คิดการใหญ่ใจต้องนิ่ง “แฮ็กเกอร์ตี” เผยมุมมองความสำเร็จ ครองแชมป์โลกสองบัลลังก์
“โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี” เผยถึงกุญแจสำคัญที่ทำให้ได้รับชัยชนะเหนือ “ฟาบริซิโอ อานดราเด” จนก้าวขึ้นคว้าเข็มขัดแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่งมาคาดเอวได้เป็นเส้นที่สอง
ถือเป็นอีกหนึ่งวันที่สุดแสนชื่นมื่นของ “โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี” แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.) ชาวอังกฤษ หลังสามารถเอาชนะน็อกเอาต์ “ฟาบริซิโอ อานดราเด” แชมป์โลก ONE MMA ชาวบราซิล คว้าเข็มขัดแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวตมาคาดเอวขึ้นแท่นเป็นราชันสองบัลลังก์ทั้งมวยไทยและคิกบ็อกซิ่งสมความตั้งใจ ในศึก ONE Fight Night 16 เมื่อวันเสาร์ที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา
นับว่าเป็นครั้งที่สองของ “แฮ็กเกอร์ตี” ที่ได้จารึกประวัติศาสตร์บนสังเวียนมวยอันความศักดิ์สิทธิ์อย่างเวทีมวยลุมพินี หลังจากก่อนหน้านี้เขาสามารถขึ้นครองบัลลังก์มวยไทยด้วยการคว้าชัยแบบไม่ครบยกเหนือ “น้องโอ๋ ฮาม่ามวยไทย” เมื่อ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งราชันสองบัลลังก์วัย 26 ปี เผยว่าสังเวียนแห่งนี้มันมีความหมายสำหรับเขามาก และเขาก็เฝ้ารอที่จะได้กลับมาโชว์ฝีมือผ่านสังเวียนที่มีมนต์ขลังแห่งนี้อีกครั้ง
“เวทีลุมพินียิ่งใหญ่มาก ถือเป็นความโชคดีที่ผมได้รับชัยชนะสองครั้งที่นี่ มันมีความหมายมาก ๆ เพราะเป็นสนามมวยที่ยิ่งใหญ่ ผมเติบโตมากับการดูการแข่งขันของเวทีลุมพินี และในที่สุดผมก็ได้ขึ้นชก เพื่อให้แฟน ๆ ลุมพินีและทั่วโลกได้รับชม ซึ่งมีความหมายกับผมมาก และผมอยากกลับมาชกอีกไว ๆ ครับ ”
แม้หลายคนจะมองว่า “ฟาบริซิโอ” ที่เคยมีประสบการณ์เจนจัดในด้านคิกบ็อกซิ่งจะกลายเป็นกระดูกชิ้นโตที่มาขวางเส้นทางความสำเร็จของนักชกเมืองผู้ดี แต่สำหรับตัวของ “แฮ็กเกอร์ตี” กลับไม่สนใจว่าคู่ชกของเขาจะมีประสบการณ์มากเพียงใด เขาพยายามใส่ใจทุกรายละเอียดในการฝึกซ้อมของตัวเอง และเมื่อได้เผชิญหน้ากันบนเวทีเขาก็ได้รับรู้ถึงขีดความสามารถที่มีของราชันแซมบ้ารายนี้ จนเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เขาได้รับชัยชนะ
“ผมให้สัมภาษณ์มาตลอดเกี่ยวกับประสบการณ์คิกบ็อกซิ่งที่ ฟาบริซิโอ มีมากกว่า ผมไม่สนใจผมไม่แคร์เรื่องนั้นเลย แต่เขายังไม่เคยเจอใครอย่างผม และคืนนี้ผมแสดงให้เห็นแล้วว่าผมเตรียมตัวมาดี และผมรู้ว่าผมจะได้รับชัยชนะ”
“ต้นเกมเขาเล็งขาผมพยายามเตะให้ผมเจ็บ ผมไม่ทันได้ป้องกันในช่วง 2-3 ครั้งแรก แต่เมื่อผมบล็อกได้เขาก็เริ่มกังวล อย่างที่ผมบอกถ้าผมบล็อกลูกเตะเขาได้เขาจะไปไม่เป็น คราวนี้ก็ถึงทีของผม”
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้ “แฮ็กเกอร์ตี” คว้าชัยในไฟต์นี้ได้สำเร็จ นั่นคือการทิ้งชีวิตอันแสนสุขสบายในลอนดอน เพื่อมาปักหลักฝึกซ้อมพร้อมกับซึมซับวัฒนธรรมการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายในเมืองไทย นับว่าเป็นการเสียสละที่สุดแสนจะคุ้มค่าเลยทีเดียว เพราะไม่เพียงแค่เข็มขัดแชมป์ที่เขาได้มาเพิ่มเป็นเส้นที่สอง แต่เขายังได้รับโบนัสแบบดับเบิลไปครองมูลค่าสูงถึง 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.5 ล้านบาท) ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็ยอมรับว่าแม้จะได้เงินมหาศาลมากเพียงใด แต่ก็ไม่อาจจะเทียบกับความรู้สึกที่เขาได้สร้างประวัติศาสตร์ให้ตัวเองเป็นแชมป์โลกสองประเภทกีฬาที่น้อยคนใน ONE จะทำได้
“ผมเสียสละหลายอย่างเพื่อย้ายมาอยู่ไทยกับแฟน ทิ้งชีวิตในอังกฤษไว้ข้างหลัง ผมเตรียมตัวสำหรับไฟต์นี้ราวสองเดือนที่เมืองไทย เหตุผลหลักก็เพื่อปรับตัวให้ชินกับอากาศร้อนชื้น วัฒนธรรมจากดินแดนต้นกำเนิดมวยไทย รวมถึงสภาพแวดล้อมอื่น ๆ”
“ผมดีใจจนตัวลอยที่ได้โบนัส แต่เงินไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกที่ผมได้เข็มขัด เงินเทียบไม่ได้กับความรู้สึกที่ผมมีตอนนี้ ผมปลาบปลื้มกับความรู้สึกนี้ และตื้นตันใจมาก ๆ ครับ”
“ต้องขอบคุณโค้ชของผม คริสเตียน โนวส์ ที่มาช่วยผมเก็บตัวฝึกซ้อมในประเทศไทย ถ้าไม่มี คริสเตียน สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นครับ”
สำหรับ “แฮ็กเกอร์ตี” ถือเป็นอีกหนึ่งนักชกสุดฮอตที่หลายคนต้องการจะเผชิญหน้า นับตั้งแต่เขาก้าวขึ้นมาเป็นราชันมวยไทยในรุ่นแบนตัมเวต และการที่เขาได้ครองเข็มขัดคิกบ็อกซิ่งเพิ่มอีกหนึ่งเส้น ย่อมทวีคูณความร้อนแรงของยอดฝีมือแห่งเกาะอังกฤษรายนี้ อย่างไรก็ดี ณ เวลานี้ตัวของ “แฮ็กเกอร์ตี” ยังไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก นอกเหนือจากการโฟกัสในความสำเร็จของตัวเอง
“ผมไม่ได้สนใจใคร ไม่สนว่าใครอยากชกกับผม แค่โฟกัสกับเป้าหมายและทำในสิ่งที่ผมควรทำ โฟกัสกับการไปสู่จุดสูงสุดไม่ไขว้เขวกับอะไรระหว่างทาง จนกว่าจะมีคู่แข่งปรากฎตัวอยู่ข้างหน้า คนอื่นผมไม่ได้สนใจครับ”
แฟนกีฬาสามารถติดตามอัปเดตข่าวสารและโปรแกรมการแข่งขันของ “แฮ็กเกอร์ตี” ได้ที่นี่ รวมถึงโซเชียลมีเดียของ ONE ทุกช่องทาง ได้แก่ เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand, อินสตาแกรม ONEChampTh