนสังเวียนระดับโลก ในศึก ONE ลุมพินี 13 ด้วยการเอาชนะน็อก “ดอกไม้ป่า แฟร์เท็กซ์” เพียงแค่ยกแรก ก่อนจะเดินหน้าเก็บแต้มชัยชนะรวด 4 ไฟต์ติดต่อกันจนพิชิตสัญญานักกีฬา ONE มูลค่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.5 ล้านบาท) มาครองได้สำเร็จ
“นาตาเลีย” ยอมรับว่าเวทีแห่งนี้คือความหวังสำหรับผู้หญิงทั่วโลกที่มีใจรักในกีฬาการต่อสู้ เพราะที่นี่ให้ความสำคัญกับนักกีฬาหญิง ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านักกีฬาชายเลยแม้แต่น้อย ซึ่งสิ่งนี้ช่วยให้เธอมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ถึงแม้เป้าหมายของเธอคือการคว้าบัลลังก์มวยไทย รุ่นสตรอว์เวต (115-125 ป.) แต่เธอก็ให้ความสำคัญในการสู้กับตัวเองมากกว่าการไปโฟกัสที่ “สมิลลา ซันเดลล์” ราชินีมวยไทยชาวสวีเดน ผู้ถือครองบัลลังก์ในปัจจุบัน
“ที่ ONE ไม่ใช่แค่ฉันจะได้ลงแข่งเทานั้น แต่ฉันยังจะได้ค่าตัวเท่ากับนักสู้ชายด้วยค่ะ ฉันรอสัญญามานานแล้ว และนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันอยากขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจมาเมืองไทย เพราะก่อนหน้านี้มันยากสำหรับฉันมากที่จะเลี้ยงตัวด้วยการชกมวย ฉันขอบคุณร่างกายของฉันที่พาฉันมาถึงจุดนี้ ขอบคุณจิตใจและจิตวิญญาณที่ฉันมี ก่อนหน้านี้ชีวิตฉันไม่มั่นคงเท่าไหร่ แต่วันนี้ฉันรู้สึกมั่นคงมาก และวันนี้คือวันที่ฉันเป็นผู้ชนะค่ะ”
“ฉันไม่มีอะไรจะฝากถึงคู่ชกในอนาคต เพราะมันไม่สำคัญว่าจะต้องชกกับใคร คู่ต่อสู้ที่สำคัญที่สุดของฉันคือตัวเอง ฉันต้องสู้กับตัวเองทุกวันถ้าฉันอยากเก่งขึ้น ต่อให้แชมป์จะเป็น สมิลลา หรือใครก็ตาม พวกเขาจะไม่มีทางชนะคนที่สู้กับตัวเองทุกวันอย่างฉันได้แน่นอนค่ะ”
ติดตามข่าวสารและความคืบหน้าของ ONE ได้ที่นี่ และโซเชียลมีเดียของ ONE ทุกช่องทาง ได้แก่ เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand, ยูทูบ ONE Championship และอินสตาแกรม ONEChampTh